ตอนที่ 26 ใช่ว่าข้าไม่เคยฆ่าคนมาก่อน
ตอนที่ 26 ใช่ว่าข้าไม่เคยฆ่าคนมาก่อน
แคว้นไพศาลมีเมืองในปกครองกว่า 360 เมือง ประชากรหลายล้านคน กว้างขวางไร้ขอบเขต
เมืองไพศาลซึ่งเป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ใจกลางของแคว้นไพศาล กล่าวกันว่าเมืองทั้งหมดในแคว้นไพศาลตั้งอยู่ในรูปแบบเหมือนดวงดาวโอบล้อมพระจันทร์
ระหว่างทางไปเมืองไพศาล เซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงพบว่ายิ่งเข้าใกล้เมืองไพศาลมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งโดยรวมของผู้บำเพ็ญก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เมืองวายุไกลตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้อันห่างไกล ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้านับเป็นพลังการต่อสู้ขั้นสูงสุดแล้ว
ทว่าในเมืองต่าง ๆ รอบเมืองไพศาล ผู้บำเพ็ญในขอบเขตสะพานชีวานั้นพบเห็นได้ทั่วไป ความรุ่งเรืองของการฝึกวิชาการต่อสู้ก็เหนือกว่าเมืองวายุไกลมาก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้หยุดพักมากนัก ทุ่มเวลาเกือบทั้งหมดไปกับการเดินทาง
หลังจากนั้นหลายวัน
"ในที่สุดก็มาถึงแล้ว"
เมื่อมองไปที่ประตูเมืองไพศาลที่สง่างามและยิ่งใหญ่ เซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงที่เดินทางมาอย่างยากลำบากก็ยิ้มให้กัน
ช้ากว่านี้อาจจะไม่ทันการประเมินของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต
"เราเข้าเมืองไปหาที่พักกันก่อน"
เมื่อก้าวเข้าสู่เมืองไพศาล เซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงก็รู้สึกตื่นตะลึง เมืองหลวงมีผู้คนมากมายใช้สัตว์อสูรน่าเกรงขามเป็นพาหนะ ดูสง่างามยิ่งนัก
เมื่อม้าของเซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงเดินผ่านสัตว์อสูรเหล่านั้น มันก็สั่นเทาไปหมด
สัตว์อสูรเหล่านั้นเห็นว่าม้าของเซียวเฉินกลัวมาก ก็ส่งเสียงร้องอย่างภาคภูมิใจราวกับกำลังแสดงถึงความพิเศษของมัน
"แรดปฐมสีครามขอบเขตทะเลทุกข์"
เซียวเฉินถอนหายใจ สัตว์อสูรที่เดินผ่านพวกเขาไปนั้นกลับกลายเป็นสัตว์อสูรขั้นสูงสุดของขอบเขตทะเลทุกข์ ไม่ธรรมดายิ่งนัก
หากเป็นสัตว์อสูรขอบเขตสะพานชีวา มันสามารถสยบปราณของคนทั้งเมืองวายุไกลได้ด้วยซ้ำ
"ไม่ต้องกลัว" เซียวเฉินตบม้าเบา ๆ ซื้อแผนที่เมืองไพศาลจากริมถนนเพื่อหาที่พัก
"ตอนนี้เราอยู่ในเมืองไพศาลตอนใต้ ที่พักที่โด่งดังที่สุดที่นี่คือ...โรงเตี๊ยมทักษิณไพศาล!"
ในไม่ช้า เซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงก็ตามแผนที่ไปยังโรงเตี๊ยมทักษิณไพศาล ที่นี่คึกคักมาก ตกแต่งอย่างหรูหรา แม้แต่เสี่ยวเอ้อร์ก็ยังเป็นผู้บำเพ็ญในขอบเขตทะเลทุกข์เก้าขั้น
เดิมทีเสี่ยวเอ้อร์ที่นี่ไม่ค่อยเต็มใจดูแลเซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิง แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาใจกว้างและเอื้อเฟื้อ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเคารพในทันที
เซียวเฉินไม่ถือสา จูงม้าไปที่ลานด้านหลังพร้อมไป๋เนี่ยนปิง
ที่นี่มีสัตว์อสูรมากมายเช่นกัน เมื่อมาถึงม้าก็หดคอด้วยหวาดกลัวมาก
เซียวเฉินหยิบหญ้ามาแล้วยืนอยู่ข้างม้า
เมื่อมีเจ้านายอยู่ข้าง ๆ มันก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก จึงกินอย่างเอร็ดอร่อย
"ฮี้"
หลังกินอิ่มแล้วก็ส่งเสียงร้องอย่างพึงพอใจ ทั้งยังถีบเท้าหลังอีกด้วย เรียกเสียงหัวเราะของเซียวเฉิน มันร่วมทางกับเขามาตลอดทาง สมควรได้พักผ่อนแล้ว
ชั่วขณะนี้เองเสียงคำรามเกรี้ยวกราดก็ดังมาจากโรงนาด้านหลัง
เซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงไม่ได้สนใจ เตรียมจะออกจากลานด้านหลัง
"เดี๋ยวก่อน!"
เสียงตะโกนดังขึ้น เซียวเฉินหันไปจ้องขณะชะงักฝีเท้า
"มีอะไร" น้ำเสียงของเซียวเฉินไม่สบอารมณ์พลางมองอีกฝ่าย
ชายหนุ่มในอาภรณ์หรูหราเดินเข้ามา สีหน้าหยิ่งยโส แววตาดูถูกเหยียดยามมองมายังเซียวเฉิน
เมื่อเห็นไป๋เนี่ยนปิง ดวงตาของชายหนุ่มผู้นั้นทอประกายละโมบอย่างชัดเจน
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเซียวเฉินยิ่งเยือกเย็น ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว บังปกป้องไป๋เนี่ยนปิงเอาไว้
"ถ้าไม่มีอะไร ข้าขอตัวก่อน"
"ช้าก่อน ฝุ่นที่ม้าเจ้าดีดมาเปื้อนหญ้าของจั้วจี้จนทำมันหมดอารมณ์จะกินแล้ว เรื่องนี้เจ้าควรมีคำอธิบายไม่ใช่หรือ" อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเข้ม
“ทำหญ้าของจั้วจี้เปื้อนหรือ” เซียวเฉินกวาดตามอง เห็นวัววิญญาณเกราะแดงด้านหลังอีกฝ่ายแล้วพูดไม่ออก
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
เซียวเฉินถามกลับ ม้าของเขาอยู่ห่างจากสัตว์อสูรของอีกฝ่ายตั้งไกล ต่อให้ดีดเท้าไปด้านหลังก็ไม่ได้เกิดฝุ่นมากมาย จะเปื้อนหญ้าของวัววิญญาณเกราะแดงได้สักเท่าใด ความไม่เจริญอาหารของมันกลายเป็นความผิดของม้าเขาได้อย่างไรกัน
สัตว์อสูรพวกนี้เป็นสัตว์ป่า ก่อนกินหญ้ากินเนื้อต้องล้างน้ำก่อนหรืออย่างไรกัน
“สัตว์ทำความผิด เป็นความบกพร่องในการฝึกของเจ้านาย ดังนั้นขอโทษจั้วจี้ของข้าเดี๋ยวนี้!” ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยเสียงเรียบ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
“เสียสติไปแล้วหรือ” เซียวเฉินคร้านจะแยแส เห็นทนโท่ว่าเป็นเพียงหนุ่มเสเพลที่เคยตัวกับอวดเบ่งและใช้ชีวิตไปวัน ๆ ระรานผู้อื่นไปทั่ว
“ไอ้เวรนี่!”
ชายหนุ่มเห็นเซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงหันหลังจากไปก็เผยท่าทีไม่พอใจทันที
ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยถูกใครเพิกเฉย!
ตูม!
ปราณปั่นป่วนปะทุออกมาจากร่างของเขา ฝ่ามือสั่นเทา พลังรากฐานแก่นแท้พุ่งออกไปในทันที ม้าของเซียวเฉินก็ถูกพลังฝ่ามือฟันเป็นสองท่อนในทันที เลือดไหลนองเต็มพื้น
เซียวเฉินหยุดเดินในทันที มองสัตว์พาหนะที่เดินทางมาด้วยกันถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม แววตาสงบนิ่งของเขาก็ปรากฏความโกรธสุดขีด!
“ม้าธรรมดาชั้นต่ำไหนเลยจะมีค่าเท่าวัววิญญาณเกราะแดงของข้า” อีกฝ่ายยิ่งเอ่ยค่อนแคะเสียงดังเมื่อเห็นอารามกรุ่นโกรธของเซียวเฉิน
ราวกับว่านี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เขาไม่พอใจ
"ข้าจะให้อีกโอกาสแก่เจ้า ถ้าเจ้าไม่ยอมขอโทษและแสดงความเสียใจ สภาพของเจ้าก็จะไม่ต่างกับสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น!" ชายหนุ่มชุดหรูหราไม่รู้ว่าเซียวเฉินโมโหแค่ไหน ยังท้าทายขีดจำกัดของเซียวเฉินต่อไป
เซียวเฉินเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็เดินไปทางวัววิญญาณเกราะแดง
ผู้คนรอบข้างต่างแสดงสนอกสนใจ จะขอโทษวัววิญญาณเกราะแดงจริงหรือ?
"ถือว่าเจ้ายังฉลาด" ชายหนุ่มชุดหรูหรายิ้มบอก ทว่าชั่ววินาทีถัดมารอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้างไป
เซียวเฉินออกหมัดต่อยเกราะสีแดงของมันจนแตกกระจาย หัววัวก็ระเบิดออก ดูแล้วสยดสยองยิ่งนัก
"เจ้ากล้าฆ่าสัตว์พาหนะของข้า ไม่กลัวตายหรือ แม้เจ้าจะคุกเข่าขอขมา ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป นอกเสียจากว่าเจ้าจะมอบหญิงงามผู้นี้ให้แก่ข้า บางทีข้าอาจพิจารณาไว้ชีวิตเจ้า!"
อีกฝ่ายมองไป๋เนี่ยนปิง รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้า เซียวเฉินกลับหันหลังมาส่งแววตาส่อไอสังหารเยือกเย็นมาให้เขา
ตุบ!
ผืนดินสั่นสะเทือน เซียวเฉินเดินไปหาชายหนุ่มชุดหรู ก่อนเหวี่ยงหมัดทรงพลังออกไป
"กล้าลงมือกับข้าหรือ"
อีกฝ่ายมีรอยยิ้มเยาะอยู่ที่มุมปาก แสงสว่างวาบในมือเขาก่อนดาบยาวจะปรากฏขึ้น แสงลึกลับนั้นส่องประกายราวกับว่ามันไม่ใช่อาวุธธรรมดา
"ดาบอาคมยุทธ์" ไป๋เนี่ยนปิงกระซิบ อาวุธที่แกะสลักด้วยรอยสลักอาคมเรียกว่าอาคมยุทธ์
ราคาของดาบอาคมยุทธ์ขอบเขตทะเลทุกข์นั้นแพงกว่าอาวุธธรรมดาหลายสิบหลายร้อยเท่า
หากเป็นดาบอาคมยุทธ์ระดับสูงกว่านั้นจะยิ่งมีค่ามาก
ชายหนุ่มชุดหรูซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้ามีดาบอาคมยุทธ์ในครอบครอง สามารถเพิ่มพลังยุทธ์ได้มากทีเดียว!
ถึงกระนั้นในจังหวะที่ชายหนุ่มชุดหรูฟาดดาบออกไป หมัดก็สวนเข้ามาอย่างรุนแรงราวขุนเขากดทับลงมา เขารู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้พุ่งเข้าใส่แขนของเขา ดาบหลุดออกจากมือก่อนร่วงตกลงไปบนพื้นในทันที!
ร่างกายของเขากระแทกออกไป เมื่อเห็นเซียวเฉินยังคงเดินอาดมาหา ใบหน้าก็ปรากฏแววตื่นตระหนกในท้ายที่สุด
"เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ข้าเป็นเจ้าเมืองน้อยของเมืองกาลคราม ถ้ากล้าแตะต้องข้า เจ้าจะต้องตายเป็นแน่!" เจ้าตัวร้องตะโกน
"ก็แค่เจ้าเมืองน้อย ใช่ว่าข้าไม่เคยฆ่า!"
หมัดของเซียวเฉินไม่รอช้าพุ่งต่อยศีรษะของชายหนุ่มคู่กรณี!