ตอนที่ 126: พ่อมังกรไม่มีบุตรสุนัข!
ไม่เพียงแต่เสวียนหยู เท่านั้น แต่ทุกคนรอบ ๆ ต่างก็ตื่นตะลึง!กับอสรพิษหลามนภาเก้าเศียร
จู่ ๆ สัตว์อสูรยักษ์ระดับ 3 ก็โผล่ออกมาจากอ้อมแขนของเสวียนหยู เกือบจะทำลายทั้งสนามแข่งขันไปแล้ว.
ใครจะจินตนาการได้ว่าเด็กสตรีตัวเล็ก ๆ คนนี้จะสามารถซ่อนสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ไว้ในอ้อมแขนของนางได้!
และจ้าวหยูเจี๋ยที่ถูกอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรทับก็ตัวสั่นไปมาด้วยความตกใจ
แรงกดดันของอสูรยักษ์ระดับสามไม่ใช่ขอบเขตตงหวงจะต้านทานได้.
“น้อง...สาวน้อย เอามันออกไป!” จ้าวหยูเจี๋ยกลัวมากจนพูดไม่ออก
"โอ้ว!" เสวียนหยูรีบก้าวไปข้างหน้าและกวักมือเรียกอสรพิษหลามนภาเก้าเศียร "มานี่ ข้าให้เจ้าไปจับเขาตอนไหน!"
ดวงตาทั้งเก้าคู่ของอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรตื่นตะลึง!
ปรากฎว่าข้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของพี่สาวเสวียนหยู!
โบ้ว~
เมื่อตระหนักว่ามันทำผิดพลาด อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรก็รีบเงยหน้าขึ้นทั้งเก้าหัวและหอนออกมาราวกับสุนัขสวรรค์
แน่นอนว่ามันต้องการเป็นที่ชื่นชอบของเสวียนหยู
ท้ายที่สุดแล้ว พี่สาวเสวียนหยูก็เป็นบุตรสาวของจักรพรรดิ
หากนางไม่มีความสุข ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้จักรพรรดิไม่มีความสุข
ผลที่ตามมา...
อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรที่ตัวสั่นเพียงแค่คิดถึงมัน และเรียนรู้จากสัตว์ร้ายสุนัขสวรรค์ แสดงท่าทางไร้เดียงสาเพื่อทำให้เสวียนหยูพอใจ
เมื่อเห็นภาพฉากดังกล่าว ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงทันที
นี่คือสัตว์อสูรอสรพิษหรือสุนัขสวรรค์กันแน่?
มีเพียงเสวียนหยูเท่านั้นที่เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง: "ลืมมันซะ ในเมื่อเจ้ายอมรับความผิดพลาด ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าก็ได้!"
ดูเหมือนว่านางสามารถสื่อสารกับอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ
หลังจากได้รับการอภัยโทษแล้ว อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรก็หดตัวลงและซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของนางทันที
เสวียนหยูคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมันโยนออกไป "เจ้าดูการทดสอบของพี่สาว ข้างสนามพอ แล้วรอจนกว่าพี่สาวของเจ้าต่อสู้เสร็จ จากนั้นข้าจะพาเจ้ากลับมา!"
อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรว่าง่ายไปอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง
และเมื่อเห็นมันออกไปไกล จ้าวหยูเจี๋ยก็กล้าลุกขึ้นยืน
เสวียนหยูชี้ไปที่อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรแล้วเอ่ยออกมาว่า: "พี่ใหญ่ ข้าปล่อยมันไปแล้ว ตอนนี้ท่านลงมือโจมตีใหม่ได้แล้ว!"
จ้าวหยูเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึก: "ตกลง!"
แม้ว่าจะหวาดกลัวอสรพิษหลามนภาเก้าเศียร แต่เขาก็ยังต้องการพิสูจน์ตัวเองในการแข่งขัน
ดังนั้นหลังจากรวมแก่นแท้อีกครั้งก็ทำการโจมตีออกไปอีกครั้ง.
“วิชากระบี่เสวียนเทียนจิ่ว!”
ริ้วแสงกระบี่ในมือของจ้าวหยูเจี่ย พุ่งออกเป็นเป็นสายรุ่’ตรงไปยังร่างของเสวียนหยู
เสวียนหยูขมวดคิ้วและโต้กลับอย่างรวดเร็ว
“วิชากระบี่เทียนเจา!”
ปัด~
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แทงกระบี่ออกมามากกว่าสิบครั้งในทันที และพุ่งเข้าไปหาจ้าวหยูเจี่ย ด้วยรัศมีกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัว
“สตรีคนนี้บ้าไปแล้ว!”
จ้าวหยูเจี่ย ผงะและสร้างม่านพลังปกคลุมไปทั่วร่างกายทันที.
อย่างไรก็ตามเสวียนหยูก็โจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่ง.
ไม่ถึงสามลมหายใจ.
นางได้ฟาดฟันกระบี่ไปหลายร้อยครั้งแล้ว กระแทกเกราะป้องกันของจ้าวหยูเจี่ยไม่หยุดหย่อน.
เสวียนจู,เสวียนซี และ เสวียนหาน ในกลุ่มผู้ชมอ้าปากค้าง
เสวียนหยูได้เปลี่ยน "เทคนิคกระบี่เทียนเจา" เป็น "เทคนิคกระบี่อสูรคลั่ง"ไปแล้ว!
ปัง
ขณะที่เสวียนหยูฟาดฟันเหมือนกับคนบ้าตัวน้อย จู่ ๆ ก็สงบลง.
ด้วยวิธีง่าย ๆ นางที่เปลี่ยนกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรวมพลังไปที่จุดเดียวแล้วแทงไปยังจ้าวหยูเจี่ย.
ด้วยทักษะครั้งนี้ม่านพลังของจ้าวหยูเจี่ยไม่อาจต้านทานได้.
เมื่อเขาจะตอบสนองม่านพลังของเขาก็ถูกทะลวงเข้ามาแล้ว.
กระบี่ในมือของเสวียนหยูทิ่มอยู่บนเข็มขัดของเขาแล้ว
“ฮิฮิฮิ พี่ใหญ่ ท่านให้ข้าชนะแล้ว!” เสวียนหยูแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"..." มีความเขินอายบนใบหน้าของจ้าวหยูเจี่ย มันน่าอายจริง ๆ ที่แพ้เช่นนี้.
จ้าวหยูเจี๋ยส่ายหน้าพร้อมกับยกมือประสานเอ่ยกับเสวียนหยู ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสง่างามและก้าวลงเวทีไป.
“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนชนะ!”
"มันเยี่ยมมาก เยี่ยมมาก!"
หลังจากที่เสวียนหยู ก้าวลงจากเวที นางกับเสวียนจู่ และพี่สาวทั้งสามคน ก็กระโดดจับมือล้อมวงกันท่ามกลางผู้คน.
นับเป็นครั้งแรกที่สาวน้อยได้เข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่อันยิ่งใหญ่เช่นนี้
นอกจากนี้พวกนางก็ร้ายกาจมาก.
เหล่าผู้เยาว์รอบ ๆ ที่เต็มไปด้วยตะลึงไปตาม ๆ กัน แต่ก็ไม่ได้อิจฉาแต่อย่างใด.
จากมุมมองของพวกเขา
ในฐานะบุตรสาวของจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนและจักรพรรดินีเสวียนปิง เสวียนจู่และคนอื่น ๆ สมควรที่จะแข็งแกร่งมาก
และผู้ใหญ่ทุกคนก็มองดูหลินซวน ด้วยความอิจฉาและชื่นชม
“แน่นอน พ่อมังกรที่ไม่มีบุตรสาวสุนัข และบุตรสาวของตี้ฟู่ต่างก็มีฝีมือกระบี่ที่ยอดเยี่ยม น่าชื่นชมจริง ๆ!”
บางคนอดคิดไม่ได้ คงจะดีไม่น้อยหากพวกเขามีบุตรสาวเช่นนี้
น่าเสียดายที่พวกนางล้วนแต่เป็นบุตรของคนอื่น!
“เสด็จพ่อ พวกเรายอดเยี่ยมไหม?”
หลังจากการเฉลิมฉลอง เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ไม่ลืมขอคำชมจากหลินซวน
ท้ายที่สุดแล้วการยอมรับจากคนอื่นไฉนเลยจะสำคัญกว่าของเสด็จพ่อ.
“พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก!” หลินซวน มองด้วยความรัก “แล้วคราวนี้เจ้าได้เรียนรู้อะไรมาบ้างไหม?”
จุดประสงค์ของหลินซวน คือไม่ปล่อยให้พวกนางใส่ใจกับเรื่องชัยชนะ
ทว่า
หวังให้พวกนางได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่มีค่าและประสบการณ์จากการแข่งในครั้งนี้.
เสวียนจู่ยกมือเล็ก ๆ ของนาง: "ข้าคิดว่าวิถีกระบี่ที่ง่ายที่สุดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะศัตรู!"
ทันทีที่นางเอ่ยจบเสวียนซี ก็ยกมือเล็ก ๆ ของนางขึ้นเช่นกัน:
“เสด็จพ่อ ข้าคิดว่ากระบวนท่ากระบี่นั้นขึ้นอยู่กับว่าคนที่ถือกระบี่คิดอย่างไร ทางที่ดีที่สุดคือทำให้คนอื่นคาดเดาไม่ได้”
“นอกจากนี้ พลังของกระบี่ยังอยู่ที่การสะสมและการปรับแต่งอย่างประณีตโดยไม่ต้องเติมสิ่งไม่จำเป็นมากมายเกินไปเข้ามา!” เสวียนหานกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว
เสวียนหยูยกมือขึ้นแล้วกระโดดขึ้น: "ข้าก็อยากจะเอ่ยเหมือนกัน! การฟาดฟันกระบี่อย่าบ้าคลั่งทำได้ แต่ต้องรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป!"
หลินซวน รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้น: "ธิดาที่รัก พวกเจ้าสรุปได้ดีมาก!"
บุตรสาวที่ฉลาดเฉลี่ยวเช่นนี้ หลินซวนรู้สึกว่าการเป็นเสด็จพ่อนั้นเต็มไปด้วยความสำเร็จจริง ๆ
และเมื่อเห็น หลินซวน ให้ความรู้แก่บุตรสาวของเขาเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็รู้สึกประหลาดใจอย่างลับ ๆ
คำเอ่ยและการกระทำของตี้ฟู่ อธิบายความเป็นบิดาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ต่อไปแม้ว่า หลินซวน จะบอกว่าเสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน เพียงแค่เก็บประสบการณ์ไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไร
อย่างไรก็ตามพวก จ้าวหยูเจี่ย และ หยูวู่ชาง เวลานี้ไม่เต็มใจที่จะแข่งขันต่อแล้ว ทำให้การแข่งขันวิถีกระบี่สำหรับผู้เยาว์ครั้งนี้ต้องจบลงอย่างรวดเร็ว.
หลังจากออกจากจัตุรัสหยานหวู่ บนภูเขาเทียนเจียน
หลินซวน พาบุตรสาวทั้งสี่ของเขาแยกจากมู่โหยวชิงไป
ก่อนที่จะกลับพระราชวังหยก เขาต้องแก้ไขภัยพิบัติที่ซ่อนเร้นของเป่ยเสวียนเทียนซะก่อน
เผ่าแมงป่อง!
-
เทือกเขาจงจิง.
เทือกเขาแห่งนี้มีรัศมี 3 ล้านลี้ ต้นไม้สูงตระหง่านมากมายหลากหลายพันธ์ หินแปลก ๆ นับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เป็นสถานที่มีภูมิประเทศซับซ้อนอย่างยิ่ง
นอกป่าโบราณที่ล้อมรอบด้วยภูเขา กองกำลังหลายพันคนกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
หากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่าพวกเขามาจากคนห้าหรือหกกลุ่มใหญ่.
ผู้นำสามคนได้แค่ หลินถง เจ้านิกายจูเจี้ยน หวังเหวินหยาง ผู้นำนิกายเหมียวซวน และฟางเซิ่งหยวน ผู้นำนิกายป้ากั้ว
พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ป่าที่เขียวชะอุ่มด้านหน้าหน้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ดูลึกลับและอันตราย.
หลินถงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยาบ ๆ ว่า "ภูมิประเทศของเทือกเขาจงจิงนั้นซับซ้อนและอันตรายมาก พวกเราควรระวังตัวให้มาก!"
หวังเหวินหยางถอนหายใจ: "ไม่ว่าจะซับซ้อนและอันตรายแค่ไหน พวกเราทุกคนก็ต้องเข้าไปค้นหาลูกศิษย์ของพวกเราให้พบ"
ฟางเซิ่งหยวน สวมชุดคลุมสีเทา พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ เมื่อได้ยินเรื่องนี้:
“ใช่ คราวนี้ในอาณาจักรลับ แต่ละนิกายของเรามีสาวกหลายพันคนที่หายไป”
“ถ้าหาไม่พบเกรงว่าข้าคงหลับไม่ลง!”