ตอนที่ 254 โอกาส และการมาถึงของศัตรู (ฟรี)
ตอนที่ 254 โอกาส และการมาถึงของศัตรู
“อสูรไห่หยวนตนนี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว...”
"แต่ก็เข้าใจได้ว่าด้วยสภาพแวดล้อมในแดนอมตะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนหรือสัตว์อสูร ไม่มีสิ่งที่มีค่าเทียบได้กับชีวิตของตัวเอง"
“สำหรับจุดนี้ ทุกๆ คนล้วนเข้าใจมันอย่างชัดเจนเพราะกว่าจะมายืนบนจุดๆ นี้ได้ย่อมต้องผ่านอะไรมามากมาย”
“มีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่เราจะสามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรได้”
แม้ว่าซูหยางจะอยู่ในแดนอมตะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมของแดนอมตะได้อย่างเต็มที่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าวังเพลิงอัสนีหรืออสูรไห่หยวนตนนี้
ไม่มีใครมีความคิดที่จะต่อสู้จนตายไปข้างหนึ่งเลย
นี่คือกฎที่พวกเขาจดจำเอาไว้ในใจ
ตอนนี้เมื่ออสูรไห่หยวนระดับอมตะต้าหลัวได้หลบหนีไป ซูหยางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะไล่ตาม
การไล่ตามไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร สิ่งที่เขาต้องการคือ น้ำพุอมตะระดับสูงสุด
อีกฝ่ายละทิ้งสิ่งนี้อย่างชาญฉลาด ซึ่งสำหรับซูหยางก็ถือว่าเป็นเรื่องดี มันจะลดเวลาที่เขาต้องเสียลงได้ไม่น้อย
ซูหยางก้าวไปหาน้ำพุอมตะระดับสูงสุด
หลังจากมาถึง เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าพลังบริสุทธิ์อย่างยิ่งกำลังแผ่กระจายมาอย่างต่อเนื่อง...
สิ่งนี้สามารถเป็นรากฐานของโลกได้ และมันยังเป็นสิ่งที่กองกำลังต่างๆ และผู้ฝึกฝนทุกคนต่างแสวงหา...
ซูหยางโบกมือเพื่อเก็บมันมา
ได้หยดแรกมาแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
การยกระดับโลกต้าเซี่ยต้องใช้น้ำพุอมตะระดับสูงสุด 10,000 หยด ทำให้อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการรวบรวม
อย่างไรก็ตาม มีน้ำพุอมตะระดับสูงสุดหลายล้านหยดที่นี่ ปริมาณมีอย่างเพียงพอ
สิ่งที่ต้องใช้คือเวลา นั้นไม่สำคัญเท่าไรนัก
หลังจากเสร็จธุระในที่แห่งนี้ ซูหยางก็ออกเดินทางต่อ
น้ำพุอมตะระดับสูงสุดหยดที่ 2
น้ำพุอมตะระดับสูงสุดหยดที่ 3
น้ำพุอมตะระดับสูงสุดหยดที่ 6
ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ซูหยางได้รับน้ำพุอมตะระดับสูงสุดถึง 6 หยด
จากสิ่งนี้ ซูหยางไม่พอใจกับความเร็วโดยธรรมชาติ
เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาเห็นถึงเบาะแสบางอย่าง
ระหว่างทางไปที่จุดหมายต่อไป ซูหยางก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มีน้ำพุอมตะระดับสูงสุดหลายร้อยหยดถูกรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน?”
หลังจากค้นพบเรื่องนี้ ซูหยางก็เข้าใจได้ถึงสิ่งหนึ่ง
น้ำพุอมตะไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
จะมีมากกว่าหนึ่งหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกมันมารวมตัวกันหรือไม่
จุดหมายที่ 7 ของเขาคือ ที่ๆ มีน้ำพุอมตะระดับสูงสุดจำนวนมากมารวมตัวกัน
ต้นตอของสถานการณ์นี้คือ มีกลุ่มอสูรไห่หยวนมารวมตัวกันอยู่ที่แห่งนั้น
มีอสูรไห่หยวนนับหมื่นตน ตั้งแต่อมตะเต๋าไปจนถึงอมตะต้าหลัว
น้ำพุอมตะที่รวมตัวกันอยู่ไม่ได้มีเพียงระดับสูงสุดเท่านั้น แต่ยังมีน้ำพุอมตะระดับกลาง และระดับสูงอีกด้วย
ตราบใดที่เขาพิชิตที่แห่งนี้ได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ซูหยางก็จะสามารถเก็บเกี่ยวน้ำพุอมตะระดับสูงสุดได้มากกว่าสองร้อยหยดในคราวเดียว
อย่างไรก็ตาม ซูหยางไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดฉากโจมตีโดยตรง
เพราะเขาสู้ไม่ไหว
ในบรรดาอสูรไห่หยวนนับหมื่น มีมากกว่า 200 ตนที่อยู่ในระดับอมตะต้าหลัว ซึ่งเทียบได้กับจำนวนน้ำพุอมตะระดับสูงสุด
ในหมู่พวกมัน มีอสูรไห่หยวนระดับอมตะต้าหลัวขั้นสูงสุดอยู่ด้วย
แม้ว่าเจตจำนงดาบของเขาจะไร้ขีดกำจัด แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่มีความได้เปรียบใดๆ
เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจะต้องหาวิธีการอื่น
ด้วยความคิดนี้ ซูหยางจึงปกปิดร่องรอยของตัวเองด้วยเจตจำนงดาบ และพลังแห่งกฏอมตะ
ร่างของเขาหายไปในทันที
ไม่ต้องพูดถึงการเห็น มันจะเป็นเรื่องยากที่จะสัมผัสถึงตัวเขาได้หากไม่ได้แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่าหรือใช้วิธีการพิเศษใดๆ
“มาลองดูกันว่าอสูรไห่หยวนเหล่านี้จะรับรู้ถึงตัวข้าได้หรือไม่”
“ถ้าไม่ก็ถือว่าข้าโชคดีอย่างยิ่ง”
หลังจากที่ซูหยางซ่อนร่องรอยของตนเรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของที่ๆ อสูรไห่หยวนมารวมตัวกัน
อสูรไห่หยวนเหล่านี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และมีขนาดพอๆ กับมนุษย์
พวกมันดูเหมือนแมลงปีกแข็งที่ลักษณะคล้ายด้วง และมีแสงสีน้ำเงินเปล่งประกายอยู่รอบตัว
นั่นคือ ออร่าของทะเลต้นกำเนิด
แค่มองดูก็รับรู้ได้ถึงพลังป้องกันที่สูงมาก
ส่วนพลังโจมตีนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด
เมื่อเข้าใกล้มากขึ้น ซูหยางก็มองเห็นเส้นสีน้ำเงินบนตัวด้วงอสูรเหล่านี้
ฐานการบ่มเพาะที่ต่างกัน จำนวนเส้นก็จะแตกต่างกันออกไป
ด้วงอสูรระดับอมตะเต๋ามีเส้นสีน้ำเงินเพียงเส้นเดียวที่ด้านหลัง
ระดับอมตะร้อยเต๋ามีสองเส้น
ระดับอมตะหมื่นเต๋ามีสองเส้น
แต่หากเป็นด้วงอสูรระดับอมตะต้าหลัว มันมีถึง 10 เส้น
มันกระจายอยู่บนด้านหลังส่วนที่เหมือนเปลือกด้วงเหมือนรอยมีด
ซูหยางมองดูสักพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ละความสนใจ และไปยังใจกลางของที่แห่งนี้
น้ำพุอมตะระดับสูงสุดคือ เป้าหมายของเขา
น้ำพุอมตะระดับอื่นๆ สำหรับเขาไม่คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจ
จากมุมมองของซูหยาง เขากำลังเดินโซเซอยู่ในอาณาเขตของด้วงอสูรจำนวนนับหมื่น
แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของซูหยางเลย แม้ว่าซูหยางจะเดินผ่านพวกมันไปก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ ซูหยางก็ได้มาถึงส่วนลึกของอาณาเขตของด้วงอสูรในเวลาไม่นาน
มีน้ำพุอมตะระดับสูงสุด 243 หยดสะสมอยู่ที่นี่
แก่นอมตะที่หนาแน่นอย่างยิ่งถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
แก่นอมตะในที่แห่งนี้หนาแน่นมากจนเปลื่ยนจากสถานะก๊าซเป็นของเหลว
หากไม่ถูกดูดซับ สถานที่แห่งนี้จะค่อยๆ กลายเป็นทะเลสาบอมตะที่มีความบริสุทธิ์สูงอย่างยิ่ง
กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าผู้ฝึกฝน
นี่คือความแตกต่างระหว่างน้ำพุอมตะ และเส้นชีพจรอมตะ
แก่นอมตะที่ปลดปล่อยออกมาจากน้ำพุอมตะจะก่อตัวเป็นทะเลสาบอมตะ
ส่วนแก่นอมตะที่ก่อตัวจากเส้นชีพจรอมตะนั้น เมื่อควบแน่น มันจะก่อตัวเป็นผลึกขาว และค่อยๆ กลายเป็นหินอมตะ
นอกจากนี้ยังมีลักษณะเฉพาะบางอย่างอยู่ด้วย
มีความแตกต่าง แต่ในความเห็นของซูหยาง ความแตกต่างไม่ได้ใหญ่เกินไปนัก
ล้วนเป็นทรัพยากรบ่มเพาะที่สำคัญ
ขณะนี้ น้ำพุอมตะระดับสูงสุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ถ้าเขาต้องการ เขาก็ใส่พวกมันลงในกระเป๋าได้เลยในตอนนี้
แต่ก็มีปัญหาอย่างหนึ่ง
ถ้าเขาลงมือ การปกปิดของเขาก็จะไร้ผล
ด้วงอสูรที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่จะตอบสนอง และฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
นี่ทำให้เขาประสบปัญหาเล็กน้อย
เมื่อเป็นแบบนี้ หากต้องการปล้นชิงน้ำพุอมตะระดับสูงสุดทั้งหมด เขาก็ต้องเดินทางมาที่นี่หลายครั้ง และตายซ้ำไปซ้ำมา
จากปัญหาตรงหน้า ซูหยางตกอยู่ในห้วงความคิด ตอนนี้เขาควรทำอย่างไร?
แต่เมื่อเขาประสบปัญหา ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ฝึกฝนจำนวนมากมารวมตัวกันที่บริเวณรอบนอกอาณาเขตของด้วงอสูร
ผู้ฝึกฝนเหล่านี้ล้วนมาจากเผ่าอมนุษย์ และเมื่อมองดูเสื้อผ้าแล้ว พวกเขาสังกัดกองกำลังเดียวกัน
ลวดลายเปลวเพลิงสีแดงทอง
นี่คือ สมาชิกวังจี้หยาง
มีผู้ฝึกฝนมากมายในแดนอมตะ นั้นทำให้มีกองกำลังต่างๆ มากมายตามไปด้วย
โดยธรรมชาติแล้ว ซูหยางไม่สามารถจำทุกสิ่งได้ แต่เขายังคงจำลักษณะของเก้าเผ่าอมนุษย์ และสามเผ่าปีศาจที่เป็นเผ่าพันธุ์หลักได้
เปลวเพลิงสีแดงทอง นี่คือ สัญลักษณ์ของวังจี้หยางที่มีต้นกำเนิดมาจากเผ่าจี้หยาง!
เมื่อสมาชิกวังจี้หยางชุดแรกปรากฏตัว ก็มีอีกหลายๆ คนตามมา และรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานก็เกินหนึ่งแสนคน
มีตั้งแต่อมตะร้อยเต๋าไปจนถึงอมตะต้าหลัว
“พวกเขาวางแผนที่จะโจมตีที่แห่งนี้?”
ซูหยางเข้าใจทันทีว่าคนเหล่านี้กำลังวางแผนจะทำอะไร
หลังจากมีคำตอบนี้อยู่ในใจแล้ว ซูหยางก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น
“ดี พวกเขามาได้ถูกเวลาจริงๆ หากพวกเขาดึงดูดความสนใจของด้วงอสูรเหล่านี้ได้ มันจะช่วยข้าได้เป็นอย่างมาก”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูหยางก็รอคอยด้วยความคาดหวัง
เมื่อกลุ่มผู้ฝึกฝนของวังจี้หยางเปิดฉากโจมตี มันจะเป็นโอกาสของเขา