ตอนที่แล้วบทที่ 44 การฉายภาพ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46 การฉายภาพ (4)

บทที่ 45 การฉายภาพ (3)


[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]

[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]

[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]

บทที่ 45 การฉายภาพ (3)

คังวูจิน ซึ่งเพิ่งได้เช็คข้อความจากผู้กำกับชินดงชุน เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

‘พวกเขาเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายแล้วเหรอ? เร็วชะมัด’

หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นพอสมควร

‘งั้นฉันจะได้ไปงานเทศกาลหนังจริง ๆ เหรอ? ว้าว ฉันก็เคยเห็นแค่ในทีวีตอนปลายปีเท่านั้น ฉันจะได้ไปจริงเหรอ ไปออกเทศกาลเนี่ยนะ?’

แน่นอนว่า เทศกาลนี้คงมีความแตกต่างจากเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ ๆ ที่คังวูจินเคยเห็น อย่างเช่น บลูดราก้อน หรือ รางวัลละคร SBS Drama Awards แต่สำหรับคังวูจินที่เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง อะไรแบบนี้มันน่าทึ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลระดับไหนเล็กหรือใหญ่ การที่เขาได้ไปเข้าร่วมก็ถือว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว

ในเวลานั้นเอง

-♬♪

ซีอีโอชเวซองกุนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ขณะที่เขากำลังตรวจสอบตารางงานของคังวูจินในสมุดบันทึก เขามองไปยังชื่อผู้โทร

“ผู้กำกับชินดงชุน?”

จากนั้น ซีอีโอชเวซองกุนก็สบตากับคังวูจินในกระจกมองหลัง และเอาโทรศัพท์มือถือแนบหู

“ครับ ผู้กำกับ”

ทันใดนั้น เสียงตื่นเต้นของผู้กำกับชินดงชุนก็ดังขึ้น

“ซีอีโอชเวซองกุนครับ ‘สำนักงานนักสืบ’ ของเราได้รับเลือกเข้าชิงรางวัลชนะเลิศ! ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากคณะกรรมการมาครับ”

“หา จริงเหรอ? เพิ่งได้รับสายมาเลยเหรอครับ?”

“ใช่ครับ! การส่งผลงานของเราได้รับการยืนยันแล้ว และผมก็ส่งข้อความไปหาคุณคังวูจินแล้วด้วย ผมคิดว่าเขาน่าจะกำลังถ่ายทำอยู่”

“อ๋อ ตอนนี้พวกเรากำลังเดินทางอยู่ครับ”

เสียงของซีอีโอชเวซองกุนดังขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ว้าว นี่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ? ผมคิดว่าการประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายจะใช้เวลานานกว่านี้เสียอีก? หรือมันมีผลงานส่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้หรือเปล่าครับ?”

“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ คณะกรรมการไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่จากที่พวกเขาหลุดปล่อยออกมา ดูเหมือนว่าผลงานที่ส่งไปจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปีที่แล้ว อาจจะมากกว่า 1,000 ชิ้นเลยก็ว่าได้ครับครับ”

"แต่มันไม่น่าจะเร็วขนาดนี้สิครับ..."

ขณะที่ชีอีโอชเวซองกุนพูดจบ สมองของเขาได้ทำงานเร็วขึ้น และเขาก็หาคำตอบได้

“นอกเหนือจากเรื่องผลงานที่ดีแล้ว ผมคิดว่าพวกเขาคงติดต่อเรามาก่อนใครเพราะการร่วมแสดงของฮงฮเยยอนแน่ครับ เพราะตามปกติพวกเขามักจะประกาศผลงานที่ได้เข้าไปชิงรางวัลวันเดียวเลยใช่ไหมครับ?”

“ผมก็คิดว่าเป็นไปได้สูงเช่นกันครับ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะติดต่อกับผลงานที่ดูมีศักยภาพสูงก่อน คงติดต่อแยกกันเพื่อให้ความเคารพล่ะมั้งครับ”

หลังจากโทรศัพท์คุยกับผู้กำกับกับชินดงชุนขณะเดินทางไปยังกองถ่ายของทีม B ซีอีโอชเวซองกุนก็วางสายไป

“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับคุณผู้กำกับ พวกเราจะเตรียมตัวให้ดีตามกำหนดการ ใช่ครับ ครับ”

เมื่อซีอีโอของบีดับบลิวเอนเตอร์เทนเมนต์วางสายสาย ฮันแยจุงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คังวูจินก็ขยับเข้ามาใกล้ที่นั่งผู้โดยสาร

“ว้าว ‘สำนักงานนักสืบ’เข้าชิงรางวัลชนะเลิศเหรอครับ?”

“ใช่ มันได้เข้าชิง!”

"ว้าว”

แม้แต่ฮันแยจุงที่มักจะเย็นชา ก็ดูเหมือนจะประหลาดใจไม่น้อย เธอมองไปทางคังวูจินผู้เย่อหยิ่งด้วยความชื่นชมอย่างมาก

“พี่ชาย คุณจะได้ไปเทศกาลหนังแล้วเหรอเนี่ย? แค่สองเดือนเองนะตั้งแต่เริ่มเล่นหนัง”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซีอีโอชเวซองกุนก็ตอบแทนเขาไป

“เขาเพิ่งมาอยู่ในประเทศนี้ได้สองเดือนต่างหาก ว่าแต่คังวูจิน นายเคยไปเทศกาลหนังที่อื่นมาบ้างไหมครับ?”

เคยไปก็บ้าแล้ว

ตอนนั้นเอง ฮันแยจุงก็เปิดสมุดบันทึกของเธอด้วยท่าทางจริงจัง  แววตาของเธอดูมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

“ฉันจะจัดการแต่งหน้าให้อย่างเลิศเลยค่ะสำหรับ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ เพราะมันเป็นถึงงานสำคัญในวงการหนังสั้น นักข่าว ผู้กำกับ และนักแสดงมากมายจะมาร่วมงานด้วย เราแพ้ไม่ได้เด็ดขาด”

ขณะนั้นเอง คังวูจิลดสายตาลงไปมองบทภาพยนตร์ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เพื่อสงบหัวใจที่เต้นแรง ส่วนซีอีโอชเวซองกุนผู้กำลังมองคังวูจินผ่านกระจกมองหลังก็อุทานออกมาในใจ

‘สามารถไปยังเทศการหนังสั้นด้วยเวลาเปิดตัวเพียงสองเดือน แค่เขาเพียงออกมาจากหลังฉากเนี่ยนะ? มันทั้งบ้าและไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนแน่ ฉันไม่เคยเห็นเส้นทางนักแสดงคนไหนเป็นแบบนี้มาก่อนเลย กระทั่งผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศก็ยังมาทาบทามเขาอีก’

ไม่ว่าการแสดงจะตื่นตาขนาดไหน แต่แรงดึงดูดต่อผู้กำกับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซีอีโอชเวซองกุนผู้มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมากกว่า 10 ปีย่อมรู้เรื่องนี้ดีที่สุด

'แถมภาษาอังกฤษของเขายังคล่องแคล่วราวกับว่าจะไปฮอลลีวูดได้เลยตอนนี้ แต่ฉันไม่รู้เลยแฮะว่าเขารู้ภาษาญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า?’

ซีอีโอชเวซองกุน ผู้ซึ่งไม่รู้สึกเสียใจกับเงื่อนไขสัญญาที่สุดโต่งเลย กําลังประเมินอนาคตที่น่าตื่นตาตื่นใจของคังวูจิน ในยามนั้นเอง เขาหันกลับไปพร้อมถามว่า

“คังวูจิน แล้วบทภาพยนตร์เรื่อง ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็...น่าสนใจครับ”

“อ๋อ? น่าสนใจเหรอ?”

"แต่ทำไมคุณถึงถามล่ะครับ?”

“เปล่าหรอก แค่พอได้ยินนายบอกว่ามันน่าสนใจ มันก็เลยออกจะแปลก ๆ นิดหน่อย”

แม้ว่ามันจะดูแปลก แต่คังวูจินก็ไม่ได้โกหกหรือเสแสร้ง เพราะเรื่อง ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ มันน่าสนใจจริง ๆ

‘แย่แล้วสิ! ถ้าทำตัวเป็นคนเย็นชาและตอบไปส่ง ๆ อยู่มาก เขาจะมองฉันและทนอยู่กับฉันได้ยังไงกันเนี่ย?’

ดังนั้นถึงคังวูจินจะแสร้งทำตัวเย็นชา แต่เขาก็ได้พูดออกมาว่า

“ผมยังอ่านไม่จบ แต่มันก็น่าสนใจนะครับ”

“โอเค งั้นบอกฉันหลังจากที่นายอ่านจบแล้วล่ะกัน ไม่ว่านายจะรับเล่นหรือเปล่า และตัวละครตัวไหนที่นายชอบเป็นพิเศษ ผู้กำกับควอนกีแท็กก็บอกว่าไม่รีบร้อน เพราะงั้นใช้เวลาของนายและคิดดูได้เลย”

"ครับ ซีอีโอ"

“ผู้กำกับควอนกีแท็กน่าจะมีตารางงาน 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ อยู่เหมือนกัน ไว้เราค่อยอาจนัดไปพบกันหลังเทศกาลก็ได้”

ทันใดนั้น คังวูจินก็เปลี่ยนเรื่องด้วยการกล่าวน้ำเสียงเรียบ ๆ

“คือว่า ผมขอบทละครหรือบทภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ไหมครับ?”

“กะทันหันแบบนี้เลยเหรอ? อันเก่า ๆ ใช่ไหมครับ?  หรืออันที่ยังไม่ได้เริ่ม?”

“ผมขอแบบที่ยังอยู่ในการวางแผนจะดีกว่าครับ”

ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะได้โปรเจคใหม่ คือเขาแค่อยากอ่านบทละครและบทภาพยนตร์ต่าง ๆ มากกว่า สาเหตุเพราะเขาต้องการหาประสบการณ์และความรู้เพิ่มเติมให้เร็ซที่สุด

'คงจะดีถ้าเกิดเจออะไรที่มันมีคุณภาพสูงหน่อย'

ในขณะเดียวกัน ซีอีโอชเวซองกุนลูบคางของเขาแล้วถาม

“อืม การหาผลงานที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดน่าจะไม่ยาก แต่นายไม่รีบร้อนใช่ไหม?”

“ครับ ผมแค่อยากจะอ่านมันล่วงหน้าเฉย ๆ”

"จริงเหรอ? แล้วนายชอบแนวไหนมากกว่ากัน? ระทึกขวัญ แอ็คชั่น โรแมนติก"

“ผมไม่ค่อยซีเรียสครับ”

“อืม ก็นายเล่นเป็นตัวละครที่หนักหน่วงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแสดงครั้งแรกอยู่แล้ว…ถ้านายทำแบบนั้นต่อไป ภาพลักษณ์ของนายอาจจะถูกภาพจำแบบนั้นไปเลย งั้นพวกแนวหวาน ๆ เป็นไง มันเหมาะกับการทำให้แฟนคลับคลั่งไคล้ที่สุดเลยนะ”

ซีอีโอชเวซองกุนกําลังอธิบายต่ออีกว่า

“คังวูจิน นายมีความสามารถหลากหลายและกว้าง”

เขาแนะนำคังวูจินที่นั่งเงียบลงไป

“นายอยากลองเล่นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ หรือแนวโศกนาษฎกรรมดูบ้างไหม?”

วันเดียวกัน เวลาราว ๆ เที่ยงวัน ประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว

ร้านอาหารซูชิระดับเลิศหรูใกล้สถานีโตเกียว แม้เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าแพง ชายสองคนนั่งตรงข้ามกันในห้องวีไอพี บนเสื่อทาทามิของร้านซูชิ คนหนึ่งอยู่ในวัย 50 ปี ผมสีเทาเต็มศีรษะและมีจมูกใหญ่ อีกคนเป็นชายร่างผอม อายุน้อยกว่า 50 ปี

พวกเขากำลังเพลิดเพลินกับซูชิหลากหลายสีสันที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ

จากนั้นชายร่างผอมก็เริ่มการสนทนา

“อ่า… ผู้กำกับครับ”

ชายผมหงอกที่กําลังมองซูชิตอบด้วยเสียงเบา

“อะไรเล่า? ใครเร็วก็ชนะไปไม่ใช่เหรอ?”

พอได้ยินคำตอบของเขา ชายร่างผอมหัวเราะเบา ๆ

“เปล่าครับ ไม่ได้เกี่ยวกับซูชิสักหน่อย คือคุณจะไปเกาหลีเหรอครับ? คุณบอกว่าคุณได้รับเชิญไปงานเทศกาลหนังใช่ไหมครับ?”

"อืม? อ๋อ ใช่ ผมคิดว่าผมจะไปน่ะ”

"จริงเหรอครับ? คุณเองก็พักผ่อนมาพอสมควรแล้ว ถึงเวลาเริ่มโครงการใหม่ได้แล้วสินะครับ”

"แม้ว่าผมจะเริ่มงานใหม่ แต่คงไม่ได้ร่วมงานกับคุณหรอก"

"น่าเสียดายนะครับ"

จริง ๆ แล้วชายวัยห้าสิบที่มีจมูกใหญ่คนนี้ คือผู้กำกับ เขาเป็นหนึ่งในผู้กํากับที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเสมอ เมื่อพูดถึงผู้กำกับชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น ผลงานภาพยนตร์ของเขามีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น สารคดี แอ็คชั่น ชีวประวัติ ดราม่า หนังสืบสวนตื่นเต้น ฯลฯ และในปี 2018 เขายังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์อีกด้วย

ชื่อของเขาคือ เคียวทาโร่ ทาโนกุจิ

นอกจากนี้ ผู้กำกับเคียวทาโร่ ทาโนกุจิ ยังมีความผูกพันที่ดีกับเกาหลีอีกด้วย

『'ผู้กำกับ 'ระดับปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่น' เคียวทาโร่ ทาโนกุจิโพสต์ภาพทริปเที่ยวเกาหลีลง SNS อีกครั้ง』

เขาเป็นคนเข้ากับคนง่าย เป็นผู้ชื่นชอบเนื้อหาและวัฒนธรรมเกาหลี เขาอัพเดทรูปภาพจากทริปเที่ยวเกาหลีลง SNS ของเขาบ่อย ๆ แถมยังเคยร่วมงานในโปรเจคท์ร่วมญี่ปุ่น-เกาหลีเมื่อนานมานี้ด้วย

ยังไงก็ตาม

“มีอะไรผิดหวังกัน? เราเคยร่วมงานกันมาหลายโปรเจคต์แล้วนี่”

ขณะที่ผู้กำกับเคียวทาโร่ ทาโนกุจิกำลังวางตะเกียบลง ชายร่างผอมตรงข้ามถอนหายใจและเปลี่ยนเรื่อง

"ก็จริงครับ แต่จะมีอะไรให้คุณสนุกที่เทศกาลหนังเกาหลีนั้นเหรอ?”

“มันคือ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ต่างหาก ผมถูกเชิญไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ไปไม่ได้ ปีนี้ผมเลยว่าจะลองไปดู มันน่าจะมีอะไรให้ดูเยอะแยะแหละนะ เพราะมันเป็นเทศกาลหนังสั้น”

"แต่ถ้าเป็นเทศกาลหนังสั้น นักแสดงทุกคนย่อมไม่มีชื่อเสียงสิครับ แถมมันยังดังแค่ในเกาหลีเท่านั้นนะ ระดับโลกก็ไม่ได้เห็นสำคัญอะไรสักหน่อย? แถมหนังอาจจะธรรมดาด้วย"

ผู้กำกับเคียวทาโร่ ทาโนกุจิ ถือแก้วน้ำชำเลืองมองชายร่างผอมตรงข้ามเขา

“ความคิดแบบนั้นแหละที่ทำให้วงการหนังญี่ปุ่นตกต่ำลง”

“...หือ?”

“ที่ญี่ปุ่นเอง หนังสั้นและหนังศิลปะก็โดนมองข้ามเหมือนกัน ถ้าดูที่สถานการณ์ตอนนี้ ญี่ปุ่นน่ะจำเป็นต้องเรียนรู้ระบบตลาดจากของเกาหลีด้วยซ้ำ”

“อ่า ถ้าเป็นเรื่องนั้นผมก็เห็นด้วยนะ”

“ลองมองไปที่เน็ตฟลิกซ์ญี่ปุ่นสิ มันไม่ได้ให้คำตอบคุณเหรอ? เกินครึ่งของ 10 อันดับแรกเป็นผลงานของเกาหลีใต้ มันวิกฤติแล้วไม่ใช่หรือไง? แต่ญี่ปุ่นมีตลาดภายในประเทศที่มั่นคง ตอนนี้มันเลยยังคงเดิมอยู่ได้”

“······”

“นักแสดงมักจะแสดงด้วยน้ำเสียงแบบ ‘ดูฉันสิ ฉันกำลังแสดงอยู่เนี่ย!’ แล้วผู้กำกับก็ยังคงใช้วิธีการและระบบเดิม ๆ”

ผู้กำกับเคียวทาโร่ ทาโนกุจิถอนหายใจยาว

“แต่ญี่ปุ่นกำลังโดนกระแสเกาหลีกลืนไปเรื่อย ๆ ตอนนี้คนที่รักเคป็อปและคอนเทนต์เกาหลีมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากผิดถนัดตา”

เขาเผยความในใจอันจริงใจออกมา

"เราจำเป็นต้องให้ความสนใจเกาหลีใต้มากขึ้น นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ผมจะไปเกาหลี”

หลังจากนั้นเอง

ขณะที่คังวูจินกำลังมุ่งมั่นกับการถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ข่าวสารต่าง ๆ ก็ถูกก็แพร่ไปบนอินเตอร์เน็ต

『[คุยกันเรื่องหนัง] 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ปีนี้มีสปอนเซอร์ใหม่ พวกเขาเปลี่ยนวิธีการจัดงานแตกต่างจากปีที่แล้ว!』

มันเป็นข่าวเกี่ยวกับ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่เหมือน 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'’ หรือสงครามละครก็เถอะ

『คณะกรรมการ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’: “ผู้กำกับต่างชาติชื่อดังหลายคนจะมาร่วมงานในปีนี้”』

ทว่าถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่มันก็เป็นการประชาสัมพันธ์ที่รุกหนักกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ในครั้งนี้ถูกนำเสนอในหน้าบันเทิงของเว็บต่าง ๆ และในชุมชนออนไลน์มากมาย

-ภาพถ่ายล่าสุดที่เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง.jpg

หลังแหล่งเงินทุนสนับสนุนเปลี่ยนไป สปอนเซอร์ก็ใช้จ่ายเงินทุ่มลงหมดหน้าตักเหมือนไม่ได้หวังผลกำไร การโปรโมท 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองซอง" ไม่ใช่แค่กระแสแวบเดียว แต่มันยังคงมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นในวันต่อ ๆ มา

นอกจากนั้น

"พวกนายรู้จัก 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ไหม? มันเป็นเทศกาลหนังที่จะเปิดในวันที่ 30 ของเดือนนี้ไง? พวกเขาลงโฆษณาที่นั่นแล้ว!”

เหล่าผู้จัดรายการออนไลน์และยูทูปเบอร์หลายคนก็โปรโมท 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ด้วย แม้ว่ากระแสจะไม่ได้มากมายมหาศาล แต่ก็ยังแพร่หลายไปสู่ผู้คนจำนวนมาก เพราะว่ามันเป็นวิธีการโปรโมทที่แม้แต่ปีที่แล้วก็ยังไม่เคยลองทำ

「[ประเด็นร้อนแรง] ยูทูปเบอร์ชื่อดังไปจนถึงนักแสดงชั้นนำ พวกเขาทั้งหมดกำลังโปรโมท 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง'

เรื่องนี้จึงดึงดูดความสนใจไปเป็นธรรมดา

ดังนั้น ผู้คนที่สนใจ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง'  อยู่แล้ว กับคนที่ไม่สนใจก็มารวมกัน คำที่ใช้เรียกแขกอย่างเช่น ผู้กำกับชั้นครู นักแสดงชั้นนำ หรือ นักแสดงต่างชาติชื่อดัง ก็มีส่วนเช่นกัน

ผลที่ได้ของการโปรโมทที่รุกหน้าเช่นนี้เห็นผลได้ทันที

ชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ต่างคึกคัก และมีการแชร์เกี่ยวกับ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองซอง' บ่อยครั้งบน SNS เป็นต้น พูดกันปากต่อปากก็มี

ยกตัวอย่างเช่น..

"โอ้-”

คิมแดยอง เพื่อนของคังวูจินที่เพิ่งกลับมาจากทานข้าวกลางวันได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเขามีความสนใจในด้านการแสดงอยู่แล้ว ตอนนี้ความสนใจนั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก

“หา 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ กำลังทำลงข่าวใหญ่มากในปีนี้จริง ๆ เหรอ?”

เขาอยากไปเหลือเกิน เพราะตารางของเทศกาลมีการฉายหนังสั้นรอบสุดท้ายตลอดทั้งสัปดาห์ รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย ยกเว้นแค่พิธีปิดและมอบรางวัล

ทว่า ตัวคิมแดยองยังลังเลที่จะไปคนเดียว

"เฮ้อ...ลากใครไปด้วยดีวะเนี่ย?”

คิมแดยองส่งข้อความถึงหนึ่งในสามสมาชิกที่เขารู้จัก รวมถึงคังวูจินด้วย

- เฮ้ ลีคยองซอง

เพื่อนของเขาก็อยู่ในช่วงพักกลางวันเช่นกัน อีกฝ่ายเลยตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

-เจ้าอ้วนคยองซอง:  พูดมา

- (ลิงค์) แกอยากไปดูเทศกาลหนังสั้นอาทิตย์หน้าไหม?

-เจ้าอ้วนคยองซอง:  ไม่ไป

- ทำไมล่ะ ไอ้บ้าเอ้ย? วันหยุดแกก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนิ

-เจ้าอ้วนคยองซอง:  ฮ่าฮ่าฮ่า! แล้วทำไมฉันต้องไปดูด้วยวะ?

- คิดว่าไปกินเหล้าหลังจากงานกันก็ได้นิ

-เจ้าอ้วนคยองซอง:  เออได้ แล้วโทรชวนคนอื่นด้วยนะ ว่าแต่ทำไมคังวูจินมันถึงยุ่งอยู่ตลอดวะ?

- ไม่รู้สิ มันบอกว่าช่วงนี้มาก อืม ช่างเถอะ ฉันชวนนาฮยองกูไปด้วยไหม?

-เจ้าอ้วนคยองซอง:  เออ ชวนนาฮยองกูไปด้วย ฉันว่านะ สงสัยคังวูจินมีแฟนแน่ ๆ

- ถ้าเป็นแฟนกันก็ไม่เป็นไรหรอก นาฮยองกูตกลงไปแล้ว นายต้องมานะ

-เจ้าอ้วนคยองซอง:  ฮ่าฮ่าฮ่า โอเค

คิมแดยองที่ลากเพื่อนมาได้สองคน ก็ส่งข้อความไปหาคังวูจินอีกที

- เฮ้ นายยังมีชีวิตอยู่ไหมเนี่ย? โผล่หน้ามาหน่อยดิ

น่าประหลาดใจที่ข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

-ปล่อยฉันไว้คนเดียว:  ไว้คราวหน้าเถอะนะ ฉันยุ่งจริง ๆ

ทันทีที่เห็นข้อความตอบกลับ คิมแดยองก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

"ไอ้หมอนี่ ต้องมีแฟนแน่ ๆ"

ตอนบ่ายแก่ ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน

สถานที่คือ กองถ่าย 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' มันเป็นทีมหลักไม่ใช่ทีม B ทีมงานหลายสิบคนรวมถึง PDซงมันวูต่างกลั้นหายใจและมองไปที่โซนถ่ายทำ

“……”

“……”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กึ่งกลาง ซึ่งคังวูจิน หรือรองหัวหน้าพัคกำลังยืนอยู่พร้อมถูกใส่กุญแจมือ โดยมีนักสืบทั้งสองด้านจับไว้

ในขณะนั้นเอง กล้องด้านหน้าค่อย ๆ เลื่อนเข้าหารองหัวหน้าพัค บนราง

ใบหน้าของรองหัวหน้าพัคจึงปรากฏบนจอภาพที่ PDซงมันวู กำลังดูอยู่ รองหัวหน้าพัคไม่มีอะไรจะพูด เขาเพียงแค่จ้องมองกล้องที่กำลังขยับเข้ามา สิ่งที่น่าสนใจคือ รองหัวหน้าพัคมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยบนจอภาพ ใบหน้าขยายใหญ่ขึ้น มุมปากของเขาก็ค่อย ๆ ยกขึ้น

ราวกับว่ามันเป็นกระบวนการของคนที่กำลังยิ้มอย่างเชื่องช้า

รอยยิ้มของรองหัวหน้าพัคกำลังยกกว้างขึ้น ไม่สิ จะบอกว่ารอยยิ้มที่น่าขนลุกก็ได้ มันกำลังปกคลุมไปทั่วใบหน้าของเขามากกว่า มันให้ความรู้สึกเหมือนหมึกที่กำลังซึม เมื่อกล้องหยุดลงไป มันก็ห่างจากรองหัวหน้าพัคเพียงสองก้าว

“……”

รอยยิ้มที่สดใสฉายแววบนใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ก่อนหน้านี้ของรองหัวหน้าพัค เมื่อรวมกับดวงตาที่บ้าคลั่ง รุนแรง และรอยยิ้มที่ยกกว้างขึ้น มันก็ชวนให้นึกถึงตัวตลกขึ้นมา

รอยยิ้มที่ถูกวาดไว้ และความจริงที่ปิดซ่อนอยู่ภายในใจ

ใบหน้าของเขาผสานเป็นหนึ่งเดียว แต่มันมีหลายชั้นผสมกัน ฉากที่แสดงออกถึงตัวละครของเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีความจริงไม่อาจรู้ได้ปิดบังไว้

ณ ตอนนี้เอง

"......คัท!  โอเค!!!”

PDซงมันวู ผู้ที่ดื่มด่ำไปกับการแสดงของคังวูจินได้ลุกขึ้นและตะโกนออกไป พร้อมกับทีมงานหลายสิบคนที่อยู่รอบ ๆ เขา ต่างปรบมือให้กับคังวูจิน

- แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ!

"สุดยอดเลย คุณทำได้แล้ว!”

"คุณคังวูจิน คุณพยายามมาหนักมากเลยนะคะ!!"

"เสียดายจัง น่าเสียดายจริง ๆ ! คุณคังวูจิน คุณทำได้ดีมากเลยครับ!”

นักแสดงที่รออยู่ เช่น รยูจองมินก็ร่วมปรบมือด้วย รอยยิ้มจริงใจปรากฎบนใบหน้าของพวกเขา เพราะการแสดงบทบาทรองหัวหน้าพัคของคังวูจินนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้ว่าเขาจะเป็นรุ่นน้อง แต่เสียงปรบมือก็แฝงไปด้วยความเคารพในฐานะเพื่อนนักแสดง

แล้วก็

-ฉึบ

ทันใดนั้น PDซงมันวูรีบวิ่งไปหาคังวูจินที่กองถ่าย เขาก็ยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่ายสองนิ้ว

"ตลอดอาชีพการกำกับของผม ตัวละครองหัวหน้าพัคที่คุณแสดงให้เราดู เป็นตัวละครที่ดีที่สุดเลย แบบจริง ๆ นะครับรู้ไหม?”

ท่ามกลางเสียงชื่นชมและแสดงความยินดีกับคังวูจินที่ยังคงแสดงสีหน้าเฉยเมย

'คือจะว่าไงดีล่ะ??'

ความรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อยและความสำเร็จ ความพึงพอใจอันยิ่งใหญ่ ทุกอย่างต่างหลั่งไหลมาสู่เขา ในยามนี้เขาไม่จำเป็นต้องแสร้งหรือทำตัวแข็งแกร่งอีกต่อไปแล้ว

'อืม...ผมควรขอบคุณทุกคนสินะ'

คังวูจินก้มหัวอย่างจริงจังให้กับ PDซงมันวู นักแสดงรุ่นพี่หลายคน และทีมงานหลายสิบคนที่เขาร่วมงานด้วยอย่างหนัก

"ขอบคุณทุกคนครับ ผมได้เรียนรู้มากมายเลย"

ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่การถ่ายทำ ‘รองหัวหน้าพัค’ ของคังวูจินเสร็จสิ้นแล้ว

และอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา

คังวูจินเพิ่งถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'’ ในฐานะรองหัวหน้าพัคเสร็จ เขาก็เดินออกมาที่ลานจอดรถกองถ่าย คังวูจินอยู่คนเดียวไม่มีทีมงาน ซีอีโอชเวซองกุนกำลังคุยกับทีมผู้กำกับ ฮันแยจุงกำลังเก็บชุดสูท และจางซูฮวานวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

จากนั้นเอง

-ฟิ้ว ฟิ้ว

คังวูจินมีสีหน้าไร้อารมณ์ เงยหน้ามองท้องฟ้าด้านหน้ารถตู้สีดำ เวลามาถึงช่วงเย็นโดยที่เขาไม่รู้ตัว แสงจันทร์ทอแสงสว่างไสว บรรยากาศไม่เลวเลย สายลมเย็นพัดผ่านมาด้วย รู้สึกราวกับว่าธรรมชาติกำลังแสดงความยินดีกับการถ่ายทำวันสุดท้ายของเขา

ดังนั้น คังวูจิน...

“……”

ความสุขที่เขาซ่อนไว้ก็ปรากฏออกมา รอยยิ้มกว้างเบ่งบานจากริมฝีปาก เขาปล่อยวางการแสดงไปชั่วขณะ  ความตื่นเต้นและความรู้สึกที่ก้าวผ่านอุปสรรคมาได้ทำให้เขารู้สึกชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

เขาพยายามอย่างหนักมาตลอด ดังนั้นขอแค่นี้ก็ไม่เป็นไรใช่ไหม?

เขาหัวเราะออกมา นั่นคือสิ่งที่คังวูจินกําลังทําอยู่ตอนนี้ เขาก็แค่กลับไปเป็นตัวเขาคนเดิม ซึ่งหากมีคนสังเกตเห็น ไว้เขาค่อยแสร้งทำอะไรสักอย่างก็ได้

"ฮ่าฮ่า ถึงจะรู้ว่าฉันไม่ควรหัวเราะ แต่มันก็อดไม่ได้เลยแฮะ "

คังวูจินกำลังหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

“……?”

ทว่า มันมีคนแอบมองอยู่จากภายในรถตู้สีขาว เป็นฮงฮเยยอนที่รออยู่ข้างในรถตู้พร้อมกับมาส์กปิดตาสีชมพูอยู่บนหน้าผาก

"เขากําลังทําอะไรอยู่......เนี่ย?"

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที เรียกว่าตะลึงงันไปแล้ว

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด