บทที่ 16 กำจัดหมาป่าในโพรงต้นไม้
หลิงซี หรือที่รู้จักกันในนามแม่น้ำหลิงซี
มีต้นกำเนิดจากที่ราบสูงแดนหิมะทางตอนเหนือสุดของแคว้นหลิงซี ไหลจากเหนือลงใต้เกือบทั่วทั้งแคว้น
หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนนับแสนนับล้าน จึงเป็นที่มาของชื่อ เรียกแคว้นนี้ว่าแคว้นหลิงซี
ในแคว้นหลิงซีมีนิกายใหญ่ ตระกูลเซียน รวมถึงที่ตั้งเมืองหลวงของอาณาจักร
ล้วนสร้างอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหลิงซี นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผืนแผ่นดินแห่งนี้
ที่น่าสนใจคือ แคว้นหลิงซีเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อห่งธาตุน้ำและไม้ ใต้ดินเต็มไปด้วยธาตุน้ำและไม้มากมาย
จึงก่อเกิดเป็นผืนป่าและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ รวมถึงทะเลสาบ ลำธาร อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง นับไม่ถ้วน
ในแคว้น ผืนป่าดิบใหญ่ที่สุดอย่าง'ป่าทางใต้' ก็เกิดจากชั้นหินใต้ดินธาตุน้ำและไม้ด้วยเช่นกัน
ที่นี่มีผลึกไม้กิ่งแก้ว และผลึกน้ำสลักสินธพ์จำนวนมาก ล้วนเป็นวัตถุล้ำค่าหายาก
ช่วยเสริมพลังเซียนผู้สร้างรากฐานให้ก้าวสู่ขั้นควบแน่นได้
กลุ่มของลู่จือเวยลุยฝ่าลมฝนมาตามทิศตะวันออกอีกกว่า 190 ลี้ ระหว่างทางหยุดพักสองสามครั้ง
ในไม่ช้าก็เห็นเค้าโครงของเมืองเซียวซือปรากฏอยู่ไกลลิบ
เมื่อมาถึงชานเมือง ผู้คนที่กำลังทำนาทำไร่ต่างพากันเหลียวมองกลุ่มคนที่ดูมีลักษณะเซียน
พวกเขารู้สึกตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่ได้เห็นเซียนมาเมืองเซียวซือแห่งนี้มานานหลายปีแล้ว
ไม่รู้ว่าเซียนเหล่านี้มาปราบพวกจิ้งจอกในป่ากันหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะมาทำไมที่เมืองห่างไกลอย่างนี้
ผู้คนเริ่มซุบซิบนินทากันขึ้นมา
ซ่งหมิงฮุ่ยไม่สนใจผู้คนนอกเมือง มองตามแผนที่ ชี้ไปยังป่าทางด้านตะวันออกของเมืองเซียวซือ
"ผู้อาวุโสลู่ ตามแผนที่นั่นคือป่าเขียวนอกเมืองเซียวซือ หมาป่าในโพรงต้นไม้น่าจะอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ"
"อืม นำทางไป"
ลู่จือเวยกล่าวสั่ง
ทุกคนเดินตามซ่งหมิงฮุ่ย เข้าไปในป่าเริ่มฟื้นฟูกำลัง
ป่าเขียวแห่งนี้กว้างใหญ่มาก เมืองเซียวซือมีขนาดเพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบของผืนป่านี้เลย
ภายในมีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น หมูป่า ลิง และสัตว์วิญญาณขั้นต่ำ
ถ้าไม่ใช่เพื่อล่าสัตว์ เก็บสมุนไพร หรือตัดฟืนไว้ใช้ ชาวบ้านคงไม่กล้าเข้าไปในนี้หรอก
หลังจากกระจายกำลังค้นหาอยู่ในป่าเป็นเวลาราวสองวัน กลุ่มของซ่งหมิงฮุ่ย
จึงพอสำรวจรังของหมาป่าในโพรงต้นไม้ได้ทั้งหมด
ใช้เวลาอีกครึ่งวันในการสังเกตการณ์ วางแผนว่าจะฆ่าพวกมันให้หมดไปได้อย่างไร
โดยไม่ให้ตัวใดรอดไปได้ หลังจากปรึกษากัน พวกเขาก็ได้ข้อสรุป
บ่ายวันนั้น พวกเขาเตรียมการจนพร้อม มุ่งหน้าไปยังรังของหมาป่าในโพรงต้นไม้
ต้นไม้ใหญ่กว้างกว่าสิบคนโอบโผล่ขึ้นมากว่ายี่สิบต้น ที่เดิมทีควรจะเติบโตต่อไปอีก แต่ถูกหมาป่าทำลายจนเหี่ยวเฉา ผุพังไม่คงสภาพ
บนลำต้นที่ใหญ่โต มีโพรงใหญ่น้อยอยู่ทั่วไป
เหล่าโพรงนี้เชื่อมต่อกันภายในลำต้น เกือบจะกลวงไปหมดแล้ว เป็นฝีมือการสร้างรังของหมาป่าในโพรงต้นไม้
หมาป่าในโพรงต้นไม้ตัวหนึ่งได้ยินเสียงแปลกปลอม สัมผัสถึงลมปราณของเซียน
มันรีบโผล่หัวออกมาจากโพรง
เมื่อเห็นลู่จือเวยกับพวก มันส่งเสียงร้องออกมา โผล่ร่างออกจากโพรง
มันยาวกว่าครึ่งเมตร รูปร่างใหญ่โต ขนสีแดงเลือดนกเป็นประกายราวผ้าไหม
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
หมาป่าในโพรงอื่นๆ ได้ยินเสียงของเพื่อน ต่างก็พากันรีบโผล่หน้าออกมา
"จัดการได้!"
เห็นหมาป่าตื่นตระหนก สงครามใหญ่กำลังจะเริ่ม ลู่จือเวยสั่งทันที
"ลงมือระวังหน่อย อย่าทำลายขนมัน"
ตอนปรึกษากันก่อนหน้า นางก็บอกพวกศิษย์แล้ว ฆ่าจิ้งจอกได้ แต่พยายามอย่าทำลายขนมัน
เพราะขนขายที่ตลาดได้เงินเป็นหินวิญญาณ
เดี๋ยวนี้นิกายขาดแคลนหินวิญญาณมาก
ตรงๆ เลย ครั้งนี้นอกจากภารกิจปราบปีศาจแล้ว ทำกำไรให้นิกายด้วยก็สำคัญมากเช่นกัน
"เข้าใจแล้ว"
"ผู้อาวุโสวางใจได้!"
ซ่งหมิงฮุ่ยกับศิษย์คนอื่นรับคำ
ไม่กี่ปีนี้อยู่แต่ในนิกาย ไม่ค่อยได้ลงมือกับคนภายนอก ครั้งนี้เจอศัตรูเป็นฝูงหมาป่าที่พลังยังอ่อนด้อย
ทำเอาพวกเขาคันไม้คันมือ คึกคักขึ้นมาทันที
กลุ่มเซียนที่มีกำลังระดับฝึกปราณชั้น 3 ขึ้นไป ปราบพวกหมาป่าที่กำลังกระจัดกระจาย สูงสุดก็แค่ฝึกปราณชั้น 2 ผลลัพธ์ไม่ต้องพูดถึง
แถมครั้งนี้พวกเขาเตรียมการมาดี ตั้งแต่ได้ยินว่าจะออกมาปราบปีศาจ ต่างคนต่างก็เอาอาวุธวิญญาณที่ดีที่สุด
และเครื่องป้องกันตัวมาทั้งหมด
ซ่งหมิงฮุ่ยโดดเด่นเป็นพิเศษ พกตาข่ายทองคำเข้ม อาวุธวิญญาณขั้นกลางชั้น 1 มาด้วย
เพื่อสะดวกในการจับกุมหมาป่า
ตูม ตูม ตูม
ศิษย์ในระดับฝึกปราณชั้น 4 คนหนึ่งจัดการก่อน ประกอบตรารอยัญเลือก มีคาถาเก็บกักสีน้ำตาลเหลืองขนาดเท่าถังน้ำบินออกจากอุ้งมือ ซัดใส่รังหมาป่าใกล้ๆ อย่างหนักหน่วง
เสียงดังสนั่นระคนกับเสียงหมาป่าร้องยับเยินอลหม่าน ดูวุ่นวายไปหมด
การโจมตีครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามุ่งหวังจะใช้อาวุธวิญญาณทุบตีให้หมาป่าแตกกระจาย หรือฆ่าให้ตาย
พวกเขาต้องกระตุ้นให้หมาป่าโมโห ล่อให้ออกมาให้หมด เพื่อสะดวกต่อการจัดการขั้นต่อไป
ถูกบุกทำลายรัง หมาป่าตื่นตระหนกเหมือนมดแตกรัง มันพากันแตกฮือออกมาจากโพรง โผล่ร่างมาให้เห็น
มีไม่กี่ตัวมีขนาดใหญ่ อยู่ในระดับฝึกปราณชั้น 2 เห็นรังตัวเองถูกเซียนคนพวกนี้ทำลาย ตาก็แดงฉานไปด้วยความโกรธ
มันขู่คำราม กระโจนใส่เซียนใกล้ตัวก่อน พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง กรงเล็บแหลมคมพร้อมจะฉีกคอคน
เจอเข้าไปคงเจ็บแสบ บางที
อาจถึงขั้นศีรษะขาดได้เลย
พวกเซียนไม่กล้าประมาท รีบประสานอาวุธวิญญาณ ร่ายคาถา เผชิญหน้ากับศัตรูอย่างเต็มพลัง
จบแล้ว ไม่ต้องพูดถึง
ห้าตัวที่กระโจนเข้ามา ไม่มีรอด ทุกตัวสอนให้รู้จักคน
มีตัวถูกกระบี่แทง ตัวโดนคาถากระแทก ทิ้งตัวร่วงหล่นบนพื้น ครางอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หมดลมหายใจ
เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหมิงฮุ่ย จะสังหารพวกมันเหมือนเชือดไก่นั่นแหละ
หมาป่าตัวอื่นๆ ที่ยืนดูอยู่ เห็นเพื่อนพยายามโจมตีแต่ยังไม่ทันถูกเล็บโดนก็ต้องมาสังเวยชีวิต
ก็ไม่คิดจะบุกเข้าไปต่อแล้ว
มันมีสติปัญญาบ้าง รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ ขู่คำรามอย่างแหลมเสียดแก้วหู ก่อนจะพากันหนีกระเจิง
"รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็คิดจะหนีหรอ มีหรือจะให้หนีง่ายๆ!"
"วันนี้แม้แต่ตัวเดียวก็หนีไม่พ้น"
จางเนี่ยนชวนตวาดเสียงดัง พยักหน้าส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ ที่อยู่รอบด้าน
ซ่งหมิงฮุ่ยกับพวกเข้าใจความหมาย พวกเขาประจำที่ทุกทิศทาง เตรียมหมากรุก
เห็นหมาป่าพากันหนีวุ่นวาย ต่างก็ปฏิบัติตามแผนที่เตรียมไว้ก่อนหน้า โจมตีผลักดันพวกมันให้มุ่งหน้าไปกลางวง
เพื่อเก็บกวาดพวกมันให้หมด
หมาป่าในโพรงต้นไม้เป็นเพียงปีศาจระดับหนึ่ง ฉลาดก็ฉลาด แต่จะฉลาดเท่าลู่จือเวยได้อย่างไร
สังคมมนุษย์โหดร้ายกว่าสังคมปีศาจหลายเท่านัก
พวกเซียนเริ่มไล่ต้อนรุมโจมตี บัดดลมีปราณปะทะกันไปทั่ว อาวุธวิญญาณแผ่พลังออกมา
กระบี่หกเจ็ดเล่มบินวนไล่ต้อนอยู่ในอากาศ ในพริบตาหมาป่าก็ติดกับดักและกลายเป็นปลาในซัง
ถูกบังคับให้หนีไปตรงกลาง