บทที่ 161 หุบเขาพิษดับวิญญาณ
เพื่อให้ถึงเขาอู่ซานโดยเร็วที่สุด หยางเสี่ยวเทียนและหลัวชิงเดินทางกันอย่างไม่มีหยุดพัก แต่กว่าจะเข้าใกล้ที่นี่ได้ เวลาก็เลยเกือบเที่ยงวันแล้ว
พื้นที่ภายในเขาอู่ซานแห่งนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ไม่มีแม้แต่แสงแดดส่องลงมาถึง ส่งให้การมองเห็นทุกอย่างถูกความมืดบดบังแทบจะทั้งหมด ทำเขากับหลัวชิงต้องคอยเดินกันระมัดระวังมากขึ้น
หลังพวกเขาย่างกรายเข้าสู่หุบเขาอู่ซานมาสักระยะหนึ่ง หยางเสี่ยเทียนถึงได้รู้สึกว่ามีพลังงานลึกลับบางอย่างในที่แห่งนี้ กระจายอยู่หนาแน่นมาก
“นายน้อยระวัง หมอกภายในหุบเขานี้ ล้วนเต็มไปด้วยพิษ” หลัวชิงกล่าว พร้อมยกมือขึ้นปรามหยางเสี่ยวเทียนไว้ ขณะเขากำลังเดินต่อไปเบื้องหน้า
เขาอู่ซาน มีชื่อเสียงเรื่องสิ่งเป็นพิษจำนวนมาก หลายคนหากได้นึกถึงที่นี่ ต่างต้องรู้สึกหวาดกลัวใบหน้าซีดเผือด เมื่อจิตนาการถึงพิษนานาประเภทภายในพื้นที่เขาอู่ซานทั้งหมด
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า ด้วยเขามีปราณมังกรแรกเริ่ม ร่างกายเขาจึงเปรียบดั่งมังกรแท้จริง หมอกพิษพวกนี้จึงไม่มีผลกระทบใดต่อร่างกาย ทำเขาไม่รู้สึกว่ามีพวกมัน กระทั่งหลงลืมถึงอันตรายที่หลัวชิงอาจได้รับไปเลย
เขาหยิบผ้าปิดจมูกชุบน้ำโอสถที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ส่งให้หลัวชิงสวมมัน ถึงผ้าเล็กๆ สีดำผืนนี้จะดูธรรมดา แต่มันคือหนึ่งในอาวุธวิญญาณอีกอย่างที่เขาทำขึ้น เพื่อดูดซับฤทธิ์ของโอสถเคลือบฝังอยู่ มีคุณสมบัติสามารถป้องกันพิษได้ทุกชนิด
ป่าไพรในเขาอู่ซาน ล้วนเต็มไปด้วยพรรณพฤกษาและแมลงมีพิษ แม้แต่วัชพืชยังสูงกว่าตัวคนเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ทั้งเขาและหลัวชิงต่างมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดามากเป็นพิเศษ เมื่อเข้าสู่ไพรอันหนาแน่นไปด้วยวัชพืชเหล่านี้ พวกเขาจึงเหินตัวเคลื่อนผ่านวัชพืชเหล่านั้นไปราวกับเดินบนพื้นราบปกติ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสองก็มาถึงพื้นที่ผาสูงชันแห่งหนึ่ง
“นายน้อย เบื้องหน้าเราคือหุบเขาพิษดับวิญญาณ” หลัวชิงชี้มือไปข้างหน้า
หยางเสี่ยวเทียนมองตามทิศทางยังหลัวชิงกล่าว แต่เพราะยังมีหมอกหนาทึบ เขาจึงมองเห็นทางเข้าหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งลี้อย่างคลุมเครือเท่านั้น
ตำแหน่งของไฟประหลาดที่เฉิงฉางชิงกล่าว ล่าสุดเคยมีคนพบเปลวไฟดาราอยู่ในนั้น แม้นล่าสุดที่ว่านั่น จะนานนับหลายสิบปีมาแล้ว
ท่ามกลางหมอกอันหนาแน่น ทั้งสองยังคงสืบเท้าเดินมุ่งตรงไปทางเข้าหุบเขาพิษดับวิญญาณเบื้องหน้าอย่างมิมีหวาดหวั่น
ขณะใกล้ถึงทางเข้า จู่ๆ ก็มีงูใหญ่พุ่งออกมาจากความมืด พร้อมตวัดหางขนาดยักษ์ กวาดหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยหมายจะสังหารผู้รุกล้ำอาณาเขตของมัน ให้ดับลมสิ้นก่อนทันได้กรายตัวเข้าไปในพื้นที่อันหวงแหน
หยางเสี่ยวเทียนไม่หยุดมองดูมันด้วยซ้ำ เขาเพียงโบกมือออกไปราวกับพัดหมอกที่บดบังทัศนวิสัย พร้อมกระบี่วิญญาณชั้นยอดนับร้อย พุ่งเข้าหาหางยักษ์อันคิดจะขวางทางนั้น จนเกิดเสียงทะลวงดังเสียดหูในทันที
เมื่องูใหญ่เท่าขุนเขาขนาดย่อมล้มลง มันก็ไร้เรี่ยวแรงกระทั่งดับสิ้นไปโดยพลัน ก่อนเสียงระเบิดดังจะทันสนั่นขึ้น จากร่องรอยคมกระบี่นับร้อยที่พุ่งทะลวงผ่านตัวมันออกไป ประหนึ่งได้เวลาอันสมควร
หลัวชิงเบิกตาตกใจ ด้วยเขาไม่ทันเร็วพอยกดาบในมือปัดป้องมันจากนายน้อยเสียด้วยซ้ำ ร่างยักษ์ของเจ้างูนั้นกลับพลันหยุดนิ่ง ก่อนทรุดตัวดับลงจนพื้นกระเทือน เพราะกระบี่ทั้งหมดนั่น
ยิ่งกว่านั้น เขายังรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียน สามารถควบคุมกระบี่วิญญาณนับร้อย โถมโจมตีอันตรายที่กำลังพุ่งเข้าหาได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเพลงกระบี่แต่ละทักษะนั้น เป็นการยากมากหากคิดจะฝึกควบคุมกระบี่ยาวหลายเล่มเพื่อโจมตีในเวลาเดียวกัน
เพราะยิ่งควบคุมกระบี่ทั้งหมดได้มากเท่าไหร่ ความแม่นยำในการใช้โจมตีพร้อมกัน ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
เขาไม่เคยเห็นเซียนกระบี่ผู้ใด ที่สามารถควบคุมกระบี่นับร้อยเล่ม เพื่อโจมตีในเวลาเดียวกันได้แข็งแกร่งเท่านี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต
นอกจากนี้ กระบี่ร้อยเล่มของหยางเสี่ยวเทียนทั้งหมด ยังเป็นอาวุธวิญญาณขั้นสูงอีกด้วย
หลังกระบี่ทั้งร้อยเล่มสังหารงูใหญ่นั่นจนสิ้นแล้ว เสียงพุ่งแหวกอากาศจากคมกระบี่ก็บินมุ่งกลับมาหาหยางเสี่ยวเทียน กลายเป็นแสงกระบี่นับร้อยดวง จมหายไปในร่างเขาทันที
ทั้งสองก้าวเข้าสู่หุบเขาพิษดับวิญญาณ อย่างไม่มีสิ่งใดคอยขวางกั้นทางอีก
ในหุบเขาพิษดับวิญญาณนี้ กลุ่มหมอกแตกต่างจากหมอกด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด ด้วยมันทั้งมีสีสันและพิษก็เข้มข้นพร้อมหนาแน่นกว่ามาก
นี่คือความเข้าใจผิด ที่กล่าวขานว่าเขาอู่ซานนั้นพิษร้ายกาจ
แต่กลับเทียบไม่ได้กับสิ่งมีพิษในหุบเขานี้เลยด้วยซ้ำ เพราะฤทธิ์ของพิษมันรุนแรง กระทั่งหากเผลอสัมผัสเพียงเล็กน้อย ผิวหนังจะเกิดแผลเปื่อย หรือหากสูดดมเข้าไปในร่างกาย อวัยวะภายในก็จะค่อยๆ ถูกกัดกร่อนจนเน่าสลาย และสิ้นใจลงในที่สุด
ในตอนแรก หยางเสี่ยวเทียนมีความกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากพบว่าพิษที่กรายกล้ำเข้าในร่างกายเขานั้น ถูกผลาญสลายไปโดยเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณทันที เขาจึงพลันรู้สึกโล่งใจได้
ด้วยพิษ ถือว่าไม่ถูกกับไฟทุกชนิดแม้พิษเหล่านั้นจะรุนแรงแค่ไหน แต่เปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณ ก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกที่แข็งแกร่งสุด ของบรรดาไฟประหลาดทั้งหมด มันจึงเป็นเรื่องง่ายหากเพียงคิดจะกำจัดพิษขยะเช่นนี้ออกไป
สำหรับหลัวชิง เมื่อร่างกายเขาสัมผัสได้ถึงพิษเหล่านั้น แสงคล้ายปราณสีเขียวในตัวเขา ก็พลันพุ่งออกมาปกคลุมทั่วกายทันที ทำหยางเสี่ยวเทียนพลอยรับรู้ได้ถึงพลังแห่งชีวิตที่แผ่กระจายออกมาจากพฤกษาโดยรอบ ส่งผ่านตัวเขาลอยไปรวมอยู่รอบกายของหลัวชิงอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้พลังแห่งชีวิตจากพฤกษาเหล่านี้ กลับไม่มีพิษใดๆ สามารถกล้ำกรายเข้าใกล้ร่างกายหลัวชิงได้เลย ถึงพฤกษาที่ปลดปล่อยพลังแห่งชีวิตนี้ให้เขาจะมีพิษก็ตาม แต่มันกลับให้เพียงสิ่งบริสุทธิ์เท่านั้น
นี่คือพลังที่แท้จริงของปราณจักรพรรดิพฤกษาสินะ
โดยเฉพาะในป่าไพรอันดิบชื้นเช่นนี้ ปราณจักรพรรดิพฤกษาจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้น
หากหลัวชิงยังหมั่นฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกปราณนี้อย่างหนักต่อไปเหมือนทุกวัน ไม่นาน เขาอาจได้กลายเป็นเทพแห่งชีวิตในสักวัน
ขณะที่ทั้งสองย่างกรายลึกเข้าไปในพงไพร อันตรายที่รอคืบคลานอยู่โดยรอบก็เริ่มทวีความแข็งแกร่งขึ้นอีกเรื่อยๆ แม้แต่ความเข้มข้นของพิษก็เช่นกัน
ถึงพิษเหล่านี้จะไม่เป็นภยันตรายต่อพวกเขาแล้ว แต่ทั้งสองก็ต้องเคลื่อนไหวให้ช้าลงกว่าเดิม ส่งผลต่อเวลาอันเร่งรีบ ที่หยางเสี่ยวเทียนคาดการณ์ไว้มาก
เมื่อเห็นว่ามีกลุ่มหมอกพิษหนาแน่นจนน่ารำคาญเกินไป หยางเสี่ยวเทียนจึงตัดสินใจปลดปล่อยเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณออกผลาญมันในทันที
“ไป!”
ทุกอาณาบริเวณที่เปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณข้ามผ่าน หมอกและอายพิษเหล่านั้น พวกมันล้วนถูกเปลวไฟผลาญไปจนหมดสิ้น
“เปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณงั้นรึ!” หลัวชิงตกใจทันที เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นเปลวไฟนี้เป็นครั้งแรก