ตอนที่ 113 ทำการข้ามมิติเป็นครั้งแรก! โลกที่ไร้ซึ่งพลังปราณ (อ่านฟรี 29/11/2567)
“ที่ไหนวะเนี่ยยยยย” เย่ซีตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
แต่ถึงเขาจะตะโกนให้มันดังกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เพราะตอนนี้รอบตัวของเขามีแต่ความมืดมิดที่เต็มไปด้วยภาพของโลกต่าง ๆ เต็มไปหมด
มันเป็นเหมือนห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยกาลเวลา เขาไม่อาจสัมผัสถึงพลังปราณ พลังฟ้าดิน หรืออะไรได้เลย แต่กลับรู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างที่แข็งแกร่งไหลเวียนอยู่รอบตัว
[“โปรดทำใจให้สงบ นี่เป็นเพียงการเดินทางข้ามมิติเท่านั้น”] มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มค่อยรู้สึกโล่งใจได้หน่อย
“แล้วข้าจะต้องทำยังไงต่อ” เย่ซีกล่าวถามออกมาด้วยความสับสน
[“ทำใจให้สบาย อีกไม่นานก็จะเสร็จสิ้นการเดินทางแล้ว”]
“อ๋อออ เจ้านี่พูดง่ายจริง ๆ” ชายหนุ่มได้แต่ประชดกลับไป แต่ตัวเขาในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ตัวเขาไม่ได้ยึดติดกับอะไรสักอย่าง มันลอยอยู่กลางอากาศ จะขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ เหมือนกับว่าถูกยึดให้ติดอยู่กับอากาศตรงจุดนั้นไม่มีผิด
ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ ภาพตรงหน้าของเขาก็ปรากฏโลกใบหนึ่งขึ้นมาก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะลอยเข้าไปในภาพนั้นภาพด้วยสติที่ค่อย ๆ เลือนลับไป
...
[“ขอแสดงความยินดี! ท่านได้ทำการข้ามมิติเป็นครั้งแรก”]
[“ได้รับฟังก์ชั่นแปลภาษาทุกภาษาถาวร ไม่ว่าจะพูด ฟัง อ่าน เขียน ภาษาของมิติหรือเผ่าพันธุ์ใดท่านก็จะเข้าใจได้โดยอัตโนมัติ”]
[“ชุดคลุมจักรวาล เก้าภพ (จิตวิญญาณฟื้นฟูหนึ่งส่วนสิบ)”]
“เฮ้! คุณเป็นอะไรรึเปล่า ?” มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาไม่ห่างจากตัวของเขาเท่าไหร่นัก
“ซางเว่ย อย่าไปยุ่งจะดีกว่าน่า อาจเป็นพวกโจรก็ได้นะ” มีอีกเสียงที่ฟังดูจะทุ้มต่ำกว่าดังขัดขึ้น
‘ข้าอยู่ที่ไหนกัน ขยับไม่ได้เลยแหะ’ เย่ซีครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างมึนงง
เขาได้ยินทุกสิ่งที่ระบบบอกมา รวมถึงเสียงของชายสองคนนั้นด้วย แต่ร่างกายของเขาตอนนี้มันขยับไม่ได้ จะลืมตายังทำไม่ได้เลย
[“กำลังปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับโลกใบนี้ ใช้เวลาสองเค่อ ในระหว่างนี้ท่านไม่อาจกระทำการขยับร่างกายหรือส่งเสียงหรืออื่นใดได้”] เสียงระบบดังขึ้นตอบคำถามของชายหนุ่ม ทำให้เขาเข้าใจสภาพของตัวเองได้ไม่ยาก
แต่ขยับไม่ได้แบบนี้คงไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหม ?
“เหมือนจะมีลมหายใจอยู่นะ แต่ไม่ตื่นแหะ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา เย่ซีสัมผัสได้ว่ามีมือนุ่ม ๆ ข้างหนึ่งมาอังอยู่ตรงจมูกของเขา
“โห! โคตรหล่อเลย แต่ชุดโคตรแปลก หลุดมาจากหนังจีนโบราณรึเปล่าเนี่ย” มีเสียงแหลมสูงของหญิงสาวอีกคนดังตามมาเมื่อมองเห็นหน้าของร่างที่นอนกองอยู่กับพื้น
“แล้วจะเอาไงกัน จะทิ้งไว้งี้ไหม ?” ชายที่มีเสียงทุ้มต่ำกล่าวออกมาด้วยความรำคาญ
มันหล่อก็จริง แต่ก็ไม่ได้หล่อไปกว่าตัวเขาเท่าไร! ทำไมเพื่อนผู้หญิงเขาถึงมองตาไม่กระพริบแบบนั้นนะ?
“อย่าพูดงั้นสิ หลี่กงเหมิน พวกเราพาเขาไปส่งโรงพยาบาลกันเถอะ” ชายที่มีชื่อว่าซางเว่ยตอบกลับเพื่อนของเขาอย่างไม่เห็นด้วย อย่างน้อยเขาก็อยากช่วยเท่าที่จะช่วยได้
อีกอย่างชายตรงหน้าของเขาก็ดูไม่เหมือนโจรสักเท่าไร
ครึ่งหลัง
“งั้นตกลงตามนั้น หลี่กงเหมินนายกับซางเว่ยไปอุ้มเขาขึ้นรถของฉันได้เลย เดี๋ยวฉันกับเหยาเซียงจะดูแลเขาเอง” หญิงสาวที่มีเสียงแหลมสูงกล่าวสั่งเพื่อนของเธอทันที
“เห็นผู้ชายหล่อหน่อยไม่ได้เลยนะอันหลาน!” หลี่กงเหมินกล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร
“เอาน่า นายมาช่วยฉันอุ้มเถอะ เราจะได้รีบไปกัน อยู่ตรงนี้นาน ๆ มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไร” ซางเว่ยกล่าวตัดบทก่อนจะเดินไปยังท่อนบนของเย่ซีเพื่อเตรียมจะอุ้มเขาขึ้นมา
“เออ ๆ เอางั้นก็ได้” หลี่กงเหมินตอบรับอย่างไม่ชอบใจ แต่เขาก็เดินไปอุ้มส่วนขาของชายที่ยังไม่ขยับตัวตรงหน้าอยู่ดี
ถ้าไม่ติดว่าแถวนี้มันไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และพวกเขากำลังรีบก็คงจะโทรเรียกรถพยาบาลมารับแทนไปแล้ว ถ้ามัวแต่โทรเรียกรถพยาบาลแล้วยืนรอมีหวังได้ไปสายแน่ ๆ
‘ดูเหมือนจะเป็นคนดีกันจังเลยแหะ’ เย่ซีที่รับรู้ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็แอบยิ้มขึ้นมาในใจ
‘แต่แปลกแหะ โลกใบนี้ไม่มีพลังปราณอย่างนั้นรึ ?’ ใช่แล้ว ชายหนุ่มพยายามจะดูดซับลมปราณรวมถึงขับเคลื่อนลมปราณ แต่ก็ไม่อาจจะทำได้เลย
[“1.ท่านอยู่ในกระบวนการปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับโลกใบนี้ ดังนั้นจึงไม่อาจทำอะไรได้ 2.ท่านอยู่ในหมวดท่องเที่ยวต่างมิติย่อมไม่อาจแสดงพลังอันใดได้จนกว่าจนปลดโหมดนี้ออก 3.บนโลกใบนี้ไม่มีพลังปราณ”] เสียงของระบบดังขึ้นคลายความสงสัยให้กับเย่ซีทั้งหมด
‘อา.. ข้ามมิติมาโลกธรรมดาสินะ’
‘ตอนแรกนึกว่าจะได้ไปโลกแฟนตาซี เป็นผู้กล้าในต่างโลกสักสามวันเสียอีก...’
‘ได้มาโลกธรรมดาก็ดีเหมือนกัน หวังว่าจะเป็นโลกเก่าที่เราจากมานะ’
เย่ซีพร่ำเพ้ออยู่ในใจไปเรื่อยเปื่อย มันช่วยไม่ได้นี่นา! ได้แต่นอนนิ่งทำอะไรไม่ได้แบบนี้จะให้ทำอย่างอื่นก็ไม่ได้เสียด้วย
หลังจากพวกเขาขับรถกันไปได้สักพักนึงก็พบว่าอีกไม่กี่ชั่วยาวก็จะถึงปลายทางแล้ว ถนนเส้นนี้นับว่ามีรถน้อยมากทำให้การเดินทางราบลื่นกว่าที่คาดไว้
“เธอว่าเขาจะฟื้นเมื่อไรอ่ะ ? ตามตัวก็เหมือนจะไม่มีร่องรอยบาดแผลนี่นา ทำไมถึงไปสลบอยู่ข้างทางได้นะ” เหยาเซียงที่นั่งอยู่ข้างคนขับกล่าวออกมาด้วยความแลกใจ
เธอเหลือบมองไปยังเบาะหลังที่มีร่างซึ่งยังไม่ได้สติของชายแปลกหน้านอนอยู่ ความจริงแล้วการปล่อยให้ผู้หญิงสองคนอยู่กับชายแปลกหน้าเพียงลำพังแบบนี้นั้นย่อมอันตรายอยู่แล้ว
แต่พวกเธอสองคนไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นต่อให้ชายคนนี้คิดจะทำอะไรก็คงเป็นไปได้ยากเลยทีเดียว แถมพวกเธอก็ยังขับรถตามพวกผู้ชายแบบต่อท้ายกันไปด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็สามารถจอดรถแล้วมาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
ถ้าไม่ติดว่ารถของพวกเธอมันคันเล็กเกินไปก็คงไม่เอามาสองคันแบบนี้หรอก สัมภาระส่วนใหญ่ก็ไว้ท้ายกระบะของพวกผู้ชายแล้วด้วย
“อาจแค่หมดสติเพราะเป็นลมแดดก็ได้นะ คงเป็นแค่คนธรรมดาหรือดาราแหละมั้ง” อันหลานที่ขับรถอยู่ตอบกลับเพื่อนของเธออย่างไม่คิดมาก
“ไม่มีสัญลักษณ์ของผู้จุติแบบนี้ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาแหละ” เหยาเซียงก็เห็นด้วยกับเพื่อนของเธอ แดดแรงขนาดนี้จะเป็นลมก็ไม่แปลก
อีกหนึ่งสาเหตที่พวกเธอไม่ได้กลัวอะไรผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ก็เพราะเขาไม่ใช่ผู้จุตินั่นแหละ แต่พวกเธอเป็นถึงกลุ่มหน้าใหม่ที่ผ่านการทำสอบได้เข้ารับการจุติเชียวนะ! ย่อมเหนือกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว
‘ผู้จุติ ? คืออะไรกันนะ ฟังดูยิ่งใหญ่ยังไงก็ไม่รู้’ เย่ซีที่นอนฟังอยู่ก็รู้สึกสนใจในผู้จุติที่ว่าไม่น้อย เป็นไปได้ไหมที่เขาจะเรียนรู้พลังนั้น ?
“..จอดรถ! จอดเร็ว มีมอนสเตอร์ที่ข้างหน้าพวกเราต้องตรวจสอบรายงานไปยังส่วนกลางโดยด่วน” เสียงของซางเว่ยดังผ่านวิทยุสื่อสารที่พวกเขาพกติดตัวกันไว้ด้วยความตื่นตะหนก
“โอเค! พวกนายนำไปเลยเดี๋ยวพวกฉันไปจอดข้าง ๆ” อันหยางก็ตอบรับอีกฝ่ายด้วยความร้อนรนเช่นกัน
‘…โลกธรรมดา มันมีมอนสเตอร์ด้วยเหรอวะ ???’ เย่ซีได้แต่ครุ่นคิดด้วยความสับสน
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ส่วนเรื่องอันตรายเขาไม่ห่วงสักนิด เพราะเขาอยู่ในโหมดท่องเที่ยวยังไงล่ะ!