ตอนที่ 215 มาทำงานที่บริษัทของผมเถอะ
“โอ้ ดี ดี...”
คุณลุง และคนอื่นๆ ก็ตอบรับทีละคนเช่นกัน
จากนั้นทุกคนได้พูดคุยกัน
แค่แป๊ปเดียวพวกเขาดูเหมือนจะคุ้นเคยกันดีแล้ว
อู๋ ซูหลิง มอง ซูเหวิน แล้วถอนหายใจอย่างลับๆ
เด็กคนนี้ต้องช่วยกาแล็กซี่เอาไว้ในชาติที่แล้วแน่
ไม่งั้นเขาจะไปหาแฟนสาวที่สวยงามขนาดนี้ได้ยังไง
เยี่ยมยอดจริงๆ (ขั้นเทพจริงๆ)
ในเวลานี้ ถ้าให้ ซูเหวิน รู้ความคิดภายในใจของลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วล่ะก็.. เขาคงจะรู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกันไป ในที่สุดหัวข้อก็วนกลับมาที่ ตระกูลซู
ท้ายที่สุดแล้ว วิลล่าหลังใหญ่ และหรูหราเช่นนี้ ยากที่จะทำให้ทุกคนมองข้ามมันไป
ลุงใหญ่ และคนอื่นๆ เองย่อมเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เจวียนจึ กว่างเซิง เรื่องนี้มันยังไงกันแน่?”
“พวกเธอมาอยู่ในวิลล่าแบบนี้ได้ยังไง วิลล่าหลังใหญ่ขนาดนี้ น่าจะต้องใช้เงินเยอะกว่าจะซื้อมันมาได้?”
ลุงใหญ่ อดกลืนน้ำลายไม่ได้ และถามด้วยความสงสัย
หากว่าไปตามที่น้องสาวของเขาเล่า ซูเหวิน ได้ทําธุรกิจออนไลน์ แล้วเขาสามารถทําเงินได้มากมาย..
แต่คำถามคือ คุณต้องหาเงินได้มากเท่าไหร่ถึงสามารถซื้อวิลล่าแบบนี้ได้?
“อืม มันต้องใช้เงินไม่น้อยจริงๆ คงน่าจะ 150 ล้านได้มั้งครับ!”
ซูเหวิน คิดครู่หนึ่งก่อนพูดออกไปอย่างใจเย็น และเขาไม่ได้มีความตั้งใจจะโกหก
อะไรนะ 150 ล้าน?
ลุงใหญ่ และคนอื่นๆ นิ่งอึ้งไปแล้ว สีหน้าพวกเขาแทบหวาดกลัวแทบตาย
พระเจ้า!
เงินเป็นร้อยล้านในชีวิตนี้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด..
แต่วิลล่าหลังนี้ต้องใช้เงินมากขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร?
“โอ้.. พระเจ้า น้องสาว ครอบครัวของพวกเธอร่ำรวยแล้ว!”
ลุงใหญ่ตกใจมาก
แม้เขาจะไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงมันก็อยู่ตรงหน้า
“ใช่ นี่มันเหลือเชื่อมาก”
ป้าของเขาเองโพล่งเสียงออกมาเช่นกัน
ในตอนแรก สถานการณ์ของ ตระกูลซู นั้นยากลําบากมาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้ เธอ และสามีของเธอก็ได้ช่วย กว่างเซิง และคนอื่นๆ อยู่หลายครั้ง
และไม่คิดเลยจริงๆ ว่า 2-3 ปีผ่านไป พวกเขาจะพัฒนาเจริญรุ่งเรืองถึงขนาดนี้แล้ว
ความจริง.. เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ส่วน อู๋ ซูหลิง ลูกพี่ลูกน้องของ ซูเหวิน เธอตกใจจนพูดไม่ออกมานานแล้ว และในขณะเดียวกันเองเธอก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
ลูกพี่ลูกน้องของเธอเขาช่างมีความสามารถมากจริงๆ ถึงขนาดซื้อวิลล่าหลังใหญ่ขนาดนี้ให้กับครอบครัวของตัวเอง
พอลองวกกลับมามองดูตัวเองแล้ว, เฮ้ออ!
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอถอนหายใจ จู่ๆ ซูเหวิน ก็พูดขึ้นทันทีว่า
“พี่สาว ตอนนี้คุณทํางานอะไรอยู่ที่บ้านเกิด?”
“ในแต่ละเดือนได้เงินเท่าไหร่ครับ?”
“เอ่อ…”
“ฉันทำงานเป็นผู้จัดการในบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนประมาณ 7,500..”
อู๋ ซูหลิง พูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
ซูเหวิน พยักหน้า แล้วพูดว่า : “ดูเหมือนจะไม่สูงมาก..”
อู๋ ซูหลิง พยักหน้า และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“ปัจจุบันมีนักศึกษาระดับหัวกะทิจบใหม่ในสังคมมากมาย หลายคนจึงต้องทำงานหนักขึ้นจริงๆ หากอยากได้เงินเดือนสูงๆ ที่ไหนมันจะง่ายขนาดนั้น?”
“ยังไงก็เถอะ อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับเธอเลย ฉันเทียบเธอไม่ได้หรอกนะ”
พูดจบเธอก็รีบโบกไม้โบกมือไปมา
ซูเหวิน ที่เห็นเขากลับยิ้มอย่างสงบ แล้วพูดว่า : “ไม่ใช่อย่างนั้นมั้ง พี่สาว คุณลาออกจากงานที่บ้านเกิดของคุณแล้ว ลองมาทำงานที่เมืองม่อดู ดีไหม?”
ซูเหวิน เสนอ
“มา.. เมืองม่อ?” อู๋ ซูหลิง ตกตะลึงแล้ว
“อืมม.. จะว่าไงดี ผมมีบริษัทอยู่ในเมืองม่อนี้ คุณมาทำงานที่บริษัทของผม และผมจะช่วยจัดหาตำแหน่งงานที่มีเงินเดือนสูงๆ ให้คุณ เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 30,000 หยวนต่อเดือน”
ซูเหวิน เลิกเล่นลิ้น แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาทันที
ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายเป็นญาติของตัวเอง พูดมากไปทำไม?
นอกจากนี้ เมื่อก่อนเมื่อครอบครัวของเขาลําบาก ลุงใหญ่ของเขาก็ช่วยเหลือมาไม่น้อย
ตอนนี้เขาสบายแล้ว และการช่วยเหลือครอบครัวของลุงใหญ่ของเขาสักหน่อยนั้น ย่อมเป็นเรื่องสมควรทำ
เพียงแต่พอคําพูดนี้หลุดออกมา อู๋ ซูหลิง กลับอึ้งไปแทบจะทันที
“นาย... นายว่ายังไงนะ นายมีบริษัทในเมืองม่อ?”
“แถมยังอยากชวนฉันให้ไปทำงานด้วยเงินเดือนเดือนละสามหมื่น?”
เธอเกือบจะคิดว่าหูของตัวเองได้ยินผิด
“อืม นี่เป็นเพียงเงินเดือนสองเดือนแรกเท่านั้น หลังจากที่คุณปรับตัวได้แล้ว ผมยังสามารถขึ้นเงินเดือนให้คุณต่อไปอย่างต่อเนื่องได้ ถึงเวลานั้นเงินเดือนต่อปีของคุณอาจเป็นล้าน หรือแม้กระทั่งหลายล้านก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“และเมื่อมาทำงานที่บริษัทเราสวัสดิการต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง อีกอย่างผมจะจัดหาคอนโดใหญ่ๆ เตรียมไว้ให้คุณ”
“ดังนั้น แม้ว่าลุงใหญ่ ป้าใหญ่จะมาเยี่ยมคุณที่เมืองม่อ พวกเขายังสามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้ คุณเห็นว่าไงบ้าง?”
ซูเหวิน กล่าวต่อ คำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
พูดตามตรง ด้วยบทบาท และอิทธิพล รวมถึงสถานะของเขาในปัจจุบัน การจัดการสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
เพียงแค่โทรศัพท์ออกไป หรือแม้กระทั่งส่งข้อความหนึ่งก็จะมีใครสักคนเป็นฝ่ายริเริ่มเตรียมการต่างๆ อย่างเหมาะสมทันที ซึ่งเขาไม่จําเป็นต้องยุ่งยากใดๆ เลย
ส่วนใหญ่ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะคิดตัดสินใจอย่างไร
ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่แน่ว่าคนอื่นจะยอมเต็มใจมาหรือไม่!
แต่จะว่าไปแล้ว สิ่งที่ดีๆ เช่นนี้ มีสักกี่คนที่เต็มใจปฏิเสธมัน?
อู๋ ซูหลิง ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในขณะนี้ เมื่อเธอเห็นลูกพี่ลูกน้องของเธอพูดแบบนี้แล้ว
ในใจของเธอย่อมรู้สึกประหลาดใจมากๆ
กระทั่งเธอยังสงสัยอยู่เลยว่า เวลานี้.. เธอกําลังฝันอยู่หรือไม่
ท้ายที่สุดแล้ว เธอที่พยายามทํางานอย่างหนักกับได้เงินเดือนเพียง 7,000 กว่าหยวนต่อเดือนในบริษัทเดิม
อย่างไรก็ตาม บริษัทของ ซูเหวิน ที่กล่าวเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 30,000 หนวนต่อเดือน นี่คือเห็นช่องว่างอย่างชัดเจน
อีกนัยหนึ่งในแง่ของ ศักยภาพ และอนาคต
บริษัทของที่นี่ก็ต้องใหญ่กว่าบริษัทในบ้านเกิดของเธอแน่ๆ
แล้วทำไมเธอจะไม่ไปล่ะ?
เพียงแต่ อู๋ ซูหลิง รู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย โดยเธอพูดขึ้นว่า : “คือเธอจะจัดหางานอะไรให้ฉัน ฉันเองยังไม่รู้เลยว่าฉันจะทำได้…”
“ฮ่าฮ่า ในเรื่องนี้วางใจได้!”
“ผมจะหางานที่ตรงกับคุณให้ แล้วค่อยจัดคนมาช่วยดูแลคุณเพิ่มเติมสักหน่อย แบบนี้แล้วจะมีปัญหาอะไรได้อีก?”
ซูเหวิน กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เขาจําได้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเรียนจบการเงินมา และพอกับที่ดีเขาได้ครอบครอง ฉู่ห่ง กรุ๊ป มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ดี.. งั้นให้เธอไปทำงานที่ ฉู่ห่ง กรุ๊ป!
บริษัทนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดหลายแสนล้าน
ทำงานที่นี่ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงโอกาสในการทำงาน
ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสมกับครอบครัวของลุงใหญ่แล้ว
ดังนั้น ในวันแรกที่ลุงใหญ่ของเขามาที่บ้านตระกูลซู
ซูเหวิน ก็ได้จัดการงานให้กับลูกพี่ลูกน้องของเขา
เป็นธรรมดาที่ครอบครัวของลุงใหญ่ของเขาจะมีความสุขมาก
พวกเขายิ่งรู้สึกของคุณ ซูเหวิน มากยิ่งขึ้น
ซูเหวิน เขาเพียงยิ้มเล็กน้อยสําหรับเรื่องนี้
หลังจากนั้น ทุกคนได้พูดคุยกันในเรื่องอื่น
และแล้วครอบครัวของลุงใหญ่ก็ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลซูชั่วคราว...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลายวันก็ผ่านไปในชั่วพริบตา…
ช่วงนี้เกรงว่าจะเป็นช่วงที่คึกคักที่สุดสำหรับ ตระกูลซู
เซี่ย ซินเหยา เป็นคนแรกที่มา
ต่อจากนั้นเป็นครอบครัวลุงใหญ่ที่มาเป็นแขกที่บ้านด้วย
จำต้องบอกว่าความคึกคักมีชีวิตชีวานั้นสูงขึ้นมากมาย
คนที่เหมือนจะมีความสุขที่สุดคือ เซี่ย ซินเหยา
เพราะหลังจากครอบครัวลุงใหญ่ของ ซูเหวิน มาถึง เซี่ย ซินเหยา พบว่าตัวเอง และลูกพี่ลูกน้องของ ซูเหวิน เข้ากันได้ดีมากเป็นพิเศษ
ลูกพี่ลูกน้องของ ซูเหวิน ยังชื่นชอบ สาวน้อยเซี่ย มากเป็นพิเศษเช่นกัน
ดังนั้นไม่กี่วันต่อมา ทั้งสองจึงกลายเป็นพี่สาวน้องสาวที่ดีต่อกัน และพูดคุยกันเกือบแทบจะทุกเรื่อง
สำหรับ ซูเหวิน เขาก็ได้รักษาคำพูดของเขาเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาโทรหารองประธานเกา, เกา ซานหมิง ของ ฉู่ห่ง กรุ๊ป และขอให้อีกฝ่ายจัดให้คนเข้าไป
รองประธานเกา แทบไม่ลังเล และเขาตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรสักคํา
ดังนั้น ปัญหาเกี่ยวกับงานของลูกพี่ลูกน้องของเขา และที่พักจึงได้รับการแก้ไขแล้ว
หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ผ่านไป
ในที่สุดครอบครัวของลุงใหญ่ก็กลับบ้าน
แน่นอนว่าครั้งนี้ที่พวกเขากลับไปเพื่อจัดการเรื่องที่บ้าน
รอจนจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาค่อยให้ลูกพี่ลูกน้องของเขามาทำงานที่นี่
ช่วงเวลานี้ตระกูลซูของเขาสงบลงไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ความสงบก็มีประโยชน์ของความสงบเช่นกัน
เหมือนทุกวันนี้ เพราะที่บ้านไม่มีแขก
ในที่สุด ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา ก็มีเวลาออกไปเที่ยวเล่น และใช้ชีวิตร่วมกัน
เพียงแต่ครั้งนี้ ซูเหวิน ไม่ได้พา เซี่ย ซินเหยา ออกไปช็อปปิ้งตามย่าน หรือถนนที่มีชื่อเสียงใดๆ
ถึงอย่างไรทั้งคู่เคยไปเดินเที่ยวเล่นที่นั่นมาหลายครั้งแล้ว
คราวนี้พวกเขาทั้งสองคนได้มาที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใกล้กับ อ่าว ไห่หยุน
แล้วจูงมือกันเดินเที่ยวเล่นในสวนสาธารณะแห่งนี้เพื่อชมวิวไปโดยรอบ
“ว้า!”
“เวลาผ่านไปเร็วมาก อีกสองวันก็จะเปิดเทอมแล้ว”
ทันใดนั้น เซี่ย ซินเหยา พลันพูดบ่นเสียงอุบอิบ…