ตอนที่แล้วตอนที่ 111 กฎบ้านกฎเมือง แต่ถ้าล้ำเส้นมากข้าก็จะเป็นศัตรูกับทั้งอาณาจักรให้ดู! (อ่านฟรี 23/11/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 113 ทำการข้ามมิติเป็นครั้งแรก! โลกที่ไร้ซึ่งพลังปราณ (อ่านฟรี 29/11/2567)

ตอนที่ 112 ใช่ ใช่ ใช่ ใช่ ใช่! เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่ข้าเผลอพู..... (อ่านฟรี 26/11/2567)


“ท่านผู้นี้ก็คือท่านโจวชือจากตระกูลโจว ท่านโจวชือมาเป็นพยานว่าเจ้าร่วมมือกับหน่วยหิมะครามในการคดโกงงบประมาณแผ่นดิน” ชายหนวดดกดำกล่าวแนะนำตัวชายชราด้วยความเกรงใจ

“ไร้สาระ! ไอ้แก่นี่มันแค่ไม่ชอบข้ามันก็เลยหาเรื่องข้าก็เท่านั้น พวกเจ้าเอาอะไรมาเป็นหลักฐานกัน! เงินข้าก็หามาเองแต่กลับใส่ความว่าข้าโกงงบประมาณแผ่นดินอะไรนั่น พวกเจ้ายังมีสมองอยู่รึเปล่า ?” เย่ซีสวนกลับไปด้วยคำพูดอันเจ็บแสบ ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงด้วยความโกรธอย่างปิดไม่มิด

“ข้าสืบภูมิหลังของเจ้ามาแล้ว! เจ้าเป็นเพียงพ่อค้ายากจนที่ออกมาจากป่าแล้วเข้าอาณาจักรผ่านทางเขตยี่หลง ตระกูลหรือเบื้องหลังอะไรก็ไม่มี เจ้าจะไปมีปัญญานำผลึกจากไหนเยอะแยะมาประมูลที่ดินได้กัน ถ้าเจ้าไม่ได้ร่วมมือกับหน่วยหิมะครามที่มีสิทธิเข้าถึงคลังของอาณาจักรได้!” ชายหนวดดกดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

“ข้าเป็นพ่อค้านะ ข้าก็ขายสินค้าของข้าเพื่อทำเงิน แล้วนำเงินเหล่านั้นมาซื้อที่ดินไง ถ้าเจ้าสืบเรื่องข้ามาเจ้าก็น่าจะรู้ไม่ใช่รึ ?” ชายหนุ่มสวนกลับไปทันที

แต่แทนที่อีกฝ่ายจะเห็นด้วยหรือทำท่าทางครุ่นคิดสักหน่อย ชายหนวดดกดำกับโจวชือพลันฉีกยิ้มออกมาแทน เหมือนพวกเขาทั้งสองคนจะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะต้องกล่าวอ้างเช่นนี้แน่นอน

“มีรายงานเข้ามาว่าตระกูลโจวได้ถูกขโมยของล้ำค่าของตระกูลไปจำนวนมาก และของเหล่านั้นก็ตรงกันกับสิ่งที่เจ้านำมาขายเกือบทุกอย่าง ดังนั้นของเหล่านั้นเจ้าต้องเป็นผู้ขโมยมาอย่างแน่นอน” ชายหนวดดกดำกล่าวออกมาเสียงดัง

ในที่สุดอีกฝ่ายก็หงายไพ่เด็ดออกมาจนได้ การกล่าวหาเช่นนี้ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าสามารถสืบหาความจริงได้ยากนัก เพราะคงไม่มีผู้ใดกล้าไปถามกับตระกูลโจวโดยตรง หรือถ้ามีก็คงได้คำตอบที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือเปล่า

“เจ้ายังมีอะไรจะแย้งอีกหรือไม่ ?” ชายหนวดดกดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาอยากจะเอาชายตรงหน้าไปขังคุกเต็มทน

ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนระดับสูง แต่ก็ยังไม่อาจนับเป็นอันใดได้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสของตระกูลโจว แถมอีกฝ่ายยังสัญญาไว้ดิบดีว่าจะให้การสนับสนุนเขา ดังนั้นการทำเรื่องแค่นี้จะนับว่าเป็นอันใดได้

“พวกเจ้ารวมหัวกันสินะ!” เย่ซีที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นไม่น้อย ต่อให้เขาจะโง่แค่ไหนก็ต้องมองออกอยู่แล้วว่าทั้งสองคนตรงหน้านั้นกำลังร่วมมือกันอยู่

“เจ้ากล้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้! ทหารนำตัวมันไปขังคุก แล้วก็ไปจัดการถล่มร้านของมัน ยึดของมีค่าทุกอย่างกลับเข้าคลังส่วนกลางซะ!” ชายหนวดดกดำที่เห็นว่าเย่ซีเริ่มจะมีอารมณ์แล้วเขาจึงเร่งปิดงานทันที ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายพูดอะไรไร้สาระมากจนเกินไปอาจกระทบกับแผนของเขาได้

ตลอดเวลาโจวชือเพียงยิ้มออกมาให้กับภาพตรงหน้าเท่านั้น คิดจะลองดีกับตระกูลโจวของเขายังไงก็ต้องมีจุดจบที่ไม่ดีอยู่แล้ว

อยู่ในอาณาจักรแล้วยังไงกัน ? มีกฎหมายแล้วช่วยอะไรได้ ? ข้าก็แค่ซื้อเจ้าหน้าที่ซะก็จบเรื่องแล้ว!

“ดี! ดี! ดีมาก! เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!!” เย่ซีกล่าวออกมาด้วยความเหลืออด

เขาพยายามจะสงบสติอารมณ์เต็มที่แต่ดูเหมือนจะมาได้แค่นี้ แรงกดดันที่มองไม่เห็นถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวของชายหนุ่มจนทำให้ทุกคนภายในห้องแห่งนี้รู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก

ปั้ง! โครม! เฮือก!

ประตูห้องที่ทำจากไม้เนื้อแข็งถูกบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนพังเข้ามา บรรยากาศอันน่าอึดอัดพลันหายไปในทันทีทำให้ผู้คนที่อยู่ในห้องต่างพากันสูดอากาศหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่

“เถ้าแก่! ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?” มีเสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น นางก็คือหัวหน้าหน่วยหิมะครามนั่นเอง

“อา.. ไม่เป็นอะไร แค่ถูกพวกนี้ลากมาสอบปากคำนิดหน่อย” ชายหนุ่มเก็บอารมณ์โกรธเข้าไปจนมิดก่อนจะกล่าวตอบกลับไป

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องตรงนี้ให้ท่านเอง” หัวหน้าหน่วยหิมะครามหันไปมองชายหนวดดกดำและโจวชืออย่างเอาเรื่อง

ครึ่งหลัง

สงครามน้ำลายระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ จนทำให้เย่ซีที่เกิดความสนใจในตอนแรก กลายมาเป็นโกรธที่ถูกใส่ร้าย สุดท้ายก็รู้สึกเบื่อหน่ายแทน

‘น่าเบื่อจังแหะ’ เย่ซีที่นั่งฟังทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันด้วยความเบื่อหน่ายก็เกิดคิดไอเดียประหลาดบางอย่างขึ้นมาได้

[“ระบบ มาเล่นเกมถามตอบกันดีไหม ?”] ชายหนุ่มเสนอไอเดียสุดแสนจะไร้สาระออกมา

[“อะไรคือเกมถามตอบ ?”] ระบบตอบกลับมาแม้คำถามของชายหนุ่มจะฟังดูไร้สาระก็ตาม

[“ก็เรามาพลัดกันถามตอบ ตอบได้แค่ใช่หรือไม่และอาจจะ ทำนองเนี้ย”] ชายหนุ่มอธิบายให้ระบบฟัง

[“.......”]

[“เชิญท่านถามมา”] ระบบนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา ดูเหมือนว่ามันจะเหนื่อยใจไม่น้อยที่มีเจ้านายแบบนี้

[“พรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่ ?”] เย่ซีถาม

[“อาจจะ”] ระบบตอบ

[“เจ้าว่าชุดของข้ามันดูหล่อใช่หรือไม่ ?”] เย่ซีถามอีก

[“อาจจะ”] ระบบตอบเช่นเดิม

[“ระบบมีตัวตนจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?”] ยังคงถามคำถามไร้สาระเช่นเคย

[“อาจจะ”] ยังคงเป็นคำตอบเดิมเช่นกัน

แทนที่จะเรียกว่าเป็นเกมถามตอบ เรียกว่าเป็นเกมถามอยู่ฝ่ายเดียวน่าจะถูกต้องมากกว่า ชายหนุ่มถามคำถามมากมายไม่ยอมหยุด ระบบก็ตอบเพียงสั้น ๆ ตามที่ชายหนุ่มบอกมา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นคำถามสำคัญมันก็มักจะตอบเพียงอาจจะเท่านั้นทำให้เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก

มีเพียงคำถามที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วระบบถึงจะยอมตอบคำถามที่ถูกต้องให้

[“ระบบควรจะเป็นผู้ถามบ้างใช่หรือไม่ ?”] แต่แล้วยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ถามอะไรออกมา เสียงของระบบก็ได้ดังขัดขึ้นจนได้

ดูเหมือนมันจะได้เรียนรู้แล้วว่ามันควรจะเป็นฝ่ายถามเสียบ้าง

[“ใช่ เจ้าควรจะเป็นผู้ถามบ้าง”] เย่ซีตอบกลับไปด้วยใบหน้าแปลกพิกล เขาอุตส่าห์หลอกถามมันตั้งนานไม่คิดว่ามันจะรู้ตัวจนได้

[“ท่านเป็นเกย์ใช่หรือไม่ ?”] ระบบเริ่มถามคำถามเขาแล้ว

[“ไม่! เจ้าจะบ้ารึไง”] ชายหนุ่มที่ได้ยินคำถามก็ตอบกลับไปด้วยความมึนงง

[“ท่านเป็นผู้ชายใช่หรือไม่ ?”]

[“ใช่”]

[“ท่านต้องการร่ำรวยใช่หรือไม่ ?”]

[“ใช่”]

[“ท่านอยากกลับโลกเดิมใช่หรือไม่ ?”]

[“ใช่สิ”]

[“ท่านชื่นชอบชีวิต ณ ปัจจุบันของท่านใช่หรือไม่ ?”]

[“ใช่แล้ว”]

ไม่รู้ว่าทำไมระบบถึงได้ถามแต่คำถามที่เขาล้วนตอบว่าใช่ทั้งนั้น แถมมันยังถามไม่หยุดอีกต่างหาก ด้วยความเบื่อหน่ายเย่ซีจึงค้นหาสิ่งของในแหวนมิติเพื่อตรวจเช็คดูว่าเขามีสิ่งใดบ้าง ชายหนุ่มสุ่มเช็คสิ่งของไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ในหัวสมองก็ตอบเพียงใช่ ใช่ ใช่ ไปเรื่อย ๆ เพราะถึงยังไงคำถามที่ถามมาก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรอยู่แล้วไม่ว่าจะตอบอะไรกลับไป

จนกระทั่งเขาสุ่มเช็คไปโดนของสิ่งหนึ่งโดยไม่ได้ใส่ใจ

[“ท่านต้องการใช้งานบัตรข้ามมิติแบบสุ่ม 3 วัน ใช่หรือไม่”] ระบบส่งคำถามมาให้ทันทีที่สัมผัสของชายหนุ่มไปโดนของสิ่งนั้นเข้า มันเป็นบัตรสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ดูไม่ได้โดดเด่นอะไร

[“ใช่!”] ด้วยความเคยชิน เย่ซีตอบใช่กลับไปโดยไม่รู้ตัว

[“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่ข้าเผลอพู.....”]

แต่แล้วเขาก็พลันนึกขึ้นได้ว่าระบบถามอะไรมาเมื่อสักครู่ ยังไม่ทันที่จะกล่าวแย้งออกมาก็ได้เกิดลวดลายค่ายกลอันพิศดารขึ้นรอบตัวของชายหนุ่ม ค่ายกลดังกล่าวเปล่งแสงสีทองแสบตาสว่างเจิดจ้าจนผู้คนที่กำลังถกเถียงกันต่างหันมาดูด้วยความตกใจ

หลังจากที่แสงสว่างและค่ายกลได้หายไปทุกคนถึงลืมตาขึ้นได้อีกครั้ง พวกเขาพบว่าค่ายกลประหลาดได้หายไปแล้ว

พร้อมกับร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรื่องที่ถูกกล่าวหาซึ่งนั่งเหม่อลอยอยู่ด้วยก็เช่นกัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด