ตอนที่ 130: จัดการได้อย่างง่ายดาย
"ยอดฝีมือ!"
หลังจากนั้น สาวกทุกคนก็เห็นหลินถงและคนอื่น ๆ ต่างก็เผยด้วยความยินดี พวกเขาจึงรีบวิ่งออกมาจากซากปรักหักพังทีละคน คนแล้วคนเล่า
หลินถง และคนอื่น ๆ ก็มีความสุขมากเช่นกัน ปรากฎว่าลูกศิษย์ของพวกเขายังไม่ตาย น่ายินดียิ่งนัก.
ไป๋ลี่เซียนเพิกเฉยต่อผู้คนที่หลบหนี
สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลินซวนอยู่เสมอ
ในฐานะจักรพรรดิผู้มีอำนาจ เขารู้สึกกดดัน จากหลินซวนจนทำให้เขาหวาดหวั่น.
ดังนั้นในขณะนี้ เขายังคงต้องการใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย
คุยกับหลินซวนดี ๆ ไม่ริเริ่มหาเรื่องอีกฝ่าย.
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้มีเพียงสิ่งก่อสร้างที่เสียหาย แม้นว่าจะพังทลายก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยังมีช่องว่างให้คุยกับหลินซวน.
ไป๋ลี่เซียนหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม:
“จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน หากเจ้าและข้าต่อสู้กัน ผลลัพธ์สุดท้ายไม่มีใครได้ประโยชน์”
“ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถเข้าร่วมกองกำลังกับเจ้าและจักรพรรดินีเสวียนปิงเพื่อช่วยเจ้าขยายอาณาเขตและขยายดินแดนเป่ยเสวียนเทียนได้”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย พวกหลินถงและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ
สิ่งที่จักรพรรดิอสูรหมายถึงคือเขาต้องการสร้างสันติภาพกับจักรพรรดิ!
ไม่!
นี่ไม่ใช่เพื่อสร้างสันติภาพ!
คล้ายกับว่ากำลังขอร้องอีกฝ่าย.
จักรพรรดิอสูรผู้น่าเกรงขามริเริ่มลดท่าทีลงและเอ่ยคุยเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ แนวคิดนี้คืออะไร?
นี่เทียบเท่ากับมหาอำนาจอาณาจักรจักรพรรดิของมนุษย์ที่ยอมก้มศีรษะลง!
อย่างไรก็ตาม ลองคิดดูอีกครั้ง
หลินถง และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่า คงมีเพียงบุรุษที่ยอดเยี่ยมเช่นจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนเท่านั้น ที่สามารถบังคับจักรพรรดิอสูรให้ริเริ่มที่จะก้มศีรษะให้เขาได้
ตี้ฟู่คู่ควรที่จะให้จักรพรรดิอสูรภัคดีเช่นกัน.
หลินซวนเผยยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ และหันไปให้บุตรสาวที่เดินไปมาเล่นอยู่ข้าง ๆ สนามหญ้าที่อยู่ห่างออกมา
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำการปิดกั้นเสียงรอบ ๆ พื้นที่พวกนางเอาไว้.
เมื่อเห็นสิ่งดังกล่าวนี้ หลินถงและคนอื่น ๆ ก็เข้าใจแล้วว่า ตี้ฟู่พร้อมลงมือแล้ว.
พวกเขาถอยกลับไปยังบริเวณใกล้เคียงเสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ทันที และปกป้องเอาไว้.
แม้ว่าองค์หญิงตัวน้อยจะไม่มีปัญหาใด ๆ ภายใต้การดูแลของตี้ฟู่
แต่พวกเขาก็ไม่คิดอย่างนั้น.
แม้ว่าจะมีอันตรายเพียงหนึ่งในพันล้าน แต่พวกเขาก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออยู่ข้าง ๆ องค์หญิง
เมื่อเห็นพฤติกรรมของหลินซวน ไป๋ลี่เซียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
หลินซวนที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย: "การเปรียบเทียบของเจ้า พยัคฆ์สองตนที่ต่อสู้กันนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง"
"โอ้ว?" ไป๋ลิเซียนพยายามระงับความโกรธของเขาเอาไว้ “เจ้าคิดว่าข้าเอ่ยอะไรผิดตรงไหน?”
หลินซวนเผยยิ้มอย่างดูแคลน "คนสองคนที่แข็งแกร่งเท่ากันเท่านั้นถึงจะสามารถใช้คำนี้ได้"
“ส่วนเจ้าและข้า... มันเป็นความแตกต่างกันราวกับ มดและสัตว์ร้าย!”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ไป๋ลี่เซียนก็โกรธมาก: "จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน จะบ้าคลั่ง ก็ต้องมีขีดจำกัดบ้าง!"
หลินซวน เปรียบเทียบเขาราวกับมดจริง ๆ เขาจะทนต่อความอัปยศอดสูในฐานะจักรพรรดิอสูรได้อย่างไร? -
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ความโกรธของไป่ลี่เซียน ก็กลายเป็นความตกใจโดยสิ้นเชิง
ซูมมมมม!
รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่เก่าแก่โบราณ อำนาจแห่งกฎที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลินซวน.
ในเวลานี้ท้องฟ้าแทบจะเปลี่ยนสีไป.
แสงและเงาลึกลับโคจรล้อมรอบหลินซวน
พลังของกฎคลุมเครือ ที่มีเขาเป็นศูนย์กลางราวกับจะผสานเข้ากับโลกหล้า.
ในเวลานี้ หลินซวนราวกับเป็นสวรรค์และปฐพีไปแล้ว.
“โอ้ว! สวรรค์ อาณาจักรมหาปราชญ์! นี่คืออาณาจักรมหาปราชญ์!”
“แข็งแกร่งเกินไป! ต่อหน้าอาณาจักรมหาปราชญ์ อาณาจักรจักรพรรดินั้นก็เป็นเหมือนมดจริง ๆ!”
“พวกเราได้ยั่วยุตัวตนแบบไหนกัน!”
ต่อหน้าลมหายใจของอาณาจักรมหาปราชญ์ ใบหน้าของชนเผ่าแมงป่องทั้งหมดซีดเผือดไปในทันที.
หากทำได้ พวกเขาก็อยากจะอยู่ใต้ดินไปตลอดชีวิต และไม่ต้องเจอตัวตนเช่นหลินซวนที่ร้ายกาจเช่นนี้อีกเลย.
หลินถง และคนอื่น ๆ ก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน.
โดยเฉพาะหลินถงและหวังเหวินหยาง
เมื่อทั้งสองได้พบกับ หลินซวน มากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลินซวน ยังคงเป็นขอบเขตจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตาม ในพริบตาเดียว หลินซวน ก็กลายเป็นอาณาจักรมหาปราชญ์แล้ว
เรื่องเช่นนี้ได้ล้มลางสำนึกรู้ของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง.
ในโลกผู้ฝึกตนนั้น
เวลาหนึ่งเดือนเป็นเวลาสั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจเท่านั้น.
กล่าวได้ว่า เหล่าพรสวรรค์นับไม่ถ้วนแทบจะไม่อาจก้าวถึงขอบเขตจักรพรรดิได้ตลอดชีวิต ไม่ต้องเอยถึงขอบเขตมหาปราชญ์ที่น่าพรั่นพรึงเช่นตี้ฟู่.
นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อาจจินตนาการถึงได้เลย.
ทว่าหลินซวนกลับสามารถทำมันได้ง่าย ๆ.
สิ่งนี้ทำให้ หลินถง และคนอื่น ๆ สงสัยมาก ขอบเขตมหาปราชญ์สามารถทะลวงได้อย่างง่าย ๆ เลยอย่างงั้นรึ?
“จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน ข้ายินดีที่จะนำทั้งตระกูลยอมจำนนต่อเจ้า!”
มาถึงตอนนี้ ความมั่นใจของไป่ลี่เซียน ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนออกไปด้วยความหวาดกลัว
"ไม่จำเป็น." หลินซวนพ่นคำสามคำออกมาด้วยความเย็นชา
เผ่าแมงป่องเป็นเผ่าสัตว์อสูรที่ดุร้ายมาก และพวกเขาเองสังหารมนุษย์เป็นผักปลา.
หลินซวนมาเพื่อทำลายพวกเขาทั้งหมด จะเปลี่ยนใจเวลานี้ได้อย่างไร?
เขาหยิบกระบี่ออกมาจากความว่างเปล่า ทุกอย่างที่ราวกับเป็นภาพมายา เมื่อคืนกลับสู่ความเป็นจริง เขาก็มาอยู่ด้านหน้าไป่ลี่เซียนแล้ว.
พรึด!
เขาไม่ได้ให้โอกาสไป๋ลี่เซียนเอ่ยอะไรเลยสักนิด เวลานี้ได้กุดศีรษะอีกฝ่ายลอยกระเด็นด้วยหนึ่งกระบี่ไปแล้ว.
เมื่อเห็นเขาสังหารไป่ลี่เซียนด้วยท่าทางที่ง่ายดาย ตระกูลแมงป่องทั้งหมดก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนกอย่างมาก
เผ่าแมงป่องที่เหลือเวลานี้คืนร่างต้นของพวกเขา ดำดินต้องการหลบหนีตายออกไป.
อย่างไรก็ตาม หลินซวน โบกมือออกไปคราวหนึ่ง.
แสงสีดำที่พุ่งทะยานท้องฟ้า กำเนิดค่ายกลสังหารใต้พิภพที่น่าพรั่นพรึงขึ้นมาทันที.
สายตาที่หวาดกลัวสยดสยองของหลินถงและคนอื่น ๆ ที่เวลานี้เห็นค่ายกลสังหารสังหารดุร้ายกำลังสังหารเผ่าแมงป่อง.
เพียงไม่นานผู้คนของเผ่าแมงป่องก็ถูกสังหารไปจนหมด
“เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้ ถูกตี้ฟู่จัดการอย่างง่ายดาย!”
หลินถง และคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะขาอ่อนยวบทรงตัวไม่อยู่จนต้องนั่งลงไปบนพื้น.
"ไปกันเถอะ."
หลินซวนเหลือบมองพวกเขาเอ่ยเบา ๆ จากนั้นยกเลิกค่ายกลเก็บเสียงแล้วกอดบุตรสาวทั้งสี่ เข้ามาในอ้อมกอด.
“รับทราบ!” หลินถงและคนอื่น ๆ หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและก้าวตามไป
-
นิกายป้ากั้ว.
นิกายแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาป้ากั้ว อาณาจักรต้าฮัว
ภูเขาป้ากั้วนั้นประกอบด้วยยอดเขาแปดยอดเขาล้อมรอบภูเขาหลัง.
เป็นสถานะที่เทือกเขากลมกลืนเข้ากับธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม.
เนื่องจากข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครนี้.
ทำให้ภูเขาทั้งแปดที่ล้อมรอบภูเขาเป้ากั้วเป็นแนวป้องกันที่ทรงพลังมาก.
หากมองจากพื้นที่ไกลออกไป จากด้านนอก ภูเขาป้าราวกับถูกป้องกันด้วยกำแพงสีทองที่ทรงพลัง.
เหล่าผู้คนที่ต้องการบุกสถานที่แห่งนี้ ย่อมเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง.
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องโถงใหญ่ใจกลางภูเขาปากั้ว
ผู้นำนิกายฟางเซิ่งหยวนที่เวลานี้จัดเรียงชิ้นส่วนกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์นำมาเรียงต่อกัน เขาได้ใช้แก่นแท้ในร่างกายแผ่พุ่งเข้าไปในชิ้นส่วนต่าง ๆ.
ซูมมมม!
ปรากฏแสงสีฟ้าแพรวพราวกระพริบเป็นระยะ
ชิ้นส่วนทั้งสี่ที่ขยับผสานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว.
ในชั่วพริบตา กระบี่ที่น่าเกรงขามยาวคร่งฟุต ใบดาบเป็นสีฟ้าที่สลักด้วยตราประทับเก้าทัณฑ์สายฟ้าก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าแล้ว.
“ฮ่าฮ่า กระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ช่างสมกับชื่อเสียง กลิ่นอายไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ.”
ก่อนที่เขาจะสัมผัสกระบี่เก้าภัยพิบัติ ฟางเซิงหยวนก็ตื่นตะลึงกับรัศมีกระบี่ที่ทรงพลังและน่าเกรงขามของมันมาก.
หลังจากหยิบกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ขึ้นมา ก็ถ่ายเทแก่นแท้ลงไป สัมผัสได้ถึงพลังสายฟ้าไม่มีสิ้นสุดซ่อนอยู่ในตัวกระบี่.
“สมกับกระบี่วิญญาณที่ร้ายกาจที่ผสานทัณฑ์สายฟ้าเก้าครั้ง ทรงพลังจริง ๆ!”
“จากนี้ แม้ต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ ข้าก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป!”
ดวงตาของฟางเซิ่งหยวนที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ.
กระบี่วิญญาณเก้าทัณฑ์สวรรค์ หากต้องการใช้พลังของมันอย่างเต็มที่ จะต้องทำให้มันจดจำเขาเป็นนายซะก่อน.
ฟางเซิ่งหยวนที่มีความมั่นใจว่าเขาจะสามารถครอบครองกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์.
อย่างไรก็ตาม แม้นว่าจะยังไม่อาจใช้งานพลังทั้งหมดของมันได้ ทว่าต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตจ้าววิญญาณก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย.
นี่คือความมั่นใจของการครอบครองกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ สมบัติทางจิตวิญญาณที่นำมาให้เขา.
“ด้วยกระบี่เล่มนี้ ข้าจะสามารถครอบครองทรัพยากรของนิกายกระบี่อื่น ๆได้อย่างง่ายดาย!”
ฟางเซิงหยวน คิดถึงผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นมาก และรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถงไปทันที
ในขณะเดียวกันเสียงที่โกรธเกรี้ยวก็ดังกังวานไปทั่วภูเขา.
“จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนอยู่ที่นี่แล้ว สุนัขขี้ขโมยฟางเซิ่งหยวนรีบไสหัวออกมาซะ!”