ตอนที่แล้วตอนที่ 29 กระทำการโจ่งแจ้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 ความเนื้อหอมของจี้หรูเปย

ตอนที่ 30 เจ้าคิดมากไปแล้ว


ตอนที่ 30 เจ้าคิดมากไปแล้ว

คำถามของเซียวเฉินทำให้สีหน้าของหยางฉีบิดเบี้ยวราวกับกินหนูตายเข้าไป หยางฉีคิดไม่ถึงเลยว่าที่ชายผู้นี้ไม่ได้ลงชื่อสมัครเข้าร่วมการคัดเลือกของสำนัก ก็เพราะมีเตราประทับของศิษย์สายตรงในมือ!

อีกทั้งยังเป็นศิษย์สายตรงของอาจารย์เหมย!

ศิษย์ในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตแบ่งออกเป็นสามระดับ ได้แก่ สามัญ ประทับนาม และสายตรง

ศิษย์ในระดับต่าง ๆ มีสถานะต่างกันลิบลับ สิทธิ์ในครอบครองก็แตกต่างกันตามไปด้วย

หยางฉีเป็นเพียงศิษย์ประทับนาม และอาจารย์ของเขาก็มีสถานะต่ำกว่าอาจารย์เหมยมาก

ในใจของเขารู้สึกเสียใจยิ่งนักที่คิดจะแย่งชิงคู่บำเพ็ญของศิษย์สายตรง

อีกทั้งเขายังพูดจาเหิมเกริมว่าจะให้ศิษย์สายตรงคุกเข่าขอโทษตนเอง

เขาแทบจะสงสัยว่าตนเองเสียสติไปแล้ว

“ข้า... ข้าตาบอด ไม่รู้จักศิษย์พี่ โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

ผู้คนตกตะลึงกับคำพูดที่หลุดออกมาของหยางฉี!

พวกเขายังไม่ได้เข้าสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต จึงไม่เข้าใจเรื่องตราประทับศิษย์สายตรง และไม่ค่อยได้ยินชื่ออาจารย์เหมย เมื่อได้ยินหยางฉียอมขอโทษโดยสมัครใจ ไหนเลยจะไม่ประหลาดใจ

ยิ่งไปกว่านั้นหยางฉียังเรียกอีกฝ่ายว่าศิษย์พี่

ดูจากวัยและพลังบำเพ็ญของชายหนุ่มผู้นี้ ไม่มีทางที่เขาจะเป็นศิษย์พี่ของหยางฉีได้

หยางฉีเจียมเนื้อเจียมตนขึ้นมาทันที!

“นี่คือท่าทีขอโทษหรอกหรือ” เซียวเฉินกล่าว ชวนให้ผู้คนสั่นสะท้านอีกครั้ง ขณะย้อนนึกคำพูดของหยางฉีก่อนหน้านี้

เขาให้เซียวเฉินคุกเข่าขอโทษตนเอง

หัวใจของหยางฉีสับสนยิ่งนัก เขาทำให้ศิษย์สายตรงอับอายจริง ๆ จะคุกเข่าก้มหัวก็สมควรแล้ว

ทว่าที่นี่คือด้านนอกสำนัก มีผู้คนนับไม่ถ้วนเฝ้าดูอยู่

และเซียวเฉินก็เป็นศิษย์สายตรงที่เขาไม่รู้จัก

ให้เขาคุกเข่านั้นยากจะยอมรับได้

“มันไม่มากเกินไปหรือ” หยางฉีหน้าเสีย

“ทำไมเจ้าไม่รู้สึกว่าตอนให้ข้าคุกเข่าขอโทษมันมากเกินไปบ้างเล่า การกระทำของเจ้าเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร คิดว่าข้าดูไม่ออกหรือ”

เซียวเฉินเอ่ยเสียงแข็ง หากไม่ใช่เพราะเคารพกฎของสำนักที่ห้ามฆ่าศิษย์ร่วมสำนัก หยางฉีคงตายไปนานแล้ว

กล้าแย่งชิงผู้หญิงต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ เขาไม่ยอมให้อภัยโดยเด็ดขาด

“ช่างเถิด ข้ารับผิดเอง”

หยางฉีราวกับต่อสู้กับความคิดในใจอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง ‘ตึง’

สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนต่างจับจ้องไปที่หยางฉีในเสี้ยววินาทีนี้

ในฐานะศิษย์ที่รับผิดชอบการลงชื่อสมัคร เขากลับคุกเข่าลงบนพื้น

“เช่นนี้พอใจหรือยัง” หยางฉีอับอายสุดขีด เขาเกลียดเซียวเฉินแต่ไม่กล้าแสดงออก

เซียวเฉินไม่แม้จะมองเขาอีก จับมือไป๋เนี่ยนปิงเดินไปที่ซุ้มประตูราวกับประกาศความเป็นเจ้าของ

“เจ้าเก็บรวบรวมเศษกระดาษเองแล้วกัน พรุ่งนี้เนี่ยนปิงจะเข้าร่วมการคัดเลือกตามปกติ หากกล้าขัดขวางอีก ข้าจะฆ่าเจ้า”

เสียงของเซียวเฉินก้องกลางลานเงียบสงบ หยางฉีลนลานเก็บเศษกระดาษบนพื้น ต้องการต่อกระดาษที่บันทึกข้อมูลของไป๋เนี่ยนปิง

“ข้าจำได้แล้ว เขาคือนักฆ่าระเบิดหัวที่สังหารคนเมืองกาลครามในโรงเตี๊ยมทักษิณไพศาล”

“เป็นเขานี่เอง เขาเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ดูท่าแล้วคงมีสถานะไม่ต่ำในสำนัก ดูเหมือนว่าเราไม่ควรคิดจะแย่งชิงหญิงสาวข้างกายเขาแล้ว”

เมื่อหยางฉีเก็บเศษกระดาษชิ้นสุดท้ายได้ ร่างในชุดคลุมสีเขียวมรกตก็เดินมาหาก่อนก้มมองเขา

หยางฉีเงยหน้าขึ้น สีหน้าสั่นสะท้าน “คุณชายจัว”

“ความอับอายที่เขามอบให้เจ้า เจ้าต้องการให้ข้าชดใช้ให้เจ้าเป็นสองเท่าหรือไม่” ผู้มาเยือนคือจัวชิง บุคคลที่ยามปกติหยางฉีไม่กล้าแม้แต่จะประจบประแจง

“ต้องการ” หยางฉีแทบจะกัดฟัน

“ต้องการก็ทำตามคำสั่งของข้า” คำพูดของจัวชิงจุดประกายความหวังของหยางฉี

“ฟังคำสั่งของคุณชายจัวทุกประการ” หยางฉีรู้ดีว่าเขาไม่สามารถสู้กับศิษย์สายตรงของอาจารย์เหมยได้ด้วยตัวเอง แต่หากมีจัวชิงผู้เป็นศิษย์สายตรงเช่นเดียวกันคอยหนุนหลัง สถานการณ์ก็จะแตกต่างไป

“เจ้าตามข้ามา เรื่องของเจ้าที่นี่ข้าจะจัดการให้คนอื่นทำแทน”

จัวชิงกล่าว หยางฉีรีบพยักหน้ารับ เขาไม่ต้องการอยู่ที่ลานแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว ที่นี่ทำให้เขาอัปยศอดสูไม่น้อย

เรื่องราวของหยางฉีและเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองกาลครามแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ศิษย์ที่รับผิดชอบการลงชื่อสมัครในลานถ่อมตัวลงมาก กลัวว่าจะเจอ “นักฆ่าระเบิดหัว” แสนโหดเหี้ยมอีก

ในขณะเดียวกัน ชื่อของเซียวเฉินก็เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น

เมื่อก้าวเข้ามาในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต หอคอยและเรือนต่าง ๆ ตั้งตระหง่านเป็นระเบียบ

เซียวเฉินเดินตามคำแนะนำของจูชิงฮวนในสำนักอยู่นานกว่าจะหาที่อยู่ของอาจารย์เหมยพบ

ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาในสำนักต่างอาศัยอยู่ในหมู่เรือน โดยหลายคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน

ศิษย์ประทับนามสามารถมีห้องส่วนตัวได้

ส่วนศิษย์สายตรงนั้นได้รับการปฏิบัติต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาติดตามไปอาศัยอยู่อาจารย์ของตน โดยอาศัยอยู่ในเรือนข้าง ๆ ผู้อาวุโส เพื่อให้ได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสได้ทุกเมื่อ

เรือนของอาจารย์เหมยอยู่ที่สุดฟากเรือนผู้อาวุโส ทั้งเงียบสงบและสันโดษ

ก๊อก ๆๆ

เซียวเฉินเคาะประตูเบา ๆ ก่อนได้ยินเสียงจากด้านใน “เข้ามา”

เมื่อเปิดประตูก็เห็นร่างในชุดคลุมสีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกหันหลังให้เขา มือถือคัมภีร์โบราณ

เซียวเฉินกำลังจะเข้าไปคารวะ ทว่ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เงาหลังนี้ดูอ่อนเยาว์เกินไป

ร่างในชุดคลุมสีขาวหันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าสง่างามและหล่อเหลา เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าคือศิษย์น้องใช่หรือไม่”

“ศิษย์พี่” เซียวเฉินโพล่งเอ่ย

“จี้หรูเปย” ชายชุดขาวกล่าว

“ข้าขอคารวะศิษย์พี่จี้” เซียวเฉินกล่าว ไป๋เนี่ยนปิงก็กล่าวตาม

จี้หรูเปยคล้ายเคยได้ยินจูชิงฮวนพูดถึงไป๋เนี่ยนปิงมาก่อนจึงไม่แปลกใจที่นางมาด้วย เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อาจารย์กำลังพักผ่อน พวกเจ้ารออีกสองสามวันค่อยไปคารวะท่าน”

“พักผ่อนหรือ สองสามวันเชียวหรือ” เซียวเฉินอึ้งเล็กน้อย

“อื้ม อาจารย์พักผ่อนค่อนข้างนาน อย่างน้อยก็สองสามวัน” จี้หรูเปยกล่าว

“แล้วอย่างมากที่สุดเล่า” เซียวเฉินรู้สึกสับสน

“หนึ่งหรือสองเดือน หรืออาจตลอดฤดูหนาว” จี้หรูเปยย้อนนึก

“การพักผ่อนของอาจารย์หมายถึงอะไรกัน” เซียวเฉินคิดว่าอาจารย์เหมยได้รับบาดเจ็บและต้องการพักฟื้น

“นอนหลับ” จี้หรูเปยกล่าวอย่างชัดเจน

“เข้าใจแล้ว” เซียวเฉินแตะศีรษะ รู้สึกราวกับติดกับดัก

นอนหลับตลอดฤดูหนาวอย่างนั้นหรือ

คนปกตินอนหลับกันเช่นนี้หรือ

“อย่าคิดมาก อาจารย์กล่าวว่าการนอนหลับก็นับเป็นการบำเพ็ญ” จี้หรูเปยเอ่ย “เพื่อระลึกถึงเคล็ดวิชาต่าง ๆ มันเป็นการขัดเกลาของขอบเขตสะพานชีวา”

“สมกับเป็นอาจารย์ สามารถพูดถึงการนอนหลับได้อย่างสง่างามเช่นนี้!” เซียวเฉินรู้สึกทึ่ง “เช่นนั้นพวกเราจะบำเพ็ญเช่นนี้ในยามปกติหรือไม่”

“อย่าหวัง! อาจารย์กล่าวว่าการบำเพ็ญของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน การบำเพ็ญโดยการนอนหลับนี้เหมาะสำหรับอาจารย์เท่านั้น ท่านเพิ่งมีความคิดเมื่อสองสามวันก่อนจึงรีบไปนอนหลับ ส่วนเจ้า วันหนึ่งนอนได้ไม่เกินสี่ชั่วโมง หากนอนเกินกว่านี้ข้าจะถลกหนังเจ้า”

จูชิงฮวนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าขณะเดินออกจากห้อง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด