ตอนที่ 538 ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ
หยางซือเหมยยิ้มพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเสี่ยวจิน “พี่มีคนที่จะแต่งงานด้วยแล้ว ต่อไปเสี่ยวจินจะเติบโตขึ้นและแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เมื่อถึงตอนนั้นพี่จะมอบห้องชุดให้เธอเป็นของขวัญแต่งงานด้วยนะ”
เสี่ยวจินส่ายหัวอย่างดื้อรั้น “แต่ผมไม่ต้องการแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น”
เฮ้อ! เด็กคนนี้...
หยางซือเหมยส่ายหัวอย่างจนปัญญาและไม่ได้เก็บคําพูดของเขามาใส่ใจ เพราะหลังจากนี้อีกไม่กี่ปี เขาจะเติบโตขึ้นและคําพูดเหล่านี้จะถูกลืมไปในที่สุด
หลังจากที่หยางซือเหมยช่วยฝังเข็มให้เขาเสร็จเรียบร้อย เด็กสาวก็ช่วยเย่ชิงทายาบนใบหน้า
เธอใช้ตัวยาล้ำค่าที่ซิ่วหูมอบให้ไว้ก่อนหน้านี้ร่วมกับยาบางชนิดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาเพื่อปรุงยาให้เย่ชิงรับประทานด้วย
การรักษาอาการของเย่ชิงนั้นดีขึ้นมาก เวลานี้แผลเป็นค่อยๆ จางลงและเริ่มมีการผลัดเซลผิวใหม่ซึ่งจะหายเป็นปกติภายในอีกสามวันต่อมา อีกทั้งการทานยาเหล่านี้จะส่งผลต่อผิวพรรณของเธอ เพื่อให้ผิวของเธอดูเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูสดใส
“พี่คะ หน้าของหนูใกล้จะหายหรือยัง?” เย่ชิงมองตัวเองในกระจกเงาและเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
“ใกล้แล้วล่ะ อย่างช้าที่สุดก็สามวัน”
หยางซือเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงตอนนั้น เย่ชิงตัวน้อยของเราก็จะกลายเป็นเจ้าหญิง และพี่จะซื้อเสื้อผ้าชุดเจ้าหญิงสวยๆ ให้”
“พี่ซือเหมย ทำไมพี่ถึงดีกับหนูอย่างนี้?” เย่ชิงรู้สึกขอบคุณ
“ก็เพราะเธอเคยดีกับพี่ และนี่เป็นสิ่งที่พี่ไม่เคยลืม” หยางซือเหมยยิ้ม
“อย่างงั้นต่อไปหนูจะทําดีกับผู้คนมากขึ้น ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่หนูจะดําเนินชีวิตเพื่อตอบแทนความดีของพี่ได้!” เย่ชิงพยักหน้า
ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้!
หยางซือเหมยรู้สึกชื่นชมจากใจจริง…
***
“ย่าคะ ย่าไม่อยากเจอคุณปู่เฉิงบ้างเหรอ?” หยางซือเหมยเอ่ยถามขณะคุณย่าของเธอรดน้ำต้นไม้อยู่
มือของคุณย่าที่ถือฝักบัวหยุดนิ่งก่อนจะส่ายหัว “ย่าไม่อยากเจอเขา”
“ย่าคะ หนูถามจริงๆ ย่าไม่อยากกลับไปปักกิ่งเพื่อกับพบกับพ่อของย่าหรอกเหรอ?”
หยางซือเหมยจําได้ว่า เฉิงเทียนฮวาเคยพูดว่าในตอนนี้บิดาของคุณย่าไม่ค่อยสบายและผู้เฒ่ายังคงคิดถึงคุณย่าทุกวัน
จากนั้นคุณย่าวางฝักบัวไว้ในมือแล้วนั่งลงอย่างเงียบงัน และในเวลานี้หยางซือซีรีบร้อนเข้ามาและกล่าวด้วยความกังวล “ย่าคะ มีคนจากปักกิ่งมาตามหาน้องสาวที่บ้านเรา”
ทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของหญิงชราเริ่มผิดปกติราวกับกำลังจะเป็นลม ขณะมือของเธอกอดแขนของหยางซือเหมยด้วยอาการสั่นเทา และส่ายหัวอย่างไม่สบายใจ “ย่าไม่อยากเห็นพวกเขา ย่าปล่อยให้พวกเขาเห็นย่าในสภาพนี้ไม่ได้ หลานรัก ช่วยย่าด้วยนะ ช่วยห้ามพวกเขา ย่าไม่อยากเห็นพวกเขา…”
เมื่อเห็นความตื่นตระหนกของคุณย่า หยางซือเหมยจึงรีบช่วยลูบหลังเพื่อให้คุณย่าสงบสติอารมณ์
“ซือซี ใครมาจากปักกิ่ง?” หยางซือเหมยเอ่ยถาม
“คุณปู่ที่แก่มาก เขามากับพี่ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่ง”
หยางซือซีพูดอย่างตื่นเต้น “พวกเขาบอกว่ากําลังตามหาคนที่ชื่อ เฉิงฮุ่ย แต่ไม่มีใครในบ้านของเราชื่อเฉิงฮุ่ยไม่ใช่เหรอ?”
“งี่เง่า ก็คุณย่าไงที่ชื่อเฉิงฮุ่ย!” หยางซือเหมยกลอกตาอย่างหงุดหงิด
“โอ้ โอ้ โอ้ โอ้ หนูลืมไปเลย! ปกติแล้วเราเรียกแต่ย่าเฉยๆ นี่นา” หยางซือซีแก้ตัว
“ย่าคะ อย่างนั้นหนูจะออกไปรับหน้าก่อน แล้วจะกลับมารายงานทีหลังนะคะ” หยางซือเหมยกล่าวกับคุณย่าด้วยรูปลักษณ์ที่ซับซ้อน
คุณย่าพยักหน้าและสั่งว่า “หลานไม่สามารถพาพวกเขามาพบย่าได้ก่อนที่ย่าจะพร้อม”
“โอเคค่ะ”
จากนั้นหยางซือเหมยกำชับหยางซือซีให้คอยปลอบโยนหญิงชราก่อนจะออกไปด้านนอก
***
เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่น เธอเห็นชายชราคนหนึ่งอายุประมาณแปดสิบหรือเก้าสิบปี เขามีผมสีเงินและสวมสูทถังสีเทาด้วยสีหน้าสง่างาม และนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แดงพร้อมด้วยไม้เท้า
ด้านหลังเขามีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสวมชุดจีนเช่นกัน
ชายหนุ่มคนนี้อายุประมาณสิบแปดหรือสิบเก้าปี ขามีรูปร่างที่สูงโปร่งและตั้งตรงราวกับต้นป็อปลาร์ ทั้งยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาและสง่างาม ด้วยรูปลักษณ์ที่สุขุมนี้ให้กลิ่นอายราวกับชนชั้นที่มาจากครอบครัวนักวิชาการที่มีชื่อเสียง
เมื่อมองดูใกล้ ๆ คิ้วของเด็กหนุ่มคนนี้มีความคล้ายกับของหยางซือเหมยมากเลยทีเดียว
ครั้นชายชราเห็นหยางซือเหมย การแสดงออกของเขาเริ่มมีความตื่นเต้นราวกับกำลังจะหายใจไม่ออก จากนั้นเขายืนขึ้นพร้อมกับไม้เท้าด้วยอาการลังเล แต่กลับนั่งลงอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะชรามากแล้ว แต่ยังคงมีดวงตาอันเฉียบคมและมองมาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
ส่วนหยางชิงดูเหมือนจะทําอะไรไม่ถูกหลังจากได้พบชายสองคนนี้ และเมื่อเห็นหยางซือเหมย เดินเข้ามา เขาจึงรู้สึกโล่งใจ
“อาเหมย มานี่สิ!” หยางชิงกวักมือเรียกเธอ
เมื่อบุตรสาวเดินเข้ามา หยางชิงกระซิบกับเธอว่า “บางทีอาจจะเป็นญาติของย่า ลองไปสอบถามดูสิ”
หยางซือเหมยพยักหน้า จากนั้นเธอก้าวไปข้างหน้าเพื่อชงชาสําหรับผู้สูงอายุกับชายหนุ่มและนําเสนอ
ชายชรามองเธอชงชาด้วยวิธีที่เชี่ยวชาญและสง่างามด้วยสายตาที่ตรวจสอบ ซึ่งเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและยินดี
เขาหยิบถ้วยชาแล้วก้มศีรษะลงจิบ จากนั้นพยักหน้า “อืม รสชาติไม่เลว”
“ขอบคุณค่ะคุณทวด!”
หยางซือเหมยไม่กังวลในเรื่องนี้ เนื่องจากเธอพอจะรู้คร่าวๆ ว่าชายชราคนนี้เป็นใคร
“เธอเป็นหลานสาวของเสี่ยวฮุ่ยเหรอ แล้วเสี่ยวฮุ่ยอยู่ที่ไหน? เธออยู่ที่ไหน?”
น้ําเสียงของชายชราค่อนข้างกระตือรือร้นขณะกล่าวอีกว่า “ไปบอกเธอโดยเร็วว่าพ่อของเธออยู่ที่นี่ เพื่อให้เธอออกมาพบฉัน และฉันจะยกโทษให้เธอ”
หยางซือเหมยจึงลุกขึ้นและแค่อยากจะกลับไปที่สวนหลังบ้านเพื่อตามตัวคุณย่า แต่เธอเห็นหญิงชราเดินออกมาจากทางด้านหลัง จากนั้นถอนหายใจแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าชายชราผู้มาเยือนก่อนจะร้องเรียก “คุณพ่อ!”
เมื่อเห็นคุณย่าผู้มีผมหงอกขาวคุกเข่าต่อหน้าชายชราและร้องไห้เหมือนลูกสาวตัวน้อย ดวงตาของหยางซือเหมยพลันเบิกกว้างด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
“เสี่ยวฮุ่ย…”
มือของชายชราที่ปกคลุมไปด้วยจุดด่างดำด้วยอายุเหยียดออกไปอย่างสั่นเทา และสัมผัสผมหงอกขาวของคุณย่าเฉิงฮุ่ย
ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ผมสีดําอันเงางามก่อนหน้านี้ของบุตรสาวกลายเป็นผมหงอกเช่นเดียวกับตัวเขาเอง อีกทั้งผิวพรรณยังเหี่ยวย่นไปทั้งร่าง
ชายชรามีความรู้สึกเสียใจจนมีน้ำตาคลอเบ้าและอยากจะประคองร่างของเฉิงฮุ่ยขึ้น แต่หญิงชรากลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสําลัก “คุณพ่อ ลูกช่างอกตัญญู!”
“เสี่ยวฮุ่ย ลุกขึ้นเถอะ อย่าทำให้พ่อเสียใจอีกเลย สำหรับเรื่องราวในอดีต พ่อไม่เคยตําหนิลูก มีเพียงความปวดใจเป็นเวลาหลายปีที่พ่อไม่สามารถตามหาลูกเจอและปล่อยให้ลูกต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว พ่อเสียใจมาก”
ชายชราเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเฉิงฮุ่ยซึ่งถูกละเลยมาหลายปีโดยไม่มีความงามหลงเหลืออยู่ ขณะหัวใจของชายชรารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
จากนั้นเฉิงฮุ่ยยืนขึ้นและนั่งลงด้านข้างชายชราโดยใช้นิ้วบิดที่ชายเสื้อผ้าของตน ขณะมีน้ําตาไหลรินลงมา
เมื่อเห็นมือของเธอที่หยาบกร้านเนื่องจากผ่านการใช้แรงงานระยะยาว ชายชราจึงมองดูมันสักพัก ก่อนจะเอื้อมไปดึงมือบุตรสาวเข้ามาหาแล้วถูมันอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวฮุ่ยตัวน้อยของพ่อ แต่ก่อนมือของลูกสวยมาก ตอนนี้มันกลายเป็นแบบนี้ ลูกต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน?”
“ดูสามีของเจ้าสิ เสี่ยวฮุ่ยตามเขามา แต่ต้องมาพบกับความยากลําบากแบบนี้ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?!”
ในเวลานี้ไม่รู้ว่าคุณปู่หยางกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเมื่อได้ยินคําพูดดังกล่าว เขาเข้ามานั่งตรงหน้าชายชราพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
***