ตอนที่แล้วบทที่ 16 พ่อจะเป็นเซียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 เปิดไพ่เอง

บทที่ 17 เรื่อง การเคารพ


『เมฆก้อนที่สองก็มีความเคลื่อนไหวอีกแล้ว คนบนเมฆตรงลงมาที่ทางข้างหน้าของข้าแล้ว』

หลี่ผิงอันกวาดตามองกระจกสีมรกตในอุ้งมือ ความคิดหมุนวนอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจทันที

เขายังคงวิ่งเหาะไปข้างหน้าเหนือป่าเขาดังเดิม ขยายญาณทัศนะไปรอบทิศทางอย่างสุดความสามารถ

เมื่อเดินทางไปแบบนี้ครู่หนึ่ง หลี่ผิงอันก็หยุดกะทันหัน ร่างร่วงหล่นลงไปยังเรือนยอดของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ขมวดคิ้วมองไปทางหน้า

มีหญิงสาวคนหนึ่งนอนตะแคงอยู่บนพื้นหญ้า สีหน้าซีดเซียว ลมหายใจรวยริน ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส มองเพียงแค่เงาหลังก็ชวนให้หลงใหล

หลี่ผิงอันกระโดดลงตรงไปที่ใต้ต้นไม้

ตอนที่เหล่านักพรตเซียนทั้งสามบนท้องฟ้าต่างคิดว่าหลี่ผิงอันจะไปช่วยเหลือนางฟ้า หลี่ผิงอันกลับประสานมือไหว้ให้หญิงสาวนั้นแต่ไกล ถอนหายใจกล่าวว่า

"ข้ามีคำสั่งลับจากสำนักติดตัวมา ไม่สะดวกที่จะยุ่มย่ามมากนัก ขอให้เจ้าผ่านพ้นความทุกข์ยากครั้งนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพ"

นี่คือพูดให้นักพรตเซียนบนเมฆฟัง

จบคำ หลี่ผิงอันมือขวาสร้างปางมือ กลายเป็นหมอกควันสีขาวมุดลงไปในพื้นหญ้า ใช้วิชามุดดินอ้อมไปทางตะวันตกหลายลี้ แล้วเดินทางต่อไปทางใต้

บนเมฆขาว ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งยิ้มพยักหน้า เวยเหยียนจื้อสีหน้าสับสน

อีกก้อนเมฆขาวหนึ่ง เซียวเยว่นักพรตเจินเซียนและเจ้าหน้าที่อาวุโสนอกสำนักของสำนักว่านหยุนจงส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ จากจมูก สายตามีความคิดเล่นๆ ขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เซียวเยว่ไปที่บ้านตงไห่เป็นพิเศษ เลือกศิษย์หญิงสามคนที่มีหน้าตาและพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดจากศิษย์ทางการจำนวนมากของนาง นำมาที่นี่เพื่อหว่านกับดักให้หลี่ผิงอัน

ศิษย์ทางการของนางปกติจะอาศัยอยู่ในเมืองหรือตำบลที่ขึ้นกับสำนักว่านหยุนจง เหมือนกับเป็นศิษย์ฝึกงานทั่วไป ไม่ได้บันทึกอยู่ในทะเบียนศิษย์ของสำนัก

เห็นหลี่ผิงอันไม่สนใจโอกาส 'ช่วยนางฟ้า' แบบนี้ เซียวเยว่ก็มองหลี่ผิงอันด้วยสายตาที่สูงขึ้นไปอีกสองสามระดับ

ประตูด่านแรกล้มเหลว เซียวเยว่ก็ไม่รีบร้อน

ยังมีอีกสองด่านรออยู่ข้างหน้า นางอยากจะดูว่าหลี่ผิงอันจะตอบสนองอย่างไร

หลี่ผิงอันเดินทางไปทางใต้เพียงร้อยกว่าลี้ ผ่านเมืองใหญ่สองแห่ง ก่อนจะมาถึงป่าร้างอีกผืนหนึ่ง

ขณะที่เขากำลังเร่งฝีเท้าในป่า ด้านหน้ากลับมีหมอกหนาทึบปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ ภายในหมอกมีเสียงน้ำไหลไหลริน ราวกับมีแสงวิเศษระยิบระยับ

เก็บสมบัติระหว่างทางงั้นหรือ?

หลี่ผิงอันแทบจะหัวเราะออกมา

ที่นี่คือโลกสามัญชนในแผ่นดินทางทิศตะวันออกที่ผสมผสานกันระหว่างหยินหยางและพลังงานวิญญาณ มีผู้ฝึกปราณแห่งสำนักเต๋ามาตั้งรกรากน้อย จึงกลายเป็น 'สถานที่ตามหาสมบัติ' ของพวกนักพรตซันเซียน 'ระดับล่าง' ของทิศตะวันออก

ในพื้นที่แบบนี้ โอกาสที่จะหาสมบัติเจอ ยังต่ำกว่าได้เจอเซียนสาวไปอาบน้ำซะอีก

หลี่ผิงอันไม่ได้หยุดฝีเท้า หันไปทางตะวันออกวกอ้อมสิบกว่าลี้ หลบเลี่ยงบริเวณที่ถูกหมอกหนาทึบปกคลุม

รอจนกระทั่งเขาโผล่ออกมาอีกครั้ง ยังไม่วายหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง ถอนหายใจเบาๆ

"โชคร้ายจริงๆ ข้ามีคำสั่งจากสำนักติดตัวมา ไม่ขออาจเสี่ยงอันตรายใดๆ สมบัตินี้ไม่ได้ลิขิตไว้ให้ข้า"

จากนั้นก็เดินทางต่อไปทางใต้

บนเมฆขาว ตอนนี้เวยเหยียนจื้อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ส่วนรอยยิ้มของผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งยิ่งอบอุ่นเป็นกันเอง

บนอีกก้อนเมฆขาวหนึ่งของผู้อาวุโสเซียวเยว่ คิ้วเล็กๆ นั้นขมวดเบาๆ

ผู้น้อยคนนี้ระวังตัวขนาดนั้นเชียวหรือ?

เขาไม่ได้เป็นเพียงนักพรตขั้นควบแน่นปราณระดับต้น ยังไม่ได้ขึ้นฐานรากด้วยซ้ำ อีกทั้งนี่ยังเป็นการลงจากเขาครั้งแรกอีก จะรอบคอบขนาดนี้ได้อย่างไร?

เซียวเยว่ผู้ตระหนักว่ากลอุบายของตัวเองตื้นเกินไป กำลังจะเรียกศิษย์หญิงที่สามคนนั้นกลับไปทันที แต่สำรวจด้วยญาณเซียนแล้ว กลับเห็นหลี่ผิงอันอยู่ห่างจากศิษย์หญิงคนที่สามเพียงไม่กี่สิบลี้

และครั้งนี้ เมื่อมองจากทิศทางที่หลี่ผิงอันกำลังเดินทางไป เหมือนว่าจะไม่หลบหลีกอีกแล้ว

...

『นี่คือส่วนหนึ่งของการทดสอบในสำนักหรือ? หรือเป็นฝีมือพวกนักพรตในสำนักที่มองค้อนบิดาข้า?』

หลี่ผิงอันครุ่นคิดในใจ

สามัญสำนึกบอกเขาว่า น่าจะมีคนที่อยากขัดขวางเขาไม่ให้ผ่านการทดสอบนอกสำนัก หวังจะทำให้พ่อของเขาเสียหน้า

เนื่องจากการมีอยู่ของอาจารย์ใหญ่ผู้ก่อตั้งสำนักอย่างเซียนคงหมิง พวกเทพเซียนอาวุโสในสำนักที่แข่งขันชิงตำแหน่งเจ้าสำนักกับพ่อของเขา ก็คงทำได้แค่ระดับนี้เท่านั้น

แต่หลังจากผ่านประตูด่านที่หนึ่งและสองเกี่ยวกับ 'ช่วยนางฟ้า' กับ 'เก็บสมบัติระหว่างทาง' มาแล้ว หลี่ผิงอันก็ไม่แน่ใจแล้ว

หากเป็นฝีมือของพวกนั้นจริง มันจะไม่หยาบเกินไปหน่อยหรือ?

ในป่าเปลี่ยว สาวนักพรตที่บาดเจ็บสาหัส จะใส่ชุดผ้าบางที่ไม่มีผลป้องกันอะไรเป็นพิเศษ แล้วยังจงใจโค้งเส้นสายแนวหลังให้ลงตัวอีกหรือ?

ที่สถานที่ล่าสมบัตินั่นยิ่งเหลือเชื่อ หมอกธรรมดานอกเหนือจากแสงของสมบัติแล้วจะเอามาปกปิดไว้ทำไม? ทำไมหมอกพวกนี้ถึงไม่มีพลังวิญญาณติดอยู่เลย?

สรุปก็คือ มีช่องโหว่ให้เห็นทุกที่เลย

หลี่ผิงอันบ่นงึมงำในใจสองสามประโยค ยังคงสำรวจเส้นทางข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็พบที่ตั้งของด่านที่สาม

ดีเหมือนกัน ระยะห่างระหว่างสามด่านนี้เท่ากันหมดเลย!

สิ่งที่ญาณทัศนะของเขามองเห็น คือตรงชายป่าที่ห่างออกไปสิบกว่าลี้มีหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่บิดเบี้ยว สีหน้าเศร้าสร้อย ใช้สายผ้าเชือกโยนไปบนคบไม้ เหมือนว่าจะจบชีวิตตัวเองยายคนนี้...

หลี่ผิงอันชูมือขวาเป็นท่ามืออาคม ปาดจากซ้ายไปขวา ในดวงตาประกายแสงสีเขียวไม้กะพริบวาบ

คำว่าบังตาทำให้หลงผิด หากไม่เปิดหูตาก็มองไม่เห็นภูตผี!

ที่ไหนจะเป็นยายคนไหนกัน ชัดๆ ว่าเป็นสาวน้อยที่ผูกผมจุกคู่บนหัวปลอมแปลงเป็นคนชราต่างหาก กำลังภายในน่าจะอยู่ในขั้นควบแน่นปราณระดับ 7-8

หากนักพรตขั้นควบแน่นปราณจะแขวนคอตายได้ หลี่ผิงอันยินดีจะให้เวยเหยียนจื้อผู้จัดการใช้นามสกุลของนาง

คนๆ นี้อยู่ในขั้นควบแน่นปราณระดับ 7 ก็ใช้วิชาของสำนักว่านหยุนจง อีกทั้งยังใช้วิชาแปลงกายที่หาดูได้ยากอีก...เป็นศิษย์ในสำนักหรือ? แล้วเป็นศิษย์จากยอดเขาไหนกัน?

หลี่ผิงอันกำลังจะกล่าว 'ขออภัย' แล้วจากไป แต่กลับได้ยินยายผู้นั้นส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร

"ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว! ลูกชายคนโตของข้าเข้าสำนักว่านหยุนจง บำเพ็ญเพียรเป็นเซียน ลูกคนที่สองที่สามกลับไม่กตัญญู! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วจริงๆ!"

ดีเหมือนกัน เริ่มหลอกล่อเขาแล้วสินะ?

หากยายคนนี้ไม่เอ่ยถึงสำนักว่านหยุนจงก็คงไม่เป็นไร แต่พอพูดถึงสำนักว่านหยุนจงแล้ว หากเขาหลบเลี่ยงต่อไป ก็จะง่ายที่จะถูกคนอื่นจับผิดได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า หลี่ผิงอันก็รู้อยู่แล้วว่าในตอนนี้ มีนักพรตของสำนักว่านหยุนจงอย่างน้อยสองคนอยู่เหนือหัวของเขา

หลี่ผิงอันเร่งฝีเท้าอีกครั้ง ตรงไปที่ยายผู้นั้น ระหว่างทางยังแกล้งปล่อยเค้าพลังออกมาเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายจับทิศทางของตนได้

สังเกตเห็นหลี่ผิงอันกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ยายปลอมนักพรตสาวเพิ่มความว่องไวขึ้นอีกหลายส่วน ภายในไม่กี่ครู่ก็มัดสายเชือกเตรียมแขวนคอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหยียบบนขอนไม้ครึ่งท่อน

เธอมีขั้นตอนการแขวนคออย่างคล่องแคล่วชำนาญ

เมื่อหลี่ผิงอันปรากฏกายที่ยอดไม้ทางทิศเหนือ ยายนั้นก็สวมคอเข้าไปในบ่วงเชือก เหลือก็แต่ก้าวสุดท้ายที่จะเหวี่ยงขาออก

หลี่ผิงอันกล่าวขึ้นกะทันหัน เสียงกังวานใสแจ๋ว ไม่เร่งไม่รีบ "ผู้อาวุโสเอ๋ย ทำไมถึงจบชีวิตตัวเองเล่า?"

ยายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง หันหน้ามองไปยังในป่า เห็นหนุ่มนักพรตประสานมือยืนอยู่บนยอดไม้ อดกลั้นเสียงหายใจหอบไม่ได้

นางสั่นเสียงถามว่า "ท่านเป็น...เป็นเซียนหรือ?"

แสดงได้ไม่เลวเลยนะ

หลี่ผิงอันอมยิ้มพลางถามต่อ "เมื่อครู่ได้ยินท่านบอกว่า บุตรชายคนโตของท่านเข้าสำนักว่านหยุนจงไปบำเพ็ญเพียร จริงหรือไม่?"

ยายนั้นจับบ่วงเชือก ถอนหายใจเศร้าใจ "จริงแล้วยังไงล่ะ ลูกชายที่ดีของข้าไปเป็นเซียน มีอนาคตที่สดใสของเขาเอง เขาไม่สนใจข้า ข้าไม่โทษเขาหรอก!"

"งั้นก็บังเอิญพอดีเลย"

หลี่ผิงอันยิ้มกล่าว

"ข้าเป็นศิษย์นอกเตรียมของสำนักว่านหยุนจง เห้นเหตุการณ์เช่นนี้แล้วก็ไม่อาจนิ่งดูดาย"

"หา?"

ยายหันมามองหลี่ผิงอัน เสียงสั่นถามว่า

"ท่านรู้จักลูกชายข้าหรือ?"

หลี่ผิงอันรีบส่ายหน้า "ขออภัย ข้ายังไม่ได้เข้าไปฝึกปรือในพื้นที่ศิษย์นอกอย่างเป็นทางการ รู้จักแค่เพียงสหายร่วมสำนักไม่กี่คน เรื่องว่าสำนักว่านหยุนจงมีศิษย์มากเท่าไร ข้าบอกไม่ได้จริงๆ...แต่ในเมื่อท่านเป็นมารดาของศิษย์สำนักว่านหยุนจง ข้าก็ควรทำอะไรให้ท่านบ้าง"

"อ๊ะ! ไม่ต้องหรอกท่านเซียน! ข้าแก่ขนาดนี้ไปที่ไหนก็เป็นภาระ ทำให้คนอื่นรำคาญ มีชีวิตอยู่ก็ไร้ความหมายจริงๆ วันนี้ก็ขอลาจากไปเถอะ... ลาก่อนนะ!"

ยายนั้นอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว อีกครั้งที่สอดคอเข้าไปในบ่วงเชือก กำลังจะเหยียบขอนไม้ออก

『แปลก เขายังไม่ห้ามอีกเหรอ? 』

สาวนักพรตที่ปลอมเป็นยายในใจบ่นงึมงำ ทนไม่ไหวที่จะแอบเหลือบมองไปยังยอดไม้

หลี่ผิงอันยืนไพล่หลังเงียบๆ

แสงตะวันส่องกระทบ ใบหน้าที่ปิดทับด้วยหน้ากากบางๆ ของเขายังคงมีรอยยิ้มอบอุ่น

นี่มัน?

ยายนั้นหลับตาน้ำตาไหล หลี่ผิงอันยืนยิ้มนิ่ง

ยายถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลี่ผิงอันไม่ขยับเขยื้อน

สาวนักพรตที่ปลอมเป็นยายตัดใจ เตะขอนไม้ทิ้ง บ่วงเชือกพลันตึงเครียด

หลี่ผิงอันในที่สุดก็มีท่าที

เขาก้าวลงมาจากยอดไม้ ยืนบนทางเดินเล็กในป่าที่มีสีจางลงเล็กน้อย ประสานมือคำนับให้ยายคนนั้น กล่าวเสียงดังฟังชัด

"ในเมื่อข้ากับบุตรชายของท่านเป็นสหายเต๋าร่วมสำนัก ข้าก็ควรเก็บศพและจัดการร่างของท่านให้ เพื่อรักษาไมตรีระหว่างสหายร่วมสำนัก"

ยายเบิกตากว้าง เริ่มดิ้นขาในอากาศแล้ว

หลี่ผิงอันถอนหายใจเบาๆ ยาวๆ "บิดาของข้ามักพูดอยู่เสมอว่า โอบอ้อมอารีช่วยเหลือผู้อื่น เคารพความปรารถนาของคนอื่น อย่าเอาความคิดของตัวเองไปบังคับใคร แม้ข้าไม่อยากเห็นผู้อาวุโสจบชีวิต แต่ก็ควรให้ความเคารพการตัดสินใจของนาง โอ้ แต่โลกนี้ไม่เที่ยง เกิดเช้าตายเย็น เหมือนยุงเหมือนแมลงในฟ้าในดิน!"

ยายนั้นเริ่มกลอกตาขาว ขาที่ดิ้นอยู่เริ่มช้าลง

มือขวาของหลี่ผิงอันค่อยๆ ยกขึ้น เบื้องหน้ามีโต๊ะหนังสือปรากฏขึ้นมา บนนั้นมีผลไม้ กระถางธูป และดาบไม้ท้อ

แล้วมือซ้ายก็ค่อยๆ ยกขึ้นเช่นกัน เบื้องหน้ามีหม้อยาใบโตที่มีคราบสนิมเต็มไปหมด

หลี่ผิงอันพึมพำ "อีกสักครู่ก็จะเผาศพผู้อาวุโสท่านนี้ ขี้เถ้ากระดูกก็จะนำไปให้ลูกชายของเขาในสำนัก หม้อนี้แม้จะมีค่าไม่น้อย แต่อาคมกักเก็บเพลิงแท้บนหม้อก็คงใช้ได้อีกแค่สามสี่ครั้ง หากทำเช่นนี้ผู้อาวุโสก็จะไม่ต้องอับอายที่ตายไปแล้วสภาพไม่เรียบร้อย ประหยัดความยากลำบากในการจัดการศพของข้าไปได้ อืม...เปิดหม้อ!"

ตุบ!

สายเชือกของยายนั้นขาดกะทันหัน ลงมากองกับพื้นอย่างน่าอับอาย ตาแดงกล่ำจ้องมองหลี่ผิงอัน

หลี่ผิงอันรีบก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว พูดถามทางไกล "ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า? ข้ามีเชือกดีๆ อยู่ จะช่วยแขวนให้ไหม?"

"ไม่...ไม่ต้องแล้ว! โอ๊ย! โอ๊ยๆๆ! ข้านึกถึงหลานชายหลานสาวขึ้นมาได้... โอ๊ยๆๆ!"

ยายหน้าแดงก่ำ ลุกขึ้นมาแบบโซเซล้มลุก วิ่งสุดชีวิตไปตามทางเดินเล็กสู่หมู่บ้านไกลลิบ

หลี่ผิงอันรีบร้องเรียก "ท่านผู้อาวุโส! ข้าเตรียมพร้อมหมดแล้วนะ!"

"ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว! ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! เปลี่ยนใจแล้ว!"

ยายวิ่งหนีอย่างคล่องแคล่วเข้าไปทุกที

หลี่ผิงอันส่ายหัวยิ้ม เก็บโต๊ะหนังสือกับหม้ออาบน้ำ แล้วแสดงความเสียดายอีกครั้ง พึมพำ "พลาดโอกาสช่วยเหลือสหายร่วมสำนักอีกแล้ว รีบเดินทางต่อดีกว่า"

ว่าแล้ว หลี่ผิงอันก็กระโดดขึ้นไปบนยอดไม้ เหยียบปลายเท้าไว้บนใบไม้ลอยขึ้น

ใช้ใบไม้เป็นเรือ ตัวคนเดียวข้ามทะเลใต้

...

ในตอนนี้ บรรยากาศบนเมฆขาวทั้งสองก้อนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ด้านหนึ่งเวยเหยียนจื้อกอดท้องหัวเราะชอบใจ ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งยิ้มแป้นดูดกล้องยาสูบ

อีกด้านหนึ่ง ใบหน้างามของเซียวเยว่มืดมิดเหมือนน้ำหมึก นักพรตหญิงทั้งสามที่ถูกเรียกตัวกลับมายืนก้มหัวด้านหลังนาง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

โดยเฉพาะนักพรตหญิงร่างเล็กที่ผูกผมจุกคู่ ตอนนี้สะอื้นไห้ไม่หยุด

"อา...อาจารย์! เขาเกือบจะเผาลูกศิษย์แล้ว!"

"ปิดปากเงียบๆ ไป! ร้องไห้หน้าแหกออกมา ดูน่าเกลียดแค่ไหน!"

เซียวเยว่ฮึดฮัด

"เขาจับผิดเจ้าได้แต่แรกแล้วว่าใช้วิชาปลอมตัวไร้สาระนั่น จึงได้จงใจหลอกให้เจ้ากลัว!"

"งั้นต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะอาจารย์?"

"หลี่ผิงอันนี่นะ ถ้าไม่ยอมรับน้ำใจดีๆ ก็ต้องให้เขารับความทุกข์บ้าง"

เซียวเยว่เอ่ยเรียบๆ

"เดิมทีข้าก็อยากจะดูว่าใครในพวกเจ้าจะโชคดี คว้าโอกาสหาคู่ครองที่มีภูมิหลังลึกซึ้งได้ แล้วได้เข้าไปฝึกปรือในสำนักไปในตัว"

"เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องให้หลี่ผิงอันลิ้มรสความเจ็บปวดสักหน่อย"

"หลิงเอ่อร์?"

นักพรตหญิงจุกคู่ก้าวออกมาครึ่งก้าว "อาจารย์มีอะไรให้รับใช้"

"เฉินกงหมิน นักพรตนอกสำนักที่เขาต้องไปพบนั่น เมื่อวานข้าก็ส่งไปที่เหมืองแร่ห่างออกไปสามร้อยลี้แล้ว"

"ข้าจะส่งเจ้าไปที่ศาลาเต๋าของเฉินกงหมิน ให้เจ้าแอบอ้างเป็นศิษย์ของเขา ต้องหลอกพาหลี่ผิงอันไปที่เหมืองแร่ให้ได้ ข้าตั้งกับดักพิศวงเอาไว้ที่นั่น จะกักเขาไว้ร้อยวัน ไม่ให้เขาผ่านการทดสอบได้"

"เช่นนี้ ก็ถือว่าข้าได้สั่งสอนหลานๆ ในสำนักเป็นการภายในบ้าง"

เซียวเยว่สาดสายตาไปรอบๆ

"แค่เรื่องเล็กน้อยนี้ หากเจ้ายังทำไม่ดี ต่อไปก็ไม่ต้องมารับใช้ข้าอีก"

"ลูกศิษย์เข้าใจแล้ว!"

หลังจากนั้น เซียวเยว่ก็ขึ้นเมฆบินนำไปข้างหน้า แต่ครั้งนี้ไม่ได้ตรงผ่านศีรษะหลี่ผิงอันอีก แต่อ้อมไปทางทิศตะวันออกหนึ่งร้อยลี้

นางได้ละทิ้งความคิดที่ประมาทนักพรตขั้นควบแน่นปราณน้อยๆ ผู้นั้นเสียแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด