ตอนที่แล้วบทที่ 17 รีเฟรชร้านค้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 ฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญการปรุงยา

บทที่ 18 ฟื้นฟูจิตใจแห่งเต๋า


หลังจากดูผลของ [ปรับปรุงทรัพยากร 2 ดาว] อย่างละเอียด ลู่ผิงก็เปิดหน้าต่างระบบ

[ระบบจำลองนิกายนิกาย]

[ผู้เล่น: ลู่ผิง]

[นิกาย: นิกายชิงซาน]

[ตำแหน่ง: ประมุขนิกายชิงซาน]

[ระดับ: นิกายขั้นฝึกปราณ]

[ค่าชื่อเสียง: 141]

[ชื่อเสียง: ชื่อเสียงถดถอย ยากจะบ่งบอกแน่ชัด]

[สมาชิก: 30]

[สิ่งปลูกสร้าง: ศาลาประมุขนิกาย ห้องสมุด ห้องปรุงยา ห้องสร้างอาวุธ อื่นๆ]

[ทรัพยากร: หลักปราณต้นกำเนิดชิงเหลียน (ขั้น 2), ค่ายกลหมอกสีเทาขนาดเล็ก (ขั้น 2), ไร่ยา 3 ไร่ (ขั้น 1), ไร่วิญญาณ 10 ไร่ (ขั้น 1), ร้านค้าในตลาด 1 ร้าน, ต้นท้อวิเศษ (ขั้น 1)]

[รายได้: 730 หินวิญญาณต่อปี]

[รายจ่าย: 1,260 หินวิญญาณต่อปี]

[กำไรสุทธิ: -530 หินวิญญาณต่อปี]

[เงินสำรอง: 23 หินวิญญาณ]

[แผนที่: เขตหลูซาน (49%)]

[คำแนะนำ: ในยุทธจักรกว้างใหญ่ ปีศาจกลืนโลก แม้การมาของเจ้าจะเป็นส่วนเล็กน้อยในฟ้าดิน ไม่มากมายสำคัญ แต่คนธรรมดาก็ทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้]

[เป้าหมาย: นิกายชิงซานมีอุปสรรคทั้งภายในและภายนอก ทุกสิ่งต้องฟื้นฟู ในฐานะประมุขผู้ก่อตั้ง ขอจงพยายามฟื้นฟูนิกายของเจ้า]

...

เนื่องจากลู่จือเว่ยและคนอื่นยังไม่กลับมาไม่ถึงนิกาย ส่วนขนหมาป่าในโพรงไม้ก็ยังไม่ได้นำไปขายในตลาด ดังนั้นเงินสำรองของนิกายจึงยังคงมี 23 หินวิญญาณ

ในตัวเลขหลายส่วน มีเพียงแค่ทรัพยากรและสมาชิกนิกายเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง

เนื่องจากทังจื้อเสียนได้ออกจากนิกาย สมาชิกจึงลดลงจากเดิม 31 คน เหลือ 30 คน

ที่ส่วนทรัพยากร ปรากฏต้นท้อวิเศษเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรายการ

การดำเนินการก่อนหน้าของลู่ผิง หนึ่งคือการซื้อต้นกล้าท้อวิเศษ อีกอย่างคือใช้ระบบพื้นฐานส่งศิษย์ไปเพิ่มประสบการณ์ภายนอก แล้วส่งศิษย์ไปทำภารกิจ

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากตัวเลขส่วนใหญ่ของนิกายไม่เปลี่ยนแปลง ในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้

หลังคิดใคร่ครวญสักพัก ลู่ผิงก็มีความคิดในการใช้ [ปรับปรุงทรัพยากร]

จากผลของสินค้ารายการนี้ เห็นได้ว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรชนิดหนึ่งในนิกายได้ หากโชคดี อาจจะทำให้ทรัพยากรชนิดหนึ่งเลื่อนขั้นได้

เป็นโอกาสดีที่เขาจะใช้กับไร่วิญญาณหรือไร่ยา เพื่อยกระดับสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นชั้น

แท้จริงแล้ว ตอนที่ลู่ผิงตัดสินใจลงทุนอย่างมากกับ 3 อุตสาหกรรมหลักของนิกาย เขายังค่อนข้างกังวลกับอนาคตของนิกาย

ไม่ใช่กังวลเรื่องการลงทุนเสี่ยง หรือได้ผลตอบแทนน้อย แต่เป็นเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่สูงนัก

แค่ไร่ปลูกวิญญาณ สิ่งที่นิกายปลูกเป็นไร่วิญญาณขั้นหนึ่ง ย่อมผลิตข้าววิญญาณในระดับขั้นหนึ่ง

ข้าววิญญาณระดับนี้ ราคาต่ำ ผลผลิตก็ไม่สูง

ผลผลิตต่อไร่วิญญาณ ประมาณ 300 หินวิญญาณ

หากจะทำให้นิกายดีขึ้นภายใน 3 ปี และสะสมผลกำไรไม่น้อยเพื่อจ่ายค่าตอบแทนค้างจ่ายของศิษย์ กระบวนการนี้ย่อมไม่ง่ายดาย จะยากลำบากมาก

ลู่ผิงมีความทะเยอทะยาน รู้ข้อดีของข้าวไฮบริดจากชาติก่อน เขาจึงหวังจะขยายพื้นที่ปลูก เพื่อให้ผลผลิตข้าววิญญาณสูง มีประสิทธิภาพตอบแทนนิกายดี

หากใช้ [ปรับปรุงทรัพยากร] กับไร่วิญญาณ อาจยกระดับได้เป็นขั้นสอง

ไร่วิญญาณขั้นสอง สามารถผลิตข้าววิญญาณขั้นสองได้!

ราคาข้าววิญญาณขั้นสอง มากกว่าขั้นหนึ่งถึงหนึ่งเท่าตัว รายได้จะเพิ่มขึ้นมากทีเดียว!

หากไม่ยกระดับไร่วิญญาณ แค่เพิ่มประสิทธิภาพไร่ยาบ้าง ก็จะให้ผลดีมากแล้ว

ตอนนี้ ลู่ผิงอยากจะแลก [ปรับปรุงทรัพยากร] มาใช้กับไร่วิญญาณหรือไร่ยาเลย

และแม้การเลื่อนขั้นจะล้มเหลว แต่การปรับปรุงให้ดีขึ้นสักหน่อยก็ยังดี อย่างน้อยก็พัฒนาดีกว่าเดิม

แม้แนวคิดจะดี พอมาดูราคาแลกเปลี่ยน ก็ต้องใช้ค่าชื่อเสียง 50 แต้ม ลู่ผิงรู้สึกแพงไปหน่อย

"แลกอันหนึ่งต้องใช้ 50 แต้มค่าชื่อเสียง หากจะเพิ่มประสิทธิภาพทั้งไร่วิญญาณและไร่ยา ต้องใช้อย่างน้อย 100 แต้มสินะ"

"ของดี ๆ ที่นี่ก็ไม่ค่อยถูกจริง ๆ "

แม้ตอนนี้มี 141 แต้มค่าชื่อเสียง สามารถแลก [ปรับปรุงทรัพยากร] ได้อย่างหนึ่ง แต่ลู่ผิงตัดสินใจจะไม่แลกตอนนี้

เขาคิดจะรอจนกว่าจะเก็บเกี่ยวไร่วิญญาณปีนี้เสร็จ แล้วค่อยขยายไร่และแลก ถึงตอนนั้น การเพิ่มประสิทธิภาพของไร่ก็จะได้ผลดีที่สุด

การแก้ไขปัญหาด้านจิตใจของลู่จือเวย นั้นสำคัญกว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดี

ขณะที่ลู่ผิงกำลังคิด อีก 2 วันต่อมา มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกถ้ำ เป็นลู่จือเวยกลับมาถึงนิกาย และมารายงานตัวโดยด่วน

"ท่านพ่อเจ้าคะ ลู่จือเวยกลับมาแล้ว"

ลู่จือเวยยืนอยู่ด้านนอกถ้ำ

"อืม"

ได้ยินเสียงลูกสาว ลู่ผิงก็ใช้ระบบ [ติดต่อ] เปิดสื่อสารส่วนตัวกับลู่จือเวยทันที

เขากำลังจะหาเธอพอดี

ลู่จือเวยรายงาน "ท่านพ่อ หมาป่าในโพรงต้นไม้ที่เมืองเซียวซือ ได้กำจัดเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มีตัวไหนรอดไปได้"

"เจ้าล่าปีศาจครั้งนี้ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม"

"ขอบพระคุณท่านพ่อที่ห่วงใย ทุกอย่างราบรื่นดีเจ้าค่ะ"

"ภารกิจกำจัดปีศาจครั้งนี้ เจ้าทำได้ไม่เลว"

ลู่ผิงเปิดหน้าต่างระบบ และหาพบ [ความมุ่งมั่นในเต๋า] ในร้านค้า จึงแลกมันมา

เมื่อได้รับคำชมจากลู่ผิง ลู่จือเวยก็ค่อนข้างดีใจ สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาก

"นิกายกำลังลำบากในเวลานี้ ขนหมาป่าในโพรงต้นไม้แม้จะขายได้เพียงไม่กี่หินวิญญาณ แต่น้อยยังดีกว่าไม่มีเลย"

ลู่ผิงสั่ง "เมื่อไปขายขนเหล่านั้นแล้ว ก็เก็บหินวิญญาณที่ได้ไว้ก่อน นิกายต้องใช้หินวิญญาณใน

การดำเนินงาน หินวิญญาณที่ควรจ่ายก็ไม่ควรเก็บออม"

"ลู่จือเวยเข้าใจแล้ว"

เรื่องการนำขนหมาป่าไปขาย ลู่จือเวยและลู่ผิงก็คิดไปในทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้นตอนกำจัดปีศาจ เธอคงไม่สั่งศิษย์ว่าต้องระวังในการจัดการ รักษาขนหมาป่าไว้ให้ดี

ที่ลู่ผิงให้ลู่หยวนซานคืนดาบหมอกราตรีให้ลู่จือเวย ก็คิดว่าการขายขนหมาป่าจะได้หินวิญญาณมาบ้าง ช่วยเสริมนิกายได้เล็กน้อย จะได้ไม่ต้องขายดาบหมอกราตรี

หลังจากสั่งการเรื่องนี้แล้ว ลู่ผิงก็ใช้ [ความมุ่งมั่นในเต๋า] กับลู่จือเวย

ด้านนอกถ้ำ ขณะที่ลู่จือเวยยืนรออยู่ไม่นาน ก็รู้สึกถึงความผิดปกติเกิดขึ้นภายในร่างกาย โดยเฉพาะด้านการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ

เธอกลับมีความคิดที่จะกลับไปยึดมั่นในการฝึกตน เพื่อจะได้กลับไปแข่งขันบนเส้นทางเซียนอีกครั้ง

ความคิดนี้รุนแรงมาก ทำให้เธอรู้สึกราวกับจุดไฟดวงหนึ่งในความมืด และใช้ไฟนี้ส่องทางให้เธอก้าวเดิน จนเธอเองยังสงสัยและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

"ท่านพ่อ ข้ารู้สึกเหมือนมี..."

ดังนั้น เธอจึงถามลู่ผิง เพื่อต้องการรู้สาเหตุ

เธอฉลาดมาก คาดว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับลู่ผิง

"ไม่ต้องสงสัยอะไร"

เสียงของลู่ผิงดังขึ้น เขาสังเกตสีหน้าของลู่จือเวยได้

"พ่อเห็นว่าจิตใจแห่งเต๋าของเจ้าไม่มั่นคง ขาดความมุ่งมั่นในการฝึกตน จึงต้องช่วยปลุกเร้าจิตใจของเจ้า หวังว่าเจ้าจะหลุดพ้นจากเงามืด ไม่จมปลักอยู่ในความรู้สึกผิดตอนสร้างรากฐานล้มเหลวอีกต่อไป"

"ท่านพ่อ วิธีนี้ของท่านช่างเก่งกาจนัก ถึงกับสามารถ..."

"ไม่ต้องสอบถามรายละเอียดแล้ว เจ้าเพียงแค่รู้ไว้ว่า พ่อกำลังช่วยเจ้า อยากให้เจ้าดีขึ้น"

เรื่องของระบบ ก็อธิบายยาก ลู่ผิงเลยขี้เกียจพูดมาก

เขามองดูคุณสมบัติส่วนตัวของลู่จือเวย พบว่าสถานะ [จิตแห่งเต๋าหายไป เกือบหดหู่] หายไปแล้ว กลายเป็น [แข็งแรง]

นอกจากนี้ ส่วนนิสัย [เงียบขรึม เปราะบางอ่อนไหว] ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนอุปนิสัยคงต้องใช้เวลา ไม่สามารถเปลี่ยนได้ทันที

แต่ก็ไม่เป็นไร

ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ "การพัฒนานิกาย พ่อจะหาวิธีต่อไป จะพยายามทำให้ดีที่สุด ในทำนองเดียวกัน พวกเจ้าก็ต้องมีความเชื่อมั่นด้วย"

"เจ้าค่ะ"

"อีกอย่าง เจ้าเป็นหนึ่งในผู้มีพลังยุทธ์สูงสุดในนิกาย ยังเป็นช่างสร้างอาวุธขั้นหนึ่งชั้นเลิศ ถ้าเจ้าบรรลุขั้นสร้างรากฐานได้ นิกายก็จะหายใจโล่งได้บ้าง ไม่ลำบากเหมือนตอนนี้"

พูดถึงตรงนี้ ลู่ผิงก็พูดทำนองครุ่นคิด

"บางทีเจ้าอาจคิดว่า เมื่อพ่อออกจากการปิดวิเวก ก็จะช่วยทำให้นิกายมั่นคงได้ แต่พ่อยังออกไปไม่ได้ในเร็ววันนี้ อาจนานพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นอนาคตของนิกาย ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"

ลู่จือเวยฟังอย่างตั้งใจ พยักหน้าเล็กน้อย

เรื่องที่ลู่ผิงไม่สามารถออกจากการปิดวิเวกได้ชั่วคราวนี้ ก่อนหน้านี้ลู่หยวนซานเคยบอกเธอ เธอเข้าใจได้ว่าท่านพ่ออาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่พูดไม่ได้ และจะไม่ไปสอบถามถึงสาเหตุ

"เจ้ารอพ่อข้างนอกสักครู่ พ่อมีของอีกสองอย่างจะมอบให้เจ้า"

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด