บทที่ 12 ผจญภัย
"กำจัดหมาป่าในโพรงต้นไม้ ดูท่าจะเป็นภารกิจกำจัดปีศาจ"
หมาป่าในโพรงต้นไม้ เป็นปีศาจขั้นที่หนึ่ง มีธาตุแท้เจ้าเล่ห์ ว่องไวเช่นจิ้งจอก มีสติปัญญาระดับหนึ่ง
เนื่องจากมีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก ปราดเปรียวว่องไว ใช้โพรงไม้เป็นที่อยู่อาศัย ทำลายต้นไม้อย่างมหาศาล จึงถูกจัดอยู่ในประเภทสัตว์รบกวน
มันมักจะอยู่กันเป็นฝูง บางครั้งกินเนื้อสัตว์ ความอันตรายไม่น้อยไปกว่าสัตว์ดุร้ายกินเนื้อ
อย่าดูถูกมันที่มีกำลังเพียงขั้นฝึกปราณชั้น 1-2 ไม่ทำให้เซียนได้รับบาดเจ็บสาหัสสักเท่าไร แต่ชาวบ้านธรรมดาหากเผชิญหน้ากับมัน ก็ไร้ทางสู้ ได้แต่ยอมถูกฆ่าตายเท่านั้น
"ค่าชื่อเสียง 121 แต้มเป็นรางวัล เพียงทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ก็มีหนทางให้ลู่จือเวยแลกเปลี่ยน 'ความมุ่งมั่นในเต๋า' แล้ว แถมยังเหลือคะแนนอีกบ้าง"
"ขนของหมาป่าในโพรงต้นไม้ หากเอาไปขายในตลาดชิงเหอ ก็จะแลกเป็นหินวิญญาณได้เพื่อเสริมทุนให้นิกายบ้าง"
ลู่ผิงคำนวณในใจ หากนับจากจำนวนหมาป่า 36 ตัว นำขนไปขายก็จะได้เงินราว 70 หินวิญญาณ ถึงจะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยนี่นา
ส่วนฟรีรีเฟรชร้านค้าของระบบ นับเป็นรางวัลที่ดีเช่นกัน
การรีเฟรชร้านในปกติ ต้องเสียค่าชื่อเสียงถึง 10 แต้ม ไว้ประหยัดค่าใช้จ่ายก็ดี
โดยรวมแล้ว ภารกิจนอกนิกายครั้งนี้ง่ายมาก ไม่ยากนัก
ไม่ต้องพูดถึงการส่งเซียนขั้นสูงอย่างลู่หยวนซาน ออกไปช่วยกำจัดปีศาจ เพียงแค่ส่งศิษย์ไปแค่ไม่กี่คน ก็ผ่านไปได้สบายๆ
คิดเก็บไว้ในใจ ลู่ผิงไม่ร้อนใจที่จะเรียกลู่หยวนซาน สั่งให้เขานำคนไปเมืองเซียวซือ กวาดล้างหมาป่าเหล่านั้นในทันที
ไม่กี่วันหลังจากนี้ ลู่จือเวยจะมาพบเขา ค่อยจัดการภารกิจนอกนิกายนี้ก็ยังไม่สาย
ค่าชื่อเสียง 20 คะแนนที่เหลือ พอที่จะใช้แลก "ยารักษาชั้นหนึ่ง" ได้พอดี เป็นสินค้าใช้รักษาอาการบาดเจ็บของศิษย์ มีประสิทธิภาพวิเศษยิ่งนัก
เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน คะแนนทั้ง 20 นี่ คงต้องสะสมไว้ก่อน
ลู่ผิงไม่คิดจะใช้ค่าชื่อเสียงอีกแล้ว จึงเปิดดูตัวเลือกอีกตัวของระบบ นั่นก็คือ "ผจญภัย"
"ผจญภัย..."
ในฐานะหนึ่งในห้าตัวเลือกพื้นฐานของระบบ ลู่ผิงค่อนข้างสนใจตัวเลือกนี้อยู่ไม่น้อย
ผจญภัยในที่นี้ ก็คือการส่งศิษย์ออกไปเผชิญโลกภายนอก ท่องไปในแดนมนุษย์นั่นเอง
โดยทั่วไปนิกายใหญ่มักจะกำหนดเกณฑ์การผจญภัยสำหรับศิษย์ตามระดับพลังยุทธ์ ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ออกไปผจญภัยเมื่อถึงขั้นฝึกปราณชั้น 4 ขึ้นไป เพื่อเก็บสะสมชื่อเสียงและเกียรติยศให้แก่นิกาย
นิกายชิงซานก็เคยทำเช่นนั้นมาก่อน ศิษย์ที่บรรลุขั้นฝึกปราณชั้น 4 ล้วนได้รับอนุญาตให้ออกไปผจญภัย กลับมาในระยะสั้นไม่กี่เดือน หรือนานถึงสามห้าปี แล้วแต่แต่ละคน
แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่โชคดีพบโอกาสในการเพิ่มพลังยุทธ์ หรือพาคู่หมั้นมาด้วย
แน่นอน ต้องมีกำลังมากพอ รักษาโอกาสไว้ให้ดี พร้อมกับมีไหวพริบในการคบหาผู้คน
ส่วนใหญ่แล้วศิษย์ที่ออกไปเผชิญโลก มักจะไม่กลับมา ล้มตายอยู่ข้างนอก กลายเป็นซากศพเกลื่อนทาง เป็นบันไดให้คนอื่นก้าวข้ามไป
แม้การผจญภัยจะเสี่ยงอันตราย แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฝึกฝนจิตใจและปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันที่ดุเดือด
เส้นทางการฝึกตนนั้นเท่ากับการต่อสู้กับท้องฟ้า ต่อสู้กับแผ่นดิน และต่อสู้กับผู้คน ไม่มีทางราบรื่นเลย จำเป็นต้องฝ่าฟันอุปสรรคด้วยความลำบากยากเย็น
โรงเรือนอบอุ่นไม่อาจสร้างวีรบุรุษได้หรอก
"ในเมื่อระบบมีตัวเลือกผจญภัยแล้ว ก็ต้องมีประโยชน์แน่ๆ การส่งศิษย์ลงจากเขาไปผจญภัยสักคน ก็ไม่เสียหายอะไร"
ลู่ผิงค้นหาในระบบสมาชิกของนิกาย อ่านข้อมูลของศิษย์แต่ละคน
เขาตัดสินใจจะลองส่งศิษย์หนึ่งคนไปเผชิญโลก แล้วดูว่าจะได้ผลตอบแทนอะไรกลับมาบ้าง
แน่นอน คนที่จะส่งไปนั้น พลังต้องไม่ต่ำเกินไป มิใช่เพิ่งลงเขาก็ตายเสียก่อน ด้วยน้ำมือปีศาจหรือวิถีมาร เพราะอย่างนั้นลู่ผิงก็จะรู้สึกผิดในใจ
ก็เพราะตอนนี้ศิษย์ในนิกายน้อยเหลือเกิน ทุกคนล้วนมีค่า
มองไปมา สายตาของลู่ผิงก็มาหยุดอยู่ที่ศิษย์ชายคนหนึ่ง
[ชื่อ: ฉู่อี้]
[สถานะ: ศิษย์นิกายชิงซาน]
[อายุ: 21]
[อุปนิสัย: ชอบความยุติธรรม เป็นมิตรต่อทุกคน]
[สุขภาพ: แข็งแรงดี]
[ขั้นพลัง: ฝึกปราณชั้น 5]
[ธาตุแท้: รากวิญญาณคู่ ไม้และลม]
[สถานที่: ภูเขาชิงเหลียน]
...
รากวิญญาณคู่ หนึ่งในนั้นคือธาตุหายาก ธาตุลม กำลังยุทธ์ก็ดูดี อยู่ขั้นฝึกปราณชั้น 5 ที่สำคัญคือนิสัยดี
ส่งเขาออกไปผจญภัย ฉู่อี้คงไม่ทำตัวเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงนิกายชิงซาน
คนแรกที่จะใช้ทดสอบระบบผจญภัย เลือกเขาแล้วกัน
ลู่ผิงเลือกฉู่อี้ ก็มีหน้าต่างข้อความปรากฏขึ้นมา
[คุณได้เลือก ฉู่อี้ เป้าหมายจะออกเดินทางผจญภัยในเร็วๆ นี้]
เลือกคนได้แล้ว ต่อไปก็รอได้เลย การที่ฉู่อี้จะลงจากเขาไปผจญภัย ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ในนิกายก่อน แถมยังต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกด้วย
จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ลู่ผิงจึงปิดหน้าต่างระบบ
อีกด้านหนึ่ง ลู่หยวนซานที่กำลังนำต้นท้อวิเศษอ่อนไปที่สวนสมุนไพร
นิกายชิงซานมีไร่ปลูกพืชวิญญาณสามไร่ ตั้งอยู่ใกล้ยอดเขา ติดกับไร่พืชวิญญาณอีกสิบไร่ ล้วนอยู่ในบริเวณที่ปราณต้นกำเนิดหนาแน่น เหมาะสมมากสำหรับปลูกพืชวิญญาณ
การเจริญเติบโตของพืชและข้าววิญญาณ ต้องการการบำรุงจากปราณต้นกำเนิดอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้นก็จะขาดพลังจนทำให้เจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถเติบโตเป็นพืชวิญญาณที่สมบูรณ
ข้าวและยาวิญญาณที่ขาดพลังพิเศษ ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบำรุงร่างกายเซียนได้น้อยลง
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน มีสายลมพัดผ่าน อากาศไม่ร้อนมาก ค่อนข้างเย็นสบาย
ในไร่ ข้าววิญญาณกำลังสุก เป็นทุ่งทองอร่ามสะพรั่ง ส่ายไหวตามสายลม
"คิดๆ ดู อีกหนึ่งสองเดือน ปีนี้คงได้เก็บเกี่ยวข้าววิญญาณกันแล้ว"
ยืนอยู่นอกไร่ มองไปยังต้นข้าวสีทองเหลืองอร่าม ลู่หยวนซานเปล่งประกายตาด้วยความคาดหวัง
ข้าววิญญาณเป็นหนึ่งในรายได้หลักของนิกายในเวลานี้ นิกายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงส่งศิษย์ไปดูแลทุกวัน ร่ายคาถาเรียกฝน กำจัดแมลงศัตรูพืช
สมัยก่อน ข้าววิญญาณที่นิกายปลูกนั้นน้อยมาก เพียงห้าหกไร่เท่านั้น ไม่ได้ขายให้คนนอก ใช้เป็นอาหารภายในนิกายทั้งหมด
แต่เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หลังจากผ่านช่วงเสื่อมของนิกายมา รายได้ลดลงมาก นิกายยิ่งเห็นความสำคัญของรายได้จากข้าววิญญาณ ขยายพื้นที่เพาะปลูก กว่าจะมีภาพตรงหน้าเช่นนี้ได้
รอจนเก็บเกี่ยวข้าววิญญาณรอบนี้เสร็จ ก็ต้องขยายไร่เพิ่มอีกแล้ว ถึงตอนนั้นคงยุ่งอยู่พักใหญ่
หลังจากยืนมองไร่พืชวิญญาณอยู่ครู่หนึ่ง ลู่หยวนซานก็เก็บความคิดแล้วมุ่งหน้าไปสวนสมุนไพรทันที
เพิ่งเดินไปถึง ก็เห็นร่างสีเขียวมรกตคนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่ในสวนสมุนไพร ใช้วิชายิงเข็มทองฆ่าแมลงไปด้วย
เนื่องจากระหว่างการปลูกยาวิญญาณ มักจะมีแมลงปีศาจมากัดกินทำลายยา ดังนั้นการกำจัดแมลงจึงสำคัญมาก จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ต้องทำทุกเดือน
วิชายิงเข็มทอง เป็นกลวิธีเฉพาะสำหรับฆ่าแมลง วิชาขั้นต่ำแบบนี้ฝึกได้ง่าย และใช้พลังปราณน้อยมาก
แต่เพราะแมลงปีศาจส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ซ่อนตัวอยู่ใต้ใบ ตามลำต้น ยากจะตรวจพบ ร่างสีมรกตนั้นจึงจดจ่ออยู่กับการค้นหาและกำจัดแมลง ไม่ทันสังเกตว่าลู่หยวนซานมาถึง
เห็นเช่อชิงชิงทำงานอย่างจริงจังเช่นนี้ ลู่หยวนซานก็ไม่รีบเอ่ยปาก กวาดตามองสวนยาเล็กน้อย
ยาวิญญาณที่นี่มีไม่กี่ชนิด ราวสิบกว่าอย่างเท่านั้น แต่เพราะปลูกจำนวนมาก จึงดูหนาแน่น
ยาวิญญาณขั้นหนึ่งทั่วไป เช่น หญ้าปลอบประโลม เถาหยกยูหลัน เห็ดม่วงวิเศษ ปลูกเป็นผืนใหญ่ ล้วนอยู่ในช่วงเจริญเติบโต ยังห่างจากการเก็บเกี่ยวอีกหลายวัน
ยาวิญญาณเหล่านี้โดยไม่มีข้อยกเว้น ล้วนต้องการการดูแลเดือนละครั้ง รดน้ำ กำจัดแมลง
ดูจากความเจริญเติบโตของยา เด็กหญิงคนนี้ดูแลสวนสมุนไพรได้ดีมาก ทำให้ลู่หยวนซานอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะเรียกออกไป
"ชิงชิง"
ร่างสีเขียวมรกตที่ถูกเรียกว่าชิงชิง ได้ยินเสียงเรียก ก็หันหน้ามาทันที
เมื่อเห็นว่าเป็นลู่หยวนซาน เธอก็รีบคารวะต้อนรับ
"ท่านประมุขนิกาย"