ตอนที่แล้วบทที่ 14 มอบหมายภารกิจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 กำจัดหมาป่าในโพรงต้นไม้

บทที่ 15 ออกไปเยี่ยมเมืองเซียวซือ


ลู่ผิงได้มอบหมายภารกิจให้ลู่จือเวย ให้ไปจัดการฝูงหมาป่าในโพรงต้นไม้ที่เมืองเซียวซือ เมื่อลู่จือเวยได้ฟังแล้ว นางก็อึดอัดใจครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบรับในทันที

ที่จริงไม่กี่ปีมานี้ นางชอบใช้ชีวิตเงียบสงบหลบเลี่ยงผู้คน เพราะเป็นโรคกลัวสังคม แทบไม่ออกไปจากนิกายเลย กำจัดปีศาจข้างนอก นางไม่อยากไปสักเท่าไร

แต่ประโยคต่อมาของลู่ผิง ทำให้นางปฏิเสธไม่ลง

"การออกไปกวาดล้างปีศาจครั้งนี้ สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนานิกาย หากเจ้าทำสำเร็จ นอกจากจะได้รับประโยชน์มหาศาล ก็ยังเป็นการตอบแทนคุณให้ชิงซานอีกด้วย"

"เตรียมตัวให้ดี เจ้ากำหนดเวลาออกเดินทางเอาเอง ขอแค่กวาดล้างพวกหมาป่าวิเศษให้เสร็จก่อนสิ้นเดือน"

"เรื่องที่บิดาสั่ง เจ้าอย่าปฏิเสธเลย"

ตอนนี้เพิ่งต้นเดือน ยังมีเวลาเกินสิบวันกว่าจะหมดเดือน ถือว่ามีเวลาเหลือเฟือให้นางเตรียมตัว ไม่กระทบงานในนิกาย

ที่จริงลู่ผิงก็กลัวว่าถ้าเวลานานไป เหล่าเซียนจะไปเจอหมาป่าวิเศษเข้า เผลอๆ ฝูงหมาป่าอาจถูกจัดการไปก่อนที่ลู่จือเวยจะได้ลงมือด้วย

ดังนั้นเวลาจึงต้องสั้นที่สุด

พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ลู่จือเวยจะพูดอะไรได้อีกเล่า นางสลัดความลังเลออกไปจากใจ ไม่ปฏิเสธอีก

"ได้ เรื่องหมาป่า ข้าจะจัดการเอง"

ลู่หยวนซานยืนฟังอยู่ข้างๆ ไม่คัดค้านการจัดการของลู่ผิง

ด้วยกำลังยุทธ์ขั้นฝึกปราณชั้น 9 ของลู่จือเวย ต่อให้หลายปีมานี้ นางจะชักช้าในการต่อสู้ ไม่สามารถใช้พลังเต็มที่ แต่การจัดการฝูงหมาป่าวิเศษพวกนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ไม่ต้องใช้แรงมากนัก

บิดาตั้งใจส่งนางออกไป คงอยากให้นางผ่อนคลายจิตใจบ้าง นี่ถือเป็นความหวังดีของบิดา

บิดาไม่มีทางทำร้ายจือเวย

มอบหมายให้ลู่จือเวยกำจัดปีศาจ เห็นนางรับปากแล้ว ลู่ผิงก็นึกถึงเรื่องกระบี่หมอกราตรี จึงถามลู่หยวนซานทันที "หยวนซาน กระบี่หมอกราตรีของจือเวย ยังอยู่กับเจ้าใช่หรือไม่"

"ยังอยู่ขอรับ"

ลู่หยวนซานหยิบกระบี่หมอกราตรีออกมา แม้ไม่รู้ว่าลู่ผิงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เขาไม่เคยเอ่ยถึงมันเลยสักคำ แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ออกไป

ในเมื่อบิดาฟื้นขึ้นมาแล้ว ในฐานะเซียนขั้นแก่นทองคำ คงมีวิธีล่วงรู้เรื่องนี้ ถ้าแม้แต่จะมองเห็นการประชุมครั้งก่อนได้ ก็ไม่น่าแปลกใจ

"คืนให้นางแล้วกัน ถ้าจะออกไปกำจัดปีศาจคราวนี้ อาวุธคู่ใจก็ควรมี"

"ท่านพ่อ กระบี่หมอกราตรี ขายเพื่อเสริมทุนในนิกายก็พอ ในการกำจัดปีศาจครั้งนี้ ไม่มีมันก็ไม่เป็นไรหรอก"

พอพูดถึงกระบี่หมอกราตรี ลู่จือเวยก็รีบปฏิเสธทันที

"ถ้าข้าให้ ก็ต้องเก็บไว้ให้ดี"

ลู่ผิงพูดเสียงเข้มขึ้น "ของขวัญวันเกิดที่บิดาให้เจ้า แค่บิดาอยากให้เจ้าเก็บไว้ เจ้าก็ต้องเก็บให้ดี เอาไปขายนี่มันเรื่องอะไร"

รับรู้ถึงความเข้มงวดในน้ำเสียงของลู่ผิง ลู่จือเวยก็ไม่กล้าขัดขืน ในที่สุดก็ทำตามคำสั่งของลู่ผิง รับกระบี่หมอกราตรีกลับมา

ก่อนให้ทั้งสองถอยออกไป ลู่ผิงยังกำชับลู่จือเวยว่าออกไปข้างนอกต้องระวังตัวให้ดี จากนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก

ทั้งพี่น้องออกจากที่นั่นพร้อมกัน

ระหว่างทางออกจากอาณาเขตหวงห้าม ลู่จือเวยไม่พูดอะไรสักคำ แต่ลู่หยวนซานมีสีหน้าร่าเริงยินดี เขารีบจัดการเรื่องคนติดตามให้ลู่จือเวยในการกำจัดปีศาจครั้งนี้

"น้องหญิง แม้ตอนนี้นิกายจะไม่เหมือนแต่ก่อน จำนวนศิษย์น้อยลงมาก แต่พวกที่มีกำลังยุทธ์ถึงขั้นฝึกปราณ 3 ขึ้นไป ก็ยังถือว่ามีมากกว่าครึ่ง น่าจะมีหลายคนช่วยเจ้าทำตามคำสั่งของบิดาได้"

"ข้าว่าพวกซ่งหมิงฮุ่ย, จางเนี่ยนชวนมีพลังถึงขั้นพอใช้ มีความจำเป็นต้องออกไปหาประสบการณ์บ้าง ไม่เช่นนั้นก็ให้พวกเขาไปกับน้องเถอะ"

"น้องไม่ได้ออกจากนิกายนานมาก พาคนไปสักหน่อยจะได้มีคนดูแลกัน"

ซ่งหมิงฮุ่ยที่ว่านี้ ก็คือพี่หญิงซ่งหมิงฮุ่ยนั่นเอง กำลังยุทธ์ถึงขั้นฝึกปราณ 5 เป็นคนเข้ากับคนง่าย รู้จักดูแลเอาใจใส่ศิษย์ร่วมนิกาย

ส่วนจางเนี่ยนชวนก็เป็นศิษย์ของลู่จือเวย เขามีความจงรักภักดีต่อนิกาย ยอมรับการจัดการได้

แต่เพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้ ลู่จือเวยสูญเสียเต๋าใจ มักจะปิดตัวเงียบเหงา ไม่ใส่ใจเรื่องการฝึกตนแล้ว จะออกไปสอนจางเนี่ยนชวนน้อยลง

แต่จางเนี่ยนชวนก็ยังนับถือลู่จือเวยเป็นอย่างมาก ยังคงมองนางเป็นอาจารย์เหมือนเดิม เข้าใจว่าทำไมลู่จือเวยจึงเป็นแบบนี้ ไม่เคยคิดจะบ่นว่าอะไร

นอกจากสองคนนี้ ลู่หยวนซานก็ยังแนะนำคนอื่นอีกหลายคน นับว่าเป็นการออกไปหาประสบการณ์ ได้เห็นโลกภายนอก

"อืม ข้าไม่ว่าอะไรทั้งนั้น"

ลู่จือเวยผงกศีรษะเบาๆ ยอมรับคำแนะนำของลู่หยวนซาน

จริงๆ แล้วไม่ว่าจะพาใครไป นางก็ไม่สนใจหรอก ถ้าทำได้ การเดินทางคนเดียวคงดีที่สุดแล้ว

แต่พอนึกถึงว่าไม่ได้ออกไปข้างนอกหลายปี กลัวจะจำทางไม่ได้ กลัวจะเสียเวลากำจัดปีศาจ นางจึงจำต้องยอมทำตามคำพูดพี่ชาย

"งั้นเรื่องตัวคนก็ตามนี้แหละ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยเอง"

"ขอบใจพี่ชายนะ"

"พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะต้องขอบใจอะไร"

"อีกอย่าง น้องก็รู้ ตอนนี้ฐานะการเงินในนิกายย่ำแย่ เรือบินที่มีก่อนหน้านี้ก็ขายไปจนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องพาหนะ..."

ลู่หยวนซานอมยิ้มเจื่อนๆ "นิกายเราตอนนี้ไม่มีพาหนะให้ ต้องลำบากพวกเจ้าแล้วล่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอก"

ลู่จือเวยส่ายหน้า

นางก็ไม่ใช่คนประเภทที่อ่อนแอ ถึงกับต้องนั่งเรือบินไปเมืองเซียวซือ

นางเข้าใจฐานะของนิกายดี

ตามที่ทั้งสองคนคุยกัน การที่ลู่จือเวยจะนำทีมกำจัดปีศาจครั้งนี้ ลู่หยวนซานก็รีบจัดการอย่างรวดเร็ว นอกจากสั่งให้ซ่งหมิงฮุ่ย, จางเนี่ยนชวนไปด้วยแล้ว ก็ยังจัดสรรศิษย์อีกสี่คน

ในฐานะประมุขนิกาย ลู่หยวนซานจัดการเรื่องต่างๆ มากมาย นิกายชิงซานตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด

โชคดีที่ศิษย์ทั้งหลายเชื่อฟังการจัดการ ทำให้เขาไม่ต้องกังวลใจสักเท่าไร

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงปลายเดือนแล้ว

ตามการจัดการของลู่หยวนซาน ลู่จือเวยนำศิษย์หกคนรวมตัวกันที่นอกศาลาใหญ่ของนิกาย มุ่งหน้าสู่เมืองเซียวซือโดยตรง

กลุ่มคนออกเดินทางในวันนี้ ไปกำจัดฝูงหมาป่าในโพรงต้นไม้

มีจางเนี่ยนชวน ซ่งหมิงฮุ่ย และศิษย์คนอื่นติดตาม ลู่จือเวยไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางเลยแม้แต่น้อย

ส่วนเรื่องแผนที่เส้นทาง ลู่หยวนซานก็สั่งให้กับซ่งหมิงฮุ่ยไว้แล้ว

นิกายชิงซานอยู่ห่างจากเมืองเซียวซือราว 200 กว่าลี้ เนื่องจากเซียนขั้นฝึกปราณมีฐานกำลังยังอ่อน บินด้วยกระบี่ไม่ได้ นิกายก็ไม่มีเรือบินให้ใช้ ลู่จือเวยและคนอื่นๆ จึงต้องใช้ท่าตัวเบาเร่งความเร็วไปตามทางเท่านั้น

ถึงจะดูเยอะไปหน่อย แต่ถ้าจะไปให้ถึงเมืองเซียวซือก็ยังต้องใช้เวลาราวสองวัน ระหว่างทางหยุดพักผ่อนนิดหน่อย เติมกำลังปราณฟื้นฟูพลังวิญญาณ เวลาก็จะยิ่งยาวขึ้นอีกสักหนึ่งวัน

แล้วก็ในเวลาที่ลู่จือเวยและคนอื่นๆ ออกเดินทางจากนิกายชิงซัน ลู่ผิงในเขตหวงห้ามก็มองเห็นแผนที่กิจการนอกนิกายปรากฏขึ้นตรงหน้า

ขนาดแผนที่เท่ากับตอนที่เลือกพื้นที่สำรวจ สิ่งใหม่ที่โผล่ออกมาคือ รูปรูปคนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนที่ช้าๆ

รูปนั้นมีขนาดเท่าปลายนิ้วโป้ง แสดงให้เห็นลู่จือเวยกับคนอื่นๆ มุ่งตรงไปทางตะวันออกของนิกายชิงซาน ขยับไปทางเมืองเซียวซือ

ลู่ผิงคลิกที่รูป รูปภาพก็ขยายออกมา แสดงรายละเอียดข้อมูล

ข้างในบันทึกชื่อลู่จือเวย ซ่งหมิงฮุ่ย จางเนี่ยนชวน และคนอื่นๆ รวมทั้งจำนวนคนที่ออกไปกวาดล้างครั้งนี้

นี่มีประโยชน์มากเลย รู้สถานะและตำแหน่งของพวกเขาแบบเรียลไทม์ เหลือก็แค่รอให้พวกเขาชัยชนะกลับมาเท่านั้น

ฝูงหมาป่าในโพรงต้นไม้ขั้นที่ 1 มีที่อยู่อาศัยเป็นหลัก จะไม่ย้ายถิ่นฐานในระยะสั้น

พวกสัตว์น้อยกลุ่มนี้เจอลู่จือเวย ก็เหมือนโดนรังแกนั่นแหละ ลู่ผิงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย

ทางตะวันออกของเขาชิงเหลียน

ลู่จือเวยและคนอื่นๆ ใช้ท่าตัวเบาพุ่งทะยานไป วิ่งไปได้สิบกว่าลี้ ไม่นานก็เห็นแม่น้ำสายใหญ่ไหลเชี่ยว

แม่น้ำสายนี้เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำ 'หลิงซี' แม่น้ำยาวอันดับหนึ่งของแคว้นหลิงซี จากเส้นหลักของแม่น้ำหลิงซี คดเคี้ยวไหลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ รวมเข้ากับทะเลชิงหลี

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด