ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ข้อมูลของยาทะลวงขอบเขต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ความจริงถูกเปิดเผย?

ตอนที่ 23 ได้รับ


ตอนที่ 23 ได้รับ

“นึกว่าเจ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก”

ปัจจุบันฟากฟ้าถูกปกคลุมด้วยม่านราตรี บริเวณด้านล่างยอดเขาโอสถ ร่างหนึ่งจะคอยสำรวจมองสอดส่อง จนกระทั่งพบเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงรุดเท้าเข้าไปหาพลางบ่นอุบ

“เร็วเข้า เดี๋ยวงานก็จบก่อนหรอก”

“รอเดี๋ยว… ตอนนี้ปล่อยเรื่องยาทะลวงขอบเขตไปก่อน ข้ามาที่นี่เพราะอยากคืนยานี่…”

ต้วนคุนชะงักและหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ขณะมองจี้เตี๋ยนำขวดหยกออกมาด้วยท่าทีกระดากอาย

“เนื่องจากไม่ได้ต้องการใช้ยาตัวนี้แล้ว พอจะขอคืนได้หรือไม่?”

“แค่กแค่ก คืนสินค้างั้นหรือ? ต้องขออภัยด้วย พวกเราไม่รับซื้อยาที่จำหน่ายไปแล้ว” ต้วนคุนมองตอบขณะเผยแววตาเฉียบคม

“นอกจากนี้แล้วยามุ่งอำพันก็มีประโยชน์ที่ดีเยี่ยม ภายหน้าเจ้าอาจจำเป็นต้องใช้ เก็บเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร!”

“หากรับคืน ข้ายินดีเสียศิลาวิญญาณบางส่วน…”

“ไม่ได้ กฎเป็นเช่นนี้!” ต้วนคุนยืนยันอย่างหนักแน่น

“แต่หากว่าไม่ต้องการมันแล้วจริง เช่นนั้นร้านของเราก็รับซื้อยาอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ยามุ่งอำพันรับซื้อที่สิบห้าศิลาวิญญาณ เจ้า…”

“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ภายหน้าข้าอาจจำเป็นต้องใช้มัน” ยามได้ทราบว่าถูกกดราคาถึงครึ่งหนึ่ง จี้เตี๋ยจึงสบถต่อพ่อค้าหน้าเลือดขณะเก็บขวดหยกกลับไป

ต่อให้มันต้องเน่าคาถุงมิติเขาก็ไม่ขาย หรืออย่างเลวร้ายที่สุดภายหน้าค่อยหาโอกาสกินมันด้วยตนเอง!

“งั้นมาพูดเรื่องงานแลกเปลี่ยนที่เจ้าพูดถึงกันดีกว่า” จี้เตี๋ยเปลี่ยนเรื่อง

พบเห็นเรื่องราวไม่เป็นตามที่คิด ต้วนคุนจึงชักมือที่เกือบจะรับขวดหยกเอาไว้แล้วกลับคืน

“งานแลกเปลี่ยนครั้งนี้จัดขึ้นโดยศิษย์พี่เยี่ยของข้าเอง ปกติแล้วจะจัดขึ้นเดือนละหนึ่งครั้ง ตลอดมามีนักปรุงยามากมายแวะเวียนมาเข้าร่วม ภายในงานมีทั้งสินค้าและข้อมูลข่าวสารที่ล่วงรู้ก่อนใคร ศิษย์มากมายให้ความสนใจเข้าร่วม และในบรรดาสินค้าทั้งหลายก็มียาทะลวงขอบเขตที่เจ้าต้องการอยู่ด้วย!”

“หากว่าอยากเข้าร่วม ขอเพียงจ่ายศิลาวิญญาณห้าก้อน แล้วข้าจะนำทางไปที่นั่น!”

“นี่ถือเป็นค่ามัดจำ ส่วนที่เหลือไว้ไปถึงแล้วข้าจะจ่ายให้” ภายหลังครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จี้เตี๋ยนำศิลาวิญญาณสองก้อนออกจากถุงมิติส่งให้กับอีกฝ่าย

“ก็ได้!” ต้วนคุนไม่กลัวจี้เตี๋ยเบี้ยวหนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงนำทางไป

จี้เตี๋ยเดินตาม จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่นาที คนทั้งสองจึงมาถึงด้านนอกบ้านหลังหนึ่ง ต้วนคุนเดินเข้าไปเคาะประตู ผ่านไปชั่วครู่ประตูจึงเปิดออก ศิษย์คนหนึ่งที่สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สี่ปรากฏตัวที่อีกด้านของประตูก่อนจะถาม “เทียบเชิญ!”

“เทียบเชิญหนึ่งใบอนุญาตให้เข้าไปได้เพียงแค่หนึ่งคน เจ้าเข้าไป ข้าจะรอเจ้าออกมาอยู่ที่นี่ แล้วก็จ่ายศิลาวิญญาณส่วนที่เหลือมาด้วย” ต้วนคุนนำเทียบเชิญสีแดงออกมาจากแขนเสื้อและยื่นส่งมาให้

จี้เตี๋ยรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ภายหลังจ่ายศิลาวิญญาณ เขาจึงเดินตามศิษย์เฝ้าประตูเข้าไปด้านใน เดินลัดผ่านสวน จนสุดท้ายได้เข้าไปยังห้องแห่งหนึ่งที่คล้ายห้องโถง

ห้องแห่งนี้มีไฟสว่างไสว รวมถึงมีเก้าอี้ไม้สีดำสิบตัวตั้งวางอยู่

ปัจจุบันมีสี่คนจับจองที่นั่งฝั่งซ้ายมือกันเรียบร้อยแล้ว เป็นสามบุรุษหนึ่งสตรี ทุกคนต่างเป็นผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า ยามพบเห็นผู้มาเยือนคนใหม่ พวกเขาสำรวจมองมา พิจารณา ถัดจากนั้นจึงถอนสายตากลับโดยไม่คิดสนใจอีก

“งานแลกเปลี่ยนจะเริ่มขึ้นช่วงเที่ยงคืน พักผ่อนรอที่นี่ไปก่อนนะขอรับ”

ศิษย์คนที่นำทางมา ภายหลังพูดจบแล้วจึงเดินกลับไป

จี้เตี๋ยสำรวจมองรอบด้าน สุดท้ายจึงนั่งเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ทางฝั่งซ้าย

ผู้คนเริ่มเข้ามากันมากขึ้น สายตาต่างสอดส่องมองกันและกัน หาได้มีใครเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดไม่ ความเงียบงันดำเนินราวกำลังรอคอยให้งานแลกเปลี่ยนเริ่มขึ้น

จนกระทั่งที่นั่งเก้าในสิบถูกจับจอง คนผู้หนึ่งจึงเดินออกมาจากอีกด้านของห้องโถง

“ศิษย์พี่เยี่ย” ทุกคนในที่นี้ต่างลุกขึ้นยืนประสานหมัดกับฝ่ามือ จี้เตี๋ยเองก็ร่วมทำตามไปด้วยเช่นกัน

“ยินดีต้อนรับทุกท่าน ในเมื่อมากันแล้ว ข้าก็แน่ใจว่าพวกท่านทราบกฎกันดี ขอเริ่มเลยก็แล้วกัน” อีกฝ่ายเผยยิ้มบางขณะนั่งลงเก้าอี้ตัวหลักตรงหน้า เพราะเขาคือเจ้าภาพจัดงานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้

“ข้ามีเห็ดหลินจืออัคคีอายุหนึ่งร้อยปี ไม่ขอรับศิลาวิญญาณ แต่ต้องการแลกเปลี่ยนกับยาเสริมจิตวิญญาณ” สตรีผู้นั่งเก้าอี้ทางฝั่งซ้ายเอ่ยคำเป็นคนแรก พร้อมกับนำเห็ดหลินจืออัคคีออกมาจากถุงมิติ

“เห็ดหลินจืออัคคีอายุหนึ่งร้อยปี…”

กลุ่มคนในที่นี้ต่างถูกวัตถุอันน่าสนใจดึงดูดความสนใจแทบหมดสิ้น

เห็ดหลินจืออัคคีจะเติบโตในสถานที่ที่ร้อนจัด โดยเฉพาะกับการที่มันอายุถึงหนึ่งร้อยปี มันถือเป็นของหาได้ยาก เพราะมันสามารถใช้เพื่อส่งเสริมการฝึกตนโดยตรง

เพียงแต่ยาเสริมจิตวิญญาณก็เป็นสิ่งหาได้ยาก เพราะมันสามารถใช้ส่งเสริมพลังจิตวิญญาณแก่ผู้ฝึกตนได้ และน้อยคนที่จะมีติดตัวเอาไว้ หากต้องใช้ยังทำเจ้าของรู้สึกเสียดายเลยด้วยซ้ำ

“ข้าขอแลก…” ชายคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมดำนำเอาขวดหยกออกมาโยนส่งให้กับสตรีผู้นั้น

ภายหลังทั้งสองฝ่ายตรวจสอบสินค้า สตรีผู้นั้นจึงจากไป เพียงแต่ชายคนที่เพิ่งแลกเปลี่ยนยังไม่คิดเร่งร้อนจากไปไหน

งานแลกเปลี่ยนยังคงดำเนินต่อ ศิษย์อีกคนหนึ่งนำเอาโสมที่ดูเหมือนนิ้วมือสองนิ้วแผ่กว้างออกมา และมันเป็นวัตถุที่ดึงดูดสายตาผู้คนอีกครั้งหนึ่ง

“โสมวิญญาณเหมันต์ รายละเอียดคงไม่ต้องให้ข้าลงลึก มั่นใจว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว และไม่ขอแลกกับศิลาวิญญาณ แต่เป็น…”

“ข้าขอแลก” หนึ่งในกลุ่มศิษย์ที่เหลือเอ่ยคำขึ้น ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงแลกกันตามความพึงพอใจ

“ของแลกของ” จี้เตี๋ยนั่งอยู่กับที่อย่างเงียบงัน เขากำลังรับชมเรื่องราวที่เกิดขึ้น และกำลังรอคอยว่ายาทะลวงขอบเขตจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด

ตอนนี้เองที่เสียงอ่อนนุ่มดังขึ้น

“นี่คือยาทะลวงขอบเขต และสมุนไพรวิญญาณที่ข้าต้องการแลกคือดอกยี่หุบม่วงสี่ใบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!”

บุคคลที่พูดกล่าวคือหญิงสาวในชุดเขียวผู้งดงามและมีใบหน้าเยาว์วัย นางราวกับมีชื่อเสียงโด่งดังในที่แห่งนี้ ดังนั้นยามเอื้อนเอ่ยจึงดึงความสนใจของกลุ่มคน

“ยาทะลวงขอบเขต…”

“น่าเสียดายที่ขอแลกเฉพาะดอกยี่หุบม่วงสี่ใบ สมุนไพรวิญญาณนั่นแค่สามใบก็ถือว่าหาได้ยากมากแล้ว สี่ใบยิ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งกว่ายาขั้นสูงทั่วไปด้วยซ้ำ”

กลุ่มคนในที่นี้ส่วนใหญ่ต่างก็สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจยาทะลวงขอบเขต ขณะที่สองคนซึ่งสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สี่เกิดสนใจ แต่ยามเอ่ยถึงว่าต้องแลกด้วยดอกยี่หุบม่วงสี่ใบ พวกเขาต่างพร้อมใจกันยอมถอย

และตอนนี้เองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น

“ข้ามีดอกยี่หุบม่วงสี่ใบ ขอแลกกับเจ้า” จี้เตี๋ยเอ่ยคำพร้อมนำเอาดอกยี่หุบม่วงที่สูงราวหนึ่งจ้างออกมาจากถุงมิติ มันคือสมุนไพรวิญญาณที่เขาเคยใช้ทดสอบกับหม้อทองแดงตอนอยู่หมู่บ้านเหวินเหอ

“ดอกยี่หุบม่วงสี่ใบของจริง!”

สายตาทุกคนต่างมองมายังวัตถุในมือของเขาด้วยความประหลาดใจ กระทั่งหญิงสาวคนนั้นก็แสดงท่าทียินดีออกมาเช่นกัน

คนทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนต่อกัน หญิงสาวได้รับดอกยี่หุบม่วงที่ต้องการจนถึงขนาดหอบหายใจรัวเร็ว นางต้องการมันเพื่อนำไปปรุงยาที่พิเศษตัวหนึ่ง และตอนนี้ความปรารถนาของนางใกล้จะเป็นจริงแล้ว

จี้เตี๋ยมองขวดหยกในมือด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ภายหลังดึงจุกก๊อกออก เขาจึงดมกลิ่นพร้อมได้พบว่ามันมีกลิ่นหอมลอยออกมาจากขวด

ทันใดนี้เองที่การฝึกฝนภายในกายของเขา ราวกำลังเร่งเร้าจะข้ามผ่านอาการตีบตันที่เผชิญ มันยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ามันจะต้องเป็นยาทะลวงขอบเขตของแท้ สุดท้ายเขาจึงปิดจุกไม้ก๊อก

“ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไร ข้าขอตัว” ภายหลังยืนยันความถูกต้องเรียบร้อย หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินจากไป

งานแลกเปลี่ยนยังคงดำเนิน ผู้คนยังคงนำยาและสมุนไพรวิญญาณออกมาแลกเปลี่ยนกันอย่างแล้วอย่างเล่า

จี้เตี๋ยที่ได้ของที่ต้องการจึงหมดความสนใจในงานนี้แล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินกลับ

ต้วนคุนที่กล่าวว่าจะรอ ปัจจุบันไม่อยู่รอ จี้เตี๋ยเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแค่เก็บขวดหยกเอาไว้ในแขนเสื้อประหนึ่งสมบัติล้ำค่าขณะเร่งร้อนกลับไปยังพื้นที่โรงนา สุดท้ายกลับเข้าบ้าน ลงกลอนประตู ถัดจากนั้นจึงนำขวดหยกที่อุ่นร้อนออกมาจากแขนเสื้อพร้อมกับใจที่เต้นระรัว!

“กลั่นลมปราณขั้นที่ห้า!” จี้เตี๋ยเลียริมฝีปากขณะเผยดวงตาเป็นประกาย สุดท้ายจึงดึงจุกไม้ก๊อกออกและเทเม็ดยาลงบนฝ่ามือ

ทันใดนี้เองที่กลิ่นหอมของสมุนไพรจากตัวยาฟุ้งตลบอบอวลไปทั้งห้อง

จี้เตี๋ยพิจารณายาเม็ดสีดำในฝ่ามือพลางใช้นิ้วหยิบมันขึ้นมา ส่งเข้าปาก และกลืนลงไปโดยไม่ลังเล

5 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด