ดิลธุรกิจ
หวังหยวนแทบหมดสภาพเพราะเขานั้นพาเจ้าเด็กแสบสองคนวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งงานทั้งสองดูพอใจมากจนมีรอยยิ้มประดีบบนใบหน้าตลอดเวลาแตกต่างจากเขาที่เหนื่อยหอบแทบหมดสภาพ
แต่หวังหยวนก็ไม่ได้ขาดทุนสะทีเดียวเพราะการมางานครั้งนี้เขากลับได้รู้จักผู้มีอิทธิพลต่างๆในอังกฤษและมันจะมีประโยชน์ต่อเขามากในอนาคตที่คิดจะซื้อเกาะจากอังกฤษ
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องภาษีและส่วนลดต่าง ๆรวมถึงความร่วมมือจากตัวรัฐบาลท้องถิ่น
“เหนื่อยหน่อยนะแต่ก็ขอบคุณนายมาก”เฟเดอร์ลิกกล่าวออกมาจากใจจริงเพราะเขาไม่ได้เห็นเด็กสองคนนั้นมีความสุขมากขนาดนนี้นานแล้วหลังจากสเด็จแม่และสเด็จพ่อจากคฤหาสน์หลังนี้ไป
“ไม่เป็นไรเลยแค่นี้เล็กน้อยมาก”หวังหยวนส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งส่นเด็กแสบสองคนนั้นหลังจากที่พวกเขาได้เล่นจนพอใจแล้วก็รู้สึกง่วงพี่เลี้ยงของพวกเขากับมิเซลจึงพาเข้าไปนอนแล้วหลังจากนี้จะเป็นงานเลี้ยงจริงๆสักที
ทำไมงั้นเหรอ?
ก็เพราะเขาพึ่งเห็นพวกเขาเข็นรถไวน์เข้ามาไงละแถมจะดูแพงสะด้วยเพราะบ่มมาตั้งแต่ปี 2000
“มาเถอะฉันจะพานายไปแนะนำทุกคนให้รู้จัก”เฟเดอร์ลิกกล่าวออกมาเพราะๆหลายสายตายังหันมามองเขาอย่างแปลกใจอยู่เลยเพราะไม่ใช่ทุกคนที่เด็กสองคนนั้นพาเขาไปทำความรู้จัก?
ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปดึงหนวนไวเคาท์ชราคนหนึ่งหรือเข้าไปดึงเคราบารอนชราคนหนึ่งและจั๊กกะจี้เอวเอิลล์จนเขาต้องยอมคุกเขาให้ทั้งสองถึงปล่อยไป!
แต่แน่นอนว่าทุกครั้งที่ทำพวกเขาจะโดนมิเชลดุแต่แน่นอนว่ามีหวังหยวนให้ท้าย!
อืมตอนเขาเด็กๆนั้นร้ายกาจสะยิ่งกว่านี้อีก!!!
“เอาสิ”หวังหยวนพยักหน้าออกมาอย่างยินดี
หลังจากนั้นหวังหยวนก็เดินตามเจ้าชายเฟเดอร์ลิกไปยังกลุ่มต่างๆที่พวกเขายืมล้อมวงคุยกันอยู่หลายๆคนต่างแสดงความแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาแซ่หวังเพราะตอนนี้ในกระแสธุรกิจตระกูลหวังนั้นร้อนแรงมากจริงๆโดยเฉพาะหวังหยวนที่พึ่งได้ขึ้นปกนิตยสาร ทาม หมาดๆ
เพราะนี้เป็นนิตยสารที่มีอิทธิพลมากในอังกฤษแต่ก็ยังมีบางคนแสดงความดูถูกออกมาเพราะเชาเป็นคนผิวเหลืองแต่หวังหยวนก้ไม่ได้ใส่ใจเพราะส่วนใหญ่นั้นมียศแค่บารอนและพวกนนี้ไม่ได้สำคัญเลยในแวดวงขุนนางถ้าหายไปสักสองสามคนจะมีใครใส่ใจบ้างละ?
“ฮ่าๆไม่ต้องแนะนำตัวเขาหรอกเฟเดอร์ลิกฉันรู้จักเขาดีเลยละ”วิลเลี่ยมกล่าวออกมาหลังจากเฟอเดอร์ริกเดินมาถึงกลุ่มเขากลุ่มนี้ถือว่าเป็นชนชั้นบนสุดเลยก็ว่าได้เพราะเต็มไปด้วยดยุคและไวเคาท์มากมายของราชวงศ์
“ฮืมพวกนายรู้จักกันมาก่อนงั้นเหรอ?”เฟเดอร์ลิกกล่าวออกมาอย่างแปลกใจ
หวังหยวนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อยแทนเพราะเขาไม่เคยเจอหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“เปล่าหรอกๆเราไม่เคยเจอกันแต่ฉันรู้จักเขาเพราะว่าเร็วนี้มีบริษัทหนึ่งที่มีอัตตรการเติบโตแบบทะลุทลวงมากจนเกินไปจึงสะดุดตาฉันเขานะแต่นายรู้ไหมทั้งบริษัทมีเพียงแค่สองคนแต่มูลค่ามันตอนนี้เกินห้าร้อยล้านปอนด์ไปแล้ว”วิลเลี่ยมกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
“เฮ้บริษัทแบบนั้นมันจะไปมีได้ที่ไหนละ”เฟเดอร์ลิกกล่าวออกมาอย่างไม่เชื่อ
“ไม่เลยสหายบริษัทแบบนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆนายนี้ไง”วิลเลี่ยมกล่าวออกมาจนคนทั้งหมดหันไปมองหวังหยวนอย่างแปลกใจ
“MIT บริษัทการลงทุนที่ตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนก่อนที่มีมูลค่าเพียงหนึ่งร้านปอนด์แต่ผ่านมาหนึ่งเดือนมูลค่ากลับเพิ่มขึ้นถึงห้าร้อยล้านปอนด์จากการที่พวกเขาถือหุ้นหลักทรัพย์มากมายทั่วอังกฤษ”วิลเลี่ยมกล่าวออกมา
"ด้วยอัตราการเติบโตขนาดนี้ฉันจึงสนใจมากและคิดจะเข้าไปเทคโอเวอร์แต่นายรู้ไหมเฟเดอร์ลิกบริษัทนี้ไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฉันจึงต้องติดต่อไปยังบริษัทและให้คนไปสืบฉันจึงได้เจอเรื่องที่เหลือเชื่อเข้าบริษัทแบบนั้นกลับมีเพียงประธานบริษัทและ CEO เท่านั้นแถมที่ตั้งบริษัทยังเป็นบ้านของเขาเองอีกด้วย
ตอนที่ได้ยินข้อมูลนี้ฉันนี้อึ้งไปเลยมันมีอะไรแบบนี้จริงๆงั้นเหรอ? ฉันจึงได้รีบบินไปยังลอนดอนทันทีเพื่อเข้าพบเขาและแสดงความจริงใจอย่างมากที่จะซื้อตัวเขามา
นายลองเดาดูสิฉันเสนอเงินไปเท่าไหร่"วิลเลี่ยมกล่าวถามเฟเดอร์ลิกออกมาโดยที่เขาลืมคนรอบๆไปแล้วเรียบร้อยโดยเฉพาะเจมส์ที่เขาไม่เคยเห็นลูกชายของตัวเองชื่นชมใครขนาดนี้มาก่อนเลย
“คงสักร้อยล้านปอนด์ได้แหละ”เฟเดอร์ริกพูดออกมา
“ผิดแล้วฉันเสนอไปพันล้าน พันล้านปอนด์เลยนะแต่ฉันกลับโดนปฎิเสธ”วิลเลี่ยมยิ้มแห้งออกมาส่วนหวังหยวนแอบยกนิ้วโป้งให้โทนี่สมแล้วจริงๆที่เขาไว้ใจอีกฝ่ายขนาดเงินพันล้านปอนด์ยังซื้อไม่ได้
“แต่ฉันก้ไม่ได้ยอมแพ้และพยายามตื้อเขาอยู่ตั้งนานจนสุดท้ายเขาตั้งคำถามหนึ่งกับฉันเขาที่เป็นนักศึกษาจบใหม่และไม่มีประสบการณ์ใดๆเลยแม้แต่น้อยอยู่ดีๆวิ่งมาขอเงินลงทุน ห้าสิบล้านปอนด์ นายจะให้ไม่”วิลเลี่ยมพูดออกมา
“ไม่มีทางหรอก”เฟเดอร์ลิกพูดออกมาทันที
“ใช่ฉันก็ตอบปฎิเสธไปแต่เขากลับกล้าผมขอถามหน่อยว่าทำไมมคุณถึงกล้าขนาดนั้น”วิลเลี่ยมกล่าวออกมา
หวังหยวนก็ยิ้มและพูดออกไปทันทีว่า
“การลุงทุนใดๆย่อมมีความเสี่ยงไหนเลยเราจะสามารถคาดการณ์อนาคตได้แต่ถ้าคุณลังเลแสดงว่าคุณพลาดแล้ว”หวังหยวนตอบกลับไปถึงในใจเขาจะพูดอีกอย่างก็เถอะ
แหงสิฉันย้อนเวลากลับมาทำไมจะไม่รู้เล่า!
แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องหาที่ตั้งบริษัทให้โทนี่แล้วจริงๆเขาก็พึ่งรู้จากปากวิลเลี่ยมนี้แหละว่าอีกโทนี่อาสัยบ้านเป็นบริษัท
“คำพูดนี้พูดได้ดีจริงๆ”วิลเลี่ยมกล่าวออกมาพลางทบทวนไปในตัวแต่เขาก็หลุดออกจากพวังเพราะหวังหยวนได้ยิ้มแปลกมาทางเขา
“อะแฮมเจ้าชายเฟอเดอริกคุณวิลเลี่ยมสนใจมาคุยกับผมทางนี้หน่อยไหม”หวังหยวนกล่าวออกมา
วิลเลี่ยมกับเฟเดอร์ลิกมองอย่างแปลกใจแต่ก็เดินตามไปส่วนคนอื่นเพียงมองนิ่งๆเท่านั้นไม่ได้กระโตกกระตากอะไรก่อนที่พวกเขาจะสดุ้งเพราะหวังหยวนถึงกับโอบคอของเฟเดอร์ลิกกับวิลเลี่ยม
“พวกคุณเคยได้ยินคำพุดนี้ไหมคนจนเล่นรวยคนรวยเล่นเกาะ”หวังหยวนกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นเพราะเขามองเห็นหุ้นส่วนดีๆแล้วตอนแรกเขากะจะลงทุนเพียงคนเดียวแต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาสามารถร่วมมือกับวิลเลี่ยมเรื่องร้านอาหารและโรงแรมในเกาะได้โดยคิดเปอร์เซ็นแบบสหายรู้ใจ!
และเขาสามารถขอความร่วมมือจากส่วนแบ่งวัสดุและอื่นๆในการสร้างสิ่งต่างๆและแบ่งกำไรเล็กๆน้อยให้อีกฝ่ายได้เพื่อความสะดวกสบายในการสร้างเกาะในฝันของเขา!
เฟเดอร์ลิกไม่ได้ถือสากับที่หวังหยวนโอบคอเขาเลยเขาแค่กำลังตกใจกับคำกล่าวของอีกฝ่ายมากกว่า
“เฮ้นายก็รู้ใช่ไหมว่าการสร้างเกาะนั้นต้องใช้เงินทุนมหาศาลขนาดแค่เกาะเล็กๆก็ลงทุนไปหลายร้อยล้านปอนด์แล้ว”วิลเลี่ยมกล่าวออกมา
“แน่นอนสิอย่างพวกเราสามคนมันต้องเกาะใหญ่ๆใหญ่แบบเบิ้มๆอะสักพันตารางเมตรกำลังดี”หวังหยวนกล่าวออกมา
“พันตารางเมตรนั้นอยู่ในครอบครองของราชวงศ์นะสินี้คือเหตุผลที่นายลากฉันมาด้วยสินะ”เฟเดอร์ลิกถึงกับอ้อออกมาเพราะถึงเขาจะเป็นเจ้าชายแต่เขาไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก
“ถูกเพงเลยละเพราะฉะนั้นเราควรร่วมมือกันวิลเลี่ยมนายสามารถสร้างโรงแรมและร้านอาหารต่างๆในเครือของนายบนเกาะได้โดยแบ่งส่วนแบ่งแบบมิตรภาพอืม 40 60”หวังหยวนกล่าวออกมา คือเขาสี่สิบอีกฝ่าย หกสิบ
“เฮ้สหายนั้นน้อยไปอะแฮ่มเอาเป็นว่าถือว่าเรารู้จักกันดีถึงพึ่งจะเจอหน้ากันครั้งแรกฉันก็สัมผัสได้เลยนายนี้แหละเพื่อนแท้เราอาจจะเคยช่วยกันรบกู้โลกมาเมื่อชาติก่อน 70 30”วิลเลี่ยมกล่าวออกมาหน้านิ่งๆ เขาเจ็ดสิบ หวังหยวนสามสิบ
หวังหยวนถึงกับมุมปากกระตุกแต่เขาก็พอยอมรับได้เพราะเขาไม่ได้ออกค่าสร้างหรือค่าวัสดุใดๆ
“ตกลง”หวังหยวนกล่าวออกมา
“ฉันขอสิบเปอร์เซ็นแล้วกัน”เฟเดอร์ลิกกล่าวออกมา
“ตกลง”หวังหยวนถึงกลับแปลกใจเขานึกว่าอีกฝ่ายจะร้องขอสัก 30 20 เปอร์เซ็นสะอีก
“ส่วนเรื่องเกาะผมคงต้องไหว้วานคุณแล้วละเจ้าชายเฟเดอร์ริก”หวังหยวนกล่าวออกมาพลางเอามือที่โอบคอทั้งสองอยู่ออกมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยอะไรกันอีกเล็กน้อยโดยที่เฟอเดอร์ริกกล่าวว่าเขาจะตรวจสอบเรื่องเกาะให้อีกทีได้เรื่องว่ายังไงเพราะเขาต้องตรวจสอบว่ามีเกาะไหนตรงตามข้อกำหนดของหวังหยวนและไม่มีใครครอบครองอยู่
“แต่นายต้องเตรียมเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าห้าพันล้านปอนด์นะ”วิลเลี่ยมกล่าวออกมาซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงขั้นต่ำเท่านั้น
“ไม่หรอกนายเชื่อฉันเถอะมันยิ่งใหญ่กว่านั้นแน่นอน”หวังหยวนกล่าวออกไปอย่างปริศนาเพราะเขามีแผนการใหญ่ในใจไว้แล้ว
การลงทุนของพวกนายจะไม่เสียเปล่าแน่นอน!
หลังจากนั้นพวกเขาก็ชนแก้วกันซึ่งหวังหยวนก็งงเหมือนกันว่าเขาไปหยิบมาตอนไหน
อืมคงเป็นเพราะคุยกันเพลินไปหน่อยตอนเด็กเสิร์ฟเดินมาพวกเขาก็หยิบแก้วไวน์มาแบบไม่รู้ตัว!
หลังจากนั้นหวังหยวนก็ขอแยกตัวออกมาก่อนเนื่องจากเขาไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไมแล้วเช่นกันและเฟเดอร์ลิกยังต้องไปคุยกับคนอื่น ๆด้วยยกเว้นวิลเลี่ยมที่เดินออกงานมาตามเขาเช่นกัน
“นายชอบไนท์คลับไหม”วิลเลี่ยมกล่าวถามออกมา
“แน่นอนแต่ช่วงนี้ฉันห่างๆมันมาสักพักแล้ว”หวังหยวนตอบไปตามตรง
“อืมถือว่านายจริงใจดีงั้นไว้เจอกันเร็วๆนี้แหละฉันว่านายต้องสนใจแน่นอนอีกสองวันจะมีการแข่งรถที่สนามมิทเทิลล์เบลส”วิลเลี่ยมกล่าวออกมา
“อาห๊ะแต่ฉันไม่ได้เอรถมาด้วยสักคันเลยนะสิ”หวังหยวนพยายามหาข้ออ้างเพื่อเลี่ยงๆไปแหงละถ้าเขาไปแข่งละก็จะชนะได้ไงน้อยครั้งมากที่เขาจะขับรถเองจะยังเอาอะไรไปแข่งอีก
เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้!
“น่าเสียดายนายควรซื้อคฤหาสน์สักหลังไว้ที่นี้นะยังไงสโมสรของนายก็อยู่นี้อยู่แล้วนิ”วิลเลี่ยมกล่าวแนะนำออกมา
“อืมความคิดนี้ฉันค่อนข้างเห็นด้วย”หวังหยวนพยักหน้าออกมาถึงที่ดินในเบอร์มิงแฮมจะแพงมากเพราะเป็นเมืองใหญ่แต่สำหรับเขาแล้วไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงมากนัก
เขาจึงกล่าวลาวิลเลี่ยมและให้คนขับรถประจำคฤหาสน์ไปส่งเขาที่โรงแรมใกล้ๆสนามบินแต่เขาก็เอ๊ะใจเพราะจำได้ว่าพอเขามีที่ดินแถวๆนี้อยู่
หวังหยวนจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาหวังหลินพ่อสุดที่รักของเขาทันที
“เอาละอยากได้ไรว่ามาเถอะตอนนี้ฉันยุ่งมาก”หวังหลินกล่าวออกมา
“เอ้าพ่อไม่คิดว่าผมจะโทรไปถามสารทุกข์สุขดิบเลยเหรอ”หวังหยวนกล่าวอกอมาอย่างอนๆ
“เหอะแกนี้นะจะถามเรื่องแบบนี้”หวังหลินกล่าวออกมา
“เฮ้อเอาเถอะที่ดินแถวเบอร์มิงแฮมที่พอครอบครองอยู่ผมขอได้ไหม”หวังหยวนกล่าวไปตรงๆ
“ได้สิเดี่ยวฉันให้ปิงหยางโอนให้ว่าแต่แกจะเอาไปทำอะไรละ”หวังหลินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ตั้งบริษัทลงทุนส่วนชื่อก็ MIT”หวังหยวนกล่าวออกไปเพราะเขาไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อเอาตามแบบเดิม
ส่วนเรื่องคฤหาสน์เขาค่อยหาซื้อใกล้ๆสโมสรแอสตันวิลล่าก็ได้เพื่อเขามาดูบอลนัดสำคัญ!