ตอนที่ 127: ผู้กอบกู้กำลังมา!
คำพูดของฟางเซิ่งหยวน ทุกคนล้วนแต่เห็นด้วยกันหมด.
สาวกหลายพันคนหายตัวไปในเทือกเขาแห่งนี้ ทำให้นิกายหลักแต่ละนิกายเต็มไปด้วยความกังวล.
หากไม่พบเบาะแสใด ๆ ไม่เพียงแค่ทำให้นิกายเสียชื่อเสียง ยังส่งผลต่อจิตใจของเหล่าศิษย์รุ่นต่อไปในอนาคตอีกด้วย.
ท้ายที่สุดแล้ว ในเทือกเขาแห่งนี้ มักมีอาณาจักรลับต่าง ๆ ปรากฏขึ้น.
สำหรับผู้ฝึกฝน เทือกเขาจงจิงนั้นเป็นทำเลที่ดีเยี่ยมในเก็บประสบการณ์สำหรับสาวกของพวกเขา.
ทว่ากลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อลูกศิษย์ของพวกเขาหายไปพร้อม ๆ กัน ทำให้พวกเขาต้องรวมกำลังกันเพื่อค้นหาศิษย์ที่หายไป!
แม้ว่าพวกเขาจะตายไปหมดแล้ว พวกเขาก็ต้องพบศพ!
อย่างไรก็ตามครั้งนี้บังเอิญอย่างแท้จริง.
ที่มีสาวกหลายนิกายหายไปพร้อมกัน.
ดังนั้นในฐานะผู้นำนิกายของตน
หลินถง, หวังเหวินหยาง, ฟางเซิ่งหยวน และคนอื่น ๆ จึงต้องลงมือเอง
หลังจากเดินไปหลายร้อยลี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่เทือกเขาจงจิ่งอย่างแท้จริง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง และในขณะนี้ มีภูเขาสูงหลายแสนลูกแบ่งแยกออกเป็นสองข้างทาง
มีเพียงทางเส้นเดียวให้เดินไปข้างหน้า.
หวังเหวินหยางมองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยว่า:
“มันสมกับเป็นเทือกเขาจงจิง เพียงทางเข้าสู่ภูเขาก็เป็นสถานที่มีภูมิประเทศอันตรายอย่างยิ่ง”
“ภูมิประเทศนี้อันตรายอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าอยู่ตรงกลาง หากมีศัตรูซุ่มโจมตีจากสองด้าน ก็มีแต่ต้องเพลี้ยงพล้ำเท่านั้น”
หลินตง และคนอื่น ๆ พยักหน้าเงียบ ๆ
นิกายเมี่ยวซวนของหวังเหวินหยาง เป็นนิกายที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล
มุมมองของเขาเกี่ยวกับภูมิประเทศและฮวงจุ้ยนั้นย่อมเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
"เป็นคำแนะนำที่ดี" ฟางเซิงหยวนเผยยิ้มเล็กน้อย "ผู้นำหวางสมกับเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล สามารถมองเห็นความแตกต่างได้ในทันที"
หวังเหวินหยางส่ายหน้าและยิ้ม: "เมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำฝาง ความแข็งแกร่งในปัจจุบันก็ยังด้อยกว่าเจ้ามาก!"
นิกายป้ากั้วที่นำโดยฟางซิ่งหยวน ก่อตั้งเมื่อ 8,000 ปีก่อนนิกายเมี่ยวซวน
สำหรับ ฟางเซิ่งหยวนเอง ไม่เพียงแต่มีฐานบ่มเพาะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลอีกด้วย.
มีเรื่องเล่าบอกว่าเขาสามารถสร้างค่ายกลได้อย่างง่ายดาย.
เพียงดีดนิ้ว ก็สามารถค่ายกลปกคลุมพื้นที่สิบลี้ได้แล้ว.
ดังนั้นต่อหน้าเขา หวังเหวินหยางจึงไม่กล้ามีความเย่อหยิ่งใด ๆ
ฟางเซิ่งหยวน หัวเราะหลังจากได้ฟัง:
"ผู้คนควรที่จะรู้จักข้อบกพร่องของตัวเอง หาไม่แล้วอาจจะล่วงหล่นได้ในสักวัน!"
เขาระดมแก่นแท้ของเขาและโบกมือออกไปมาอย่างไม่เป็นทางการ
ภูเขาทั้งสองข้างเปล่งประกายด้วยแสงสีแดง และในเวลาเดียวกันก็มีแสงสีแดงสดใสส่องกวาดม้วนไปรอบ ๆ
ซูมมมม!
ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมระยะทางสิบลี้ได้ก่อตัวขึ้นในทันที
ปลายทั้งสองด้านของค่ายกลเชื่อมต่อกับภูเขาทั้งสองด้านเป็นกำแพง
"เกิดอะไรขึ้น?"
“ผู้นำฝาง เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
หลินถง, หวังเหวินหยาง และคนอื่น ๆ ล้วนแต่ตื่นตะลึง!
โดยไม่รอให้พวกเขาได้สติ ฟางเซิ่งหยวนก็บินออกไปนอกค่ายกลพร้อมกับลูกศิษย์ของเขาแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่คาดคิดว่าพวกเจ้าจะเป็นถึงผู้นำนิกายกัน ไม่คิดว่าเลยมันจะง่ายดายขนาดนี้!”
“เมื่อชายชราอยู่ที่นี่ เจ้ากับเอ่ยถึงภูมิประเทศที่เป็นอันตราย”
“ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังเรียกร้องหาความตายด้วยตัวเองหรอกรึ?”
ฟางเซิ่งหยวนกล่าวอย่างมีชัยชนะ
และในขณะที่เขาเอ่ย ค่ายกลขนาดใหญ่ก็ลุกโชนขึ้นมาด้วยเปลวเพลิง.
เปลวเพลิงสีแดงสดนับไม่ถ้วนลอยอยู่อยู่บนอากาศราวกับว่ากำลังจะล่วงหลุ่นทะลวงลงใส่ผู้คน
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลินถงที่ตกใจและโกรธเกรี้ยว“ฟางเซิ่งหยวน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ฟางเซิงหยวนกล่าว เยาะเย้ย: "ข้าไม่กลัวที่จะบอกพวกเจ้าว่า สาวกของพวกเจ้าทุกคนที่หายตัวไปจากนิกาย ถูกสาวกของข้าสังหารไปเอง"
“และข้าพาพวกเจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อรับชิ้นส่วนกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ไงล่ะ!”
เมื่อเอ่ยจบ สาวกที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็หัวเราะออกมาอย่างมีชัย.
“ไม่คาดคิดเลยว่า สาวกนิกายที่ไม่เอาถ่านของพวกเจ้า กลับสามารถนำมาหลอกล่อพวกเจ้าเดินลงสู่กับดักได้ง่าย ๆ!”
“ในความคิดของข้า นิกายของพวกเจ้าจบสิ้นแล้ว!”
“นับจากนี้เป็นต้นไป โลกยุทธ์ของอาณาจักรอวิ๋นเย่ อาณาจักรต้าฮัวและอาณาจักรหลินลี่ จะเหลือเพียงนิกายที่โดดเด่นที่สุดคือ นิกายป้ากั้วของพวกเรา!”
พวกเขามั่นใจหลินถงและคนอื่น ๆ ไม่มีทางรอดแน่.
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเหล่านิกายใหญ่ที่สูญเสียผู้นำ ก็ไม่ต่างจากรังที่มีเพียงไข่ ให้นิกายป้ากั้วเก็บเกี่ยวได้ตามต้องการ.
"งั้นรึ!!"
หลินถง, หวังเหวินหยาง และคนอื่น ๆ รับฟัง กัดฟันด้วยความเกลียดชัง
ครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่สาวกของพวกเขาและสาวกของนิกายป้ากั้วเข้าอาณาจักรลับด้วยกัน.
ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาคงไม่ถูกหลอกให้มายังสถานที่น่ากลัวจนถูกหลอกให้เข้ามาอยู่ในค่ายกลที่วางไว้อย่างแน่นอน.
สำหรับชิ้นส่วนของกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์.
มีทั้งหมดสี่ชิ้น
หลินถง, หวังเหวินหยาง และทุกเจ้านิกายจะมีนิกายละหนึ่งชิ้นอยู่ในมือ
เมื่อรวมชิ้นส่วนทั้งสี่เข้าด้วยกัน กระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ก็สามารถหลอมรวมกันได้.
สำหรับกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ มีตำนานเล่าว่ามันคือสมบัติจิตวิญญาณที่ได้รับการขัดเกลาจากมหาปราชญ์โบราณเมื่อ 300,000 ปีก่อน หลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์เก้าครั้ง.
ใบกระบี่นั้นถูกสลักด้วยสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้า สามารถกระตุ้นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ที่น่าพรั่นพรึงได้
เดิมทีหลินถง และคนอื่น ๆ ได้รับชิ้นส่วนกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์มา
แต่ก็ปกปิดไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย.
ไม่คาดคิด ความลับไม่มีในโลก ฟางเซิ่งหยวนกลับรู้เรื่องนี้.
“ในอาณาจักรแห่งความลับในปัจจุบัน มีชิ้นส่วนของกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์อยู่”
“โชคดีที่ลูกศิษย์ของข้าฉลาดและมีความกตัญญู ดังนั้นพวกเขาจึงคิดหาวิธีที่จะสร้างผลงานครั้งนี้ขึ้นมา”
“ตอนนี้ พวกเจ้าทุกคนติดอยู่ในค่ายกลโดยข้า แค่มอบชิ้นส่วนของกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ออกมาทันที พวกเจ้าก็จะมีชีวิตรอด!”
ฟางเซิ่งหยวน ดูเหมือนว่าเขากำลังถือตั๋วชนะเอาไว้แล้ว
หลินถงและ หวังเหวินหยาง กัดฟัน
ปรากฏว่าชิ้นส่วนของกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์อยู่ในอาณาจักรลับดังกล่าวนั่นเอง.
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ ฟางเซิ่งหยวน และลูกศิษย์ของเขาเคลื่อนไหวด้วยความแผนชั่วร้ายเช่นนี้ และกักขังพวกเขาไว้พร้อมกัน.
"ต้องการให้พวกเราเรามอบชิ้นส่วนกระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์ให้กับเจ้า ฝันไปเถอะ!" ดวงตาของหลินถง ที่กลายเป็นสีแดง จ้องมองตาขวางออกไป.
“ถูกต้อง เจ้าไม่มีทางที่จะได้รับมัน หากเจ้าบังคับข้าก็จะทำลายมันไม่ยอมมันให้กับเจ้า!” หวังเหวินหยางแทบรอไม่ไหวที่จะกลืนกินฟางเซิ่งหยวน
ฟางเซิ่งหยวน เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง: "ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่ให้ ข้าก็แค่สังหารเจ้าก่อน แล้วจึงทำลายนิกายของเจ้าทั้งหมด!"
ด้วยการสะบัดนิ้ว ค่ายกลสังหารทั้งหมดก็เริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่ง
ในช่วงเวลาหนึ่ง มีเปลวเพลิงไฟนับแสนกรีดอากาศคำรามลั่น ปรากฏมังกรเหินหงส์ร่ายรำ เต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงกวาดไปทั่วอากาศ.
“เหวินหยาง เจ้าทำลายค่ายกลนี้ซะ!”
หลินถงที่คำรามลั่น เตรียมเข้าป้องกันฝากความหวังทั้งหมดไว้กับหวังเหวินหยาง.
หวังเหวินหยางกัดฟันและรีบหันไปใช้ความรู้ที่มีทั้งหมดของเขา หยิบเข็มทิศไคหยวนออกมาเพื่อทำลายค่ายกลนี้อย่างแข็งขัน.
น่าเศร้าใจทักษะค่ายกลของเขานั้นแย่กว่าฟางเซิ่งหยวนมาก.
ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรก็ไร้ผล.
“ฮึ ดูเหมือนว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”
ฟางเซิงหยวน เผยยิ้มอย่างมืดครึ้ม "ถ้าเช่นนั้นข้าจะสังหารสาวกของพวกเจ้าทั้งหมดทั้งนิกาย!"
เมื่อเขาเอ่ยจบก็เตรียมพาสาวกของตัวเองออกไป.
“ช้าก่อน!”
หลินถงที่เอ่ยเรียกฟางเซิ่งหยวน“มอบชิ้นส่วนกระบี่ให้แล้ว เจ้าจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหม?”
"แน่นอน!" ฟางเซิ่งหยวน เผยร่องรอยของความตื่นเต้น
หวังเหวินหยางกล่าวเตือนหลินถง: "แม้ว่าจะมอบให้เขา แต่ข้าไม่คิดว่า เขาจะปล่อยพวกเราไป"
หลินถงกัดฟันแล้วเอ่ยว่า: "แล้วยังมีทางเลือกอีกรึ?”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หวังเหวินหยางและคนอื่น ๆ ก็เงียบไป
หลังจากคิดทบทวนแล้ว พวกเขาก็หยิบชิ้นส่วนกระบี่ที่มีออกมา.
“วางมันลงบนพื้น ข้าจะเก็บมันเอง” ฟางเซิ่งหยวน เหลือบมองชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสามด้วยสายตาตะกละตะกลาม
หลังจากที่หวังเหวินหยางและคนอื่น ๆ วางชิ้นส่วนลงบนพื้น เขาก็นำชิ้นส่วนออกจากค่ายกลทันทีด้วยวิธีลับ
“ฟางเซิงหยวน ของมอบให้เจ้าแล้ว ปล่อยพวกเรา!” หลินถงคำราม
"ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าพวกโง่เขลาทั้งหลาย!"
ฟางเซิงหยวน หัวเราะเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ "ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงเนื้อบนเขียง มีคุณสมบัติอะไรมาเรียกร้อง!"
หลังจากเอ่ยจบแล้วเขาก็รีบออกไปกับเหล่าสาวกทันที
ด้วยชิ้นส่วนทั้งสี่ชิ้นในมือ กระบี่เก้าทัณฑ์สวรรค์สามารถหลอมได้ในทันที
เขาไม่เสียเวลาเอ่ยอะไรไร้สาระอีก.
เมื่อเห็นเขาจากไป หลินถงและคนอื่น ๆ ก็โกรธมาก
“สารเลว ฟางเซิ่งหยวน เจ้ามันไร้สัจจะ ตระบัดสัตย์เจ้าจะต้องตายเร็ว ๆ นี้!”
หลังจากคำรามลั่น อารมณ์ของทุกคนก็จมลง.
เมื่อติดอยู่ในค่ายกลสังหาร ความแข็งแกร่งของพวกเขากำลังถูกผลาญไปเรื่อย ๆ.
การที่พวกเขาต้องตายเช่นนี้ พวกเขาไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย.
ซูมมมม~
ในเวลานี้ เงาดำก็พุ่งเข้ามาหาทุกคน
ปัง
หลังจากที่เงาดำกระแทกเข้ากับค่ายกลของ ฟางเซิ่งหยวน ค่ายกลขนาดใหญ่ก็แตกสลายไปทันที
หลังจากเกิดระเบิดเสียงดัง ทุกอย่างก็สลายกลายเป็นฝุ่น.
ขณะที่ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ตั้งใจ ก็พบเงาของนกตัวใหญ่.
“นี่... ค่ายกลถูกทำลาย?”
“นกทำลายค่ายกล ค่ายกลนี้เปราะบางขนาดนั้นเลยรึ?”
“เป็นไปได้อย่างไร? มีเพียงยอดฝีมือไร้คู่เปรียบเท่านั้นที่จะทำลายค่ายกลของฟางเซิ่งหยวนได้!”
หลินตง, หวังเหวินหยาง และคนอื่น ๆ พูดคุยกันด้วยความงงงวย.
หลินตง และ หวังเหวินหยาง ต่างก็มีลางสังหรณ์อยู่ในใจ
บางทีพวกเขาอาจจะรู้จักคนที่ทำลายค่ายกลนั้น
ในเวลานั้น มีเสียงอ่อนโยนดังมาจากด้านหน้า: "เสด็จพ่อ ท้องข้าร้องอีกแล้ว!"
จากนั้นก็มีเสียงชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอ่ยออกมาว่า“อดทนไว้ พ่อจะปรุงเนื้อนกย่างแสนอร่อยให้เจ้าทันที”
“ว้าว มันต้องหอมมากแน่ ๆ!”
“อืม ข้าอยากกินขานกตัวใหญ่ทั้งตัว!”
“ข้าก็อยากได้เหมือนกัน!”
“คงจะดีไม่น้อยหากนกมีสี่ขา เราจะได้คนล่ะหนึ่งขา!”
เมื่อเสียงร้องของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ใกล้เข้ามา หลินถง และคนอื่น ๆ ก็จ้องมองไปพร้อม ๆ กัน
ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นว่าเป็น หลินซวนพาบุตรสาวทั้งสี่ของเขาก้าวออกมาจากป่า
“แน่นอนอยู่แล้ว ยอดฝีมือไร้คู่เปรียบคนนั้น เป็นตี้ฟู่นั่นเอง!”
หลินถง และ หวังเหวินหยาง รู้สึกตื่นเต้นทันที ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นการมาถึงของ พระผู้ช่วยให้รอด