ปั่นจักรยานมาไกลเพื่อข้าวมันไก่ ไปล้างจานไป! (อ่านฟรี 25/07/2567)
“ทำไมนายถึงอยากจะทำล่ะ ?” ฮวาหวู่หลิงถามกลับด้วยความประหลาดใจ
“ฉันแค่อยากทำธุรกิจสักอย่างน่ะ แถมปู่ก็ยังขุดเหมืองด้วย อาจจะพอมีแหล่งหรือช่องทางในการหาของพวกนี้ได้ง่าย” ชายหนุ่มตอบกลับไปตามที่เขาคิด
อีกอย่างเขามีดวงตาที่สามารถมองทะลุสิ่งต่าง ๆ ได้ รวมถึงตรวจสอบได้ทุกอย่าง เพราะเหตุนั้นเขาต้องคว้าพลอยล้ำค่าในราคาถูกมาได้เป็นแน่ ขอแค่ไปเจอแหล่งของมันก็พอ
“ถ้านายสนใจจริง ๆ ไว้วันไหนว่าง ๆ ฉันจะพาไปดูโรงงานที่ฉันเปิดไว้ก็แล้วกัน ลองศึกษาดูก่อนจะได้เพิ่มความรู้ความเข้าใจก่อนที่จะลงมือทำ” ฮวาหวู่หลิงก็ตอบรับอย่างว่าง่าย ถ้าเป็นเรื่องนี้เธอมีอำนาจเต็มที่อยู่แล้ว
“ขอบคุณมากนะ” เย่เซวียนกล่าวออกมาด้วยความดีใจ
“พวกเธอสองคนนี่... สนิทกันดีนะ” ฮวาเสี่ยวชิงที่เหมือนเป็นอากาศไปแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้ทั้งสองคนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทำท่าทางปฏิเสธออกมา
“แล้วนายจะเอายังไงกับก้อนพลอยพวกนี้ ?” ฮวาหวู่หลิงชี้ไปยังก้อนพลอยหกก้อนที่วางเอาไว้ โดยที่มีหนึ่งก้อนเป็นพลอยทัวร์มาลีนและอีกห้าก้อนเป็นควอตซ์
“ก็คงจะเก็บไว้ก่อน ไว้ไปดูโรงงานของเธอแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” ชายหนุ่มตอบกลับไป
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไปกันเถอะหวู่หลิง มันมืดแล้วจะรบกวนเขาเปล่า ๆ” ฮวาเสี่ยวชิงที่ยกนาฬิกาขึ้นดูพบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้วก็กล่าวออกมา
“สามทุ่มแล้วเหรอเนี่ย! นายมีอะไรให้ช่วยอีกไหมถ้าไม่มีพวกฉันจะได้กลับก่อน” หญิงสาวตัวเล็กที่ได้ยินสิ่งที่พี่สาวของเธอบอกก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะกล่าวออกมา
“ไม่มีแล้ว ๆ ไว้มีอะไรเดี๋ยวฉันติดต่อไปนะ” เย่เซวียนที่ลืมเวลาเช่นกันก็กล่าวออกมาด้วยความเกรงใจ ยังดีที่ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มทดลองใช้งานวีแชทและแอดเพื่อนของฮวาหวู่หลิงไว้แล้ว ถ้ามีธุระอะไรจะได้ติดต่อกันง่ายหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นพวกฉันไปก่อนนะ มีอะไรก็ติดต่อมาล่ะ! ตระกูลฮวาของเราพร้อมช่วยเหลือนายเสมอ” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มน่ารัก ทำเอาคนมองถึงกับเคลิ้มไปเลย
“ฉันก็ไปก่อนนะ ถ้าเธอมีอะไรก็ติดต่อทางหวู่หลิงได้เลย หรือจะติดต่อทางฉันก็ได้ นี่นามบัตรนะ” ฮวาเสี่ยวชิงยื่นนามบัตรออกมาให้ก่อนจะพาหวู่หลิงขึ้นรถที่มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่จากไป
“เฮ้ออ ไม่คิดเลยว่าก้อนหินรองขาโต๊ะมันจะเป็นของมีค่าขึ้นมาได้ ไปหาอะไรกินแล้วนอนดีกว่า” เมื่อเหลือตัวคนเดียวเย่เซวียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน แต่มันก็ช่างเป็นชีวิตที่มีสีสันยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เขารู้สึกสนุกและตื่นเต้นไปกับมันมากเลยล่ะ!
หลังจากที่ชายหนุ่มเก็บร้านและปิดประตูเหล็กพับลงมาก่อนจะล็อคด้วยแม่กุญแจเก่า ๆ เขาก็เตรียมพร้อมที่จะเอาไปหาอะไรกิน แต่เมื่อมองไปยังพาหนะตรงหน้าก็ต้องเกิดความเซ็งขึ้นมา
“อา... ทำไมฉันไม่ซื้อรถวะ!” ชายหนุ่มบ่นออกมา
ถึงแม้ซอยที่เขาอยู่จะเป็นเขตชานเมืองที่ซบเซาก็เถอะ แต่มันก็พอจะมีร้านค้าต่าง ๆ อยู่บ้าง ติดที่มันห้างจากร้านของเขาไปประมาณห้ากิโลเมตรนี่ล่ะ
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมปู่ต้องมาตั้งร้านขายของเก่าในที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้ด้วย รอบด้านก็มีแค่บ้านเก่า ๆ ของคนที่ไม่ค่อยมีอันจะกินอาศัยอยู่กัน
จะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านคนยากจนก็ไม่นับว่าแปลกอะไร
“ลุง ๆ ขอข้าวมันไก่จานนึง” หลังจากปั่นจักรยานมาได้สิบห้านาที ชายหนุ่มก็มาถึงหมู่บ้านใกล้เคียงที่มีความเจริญมากกว่าแถวร้านขายของเก่าที่เขาอาศัยอยู่
ถ้าจะให้เข้าไปในตัวเมืองที่เขาเอายาไปขายก็ต้องปั่นจักรยานไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเลยล่ะ แค่หาข้าวกินเลยมาแถวนี้ดีกว่า
ครึ่งหลัง
“ว่าไงไอ้หนุ่ม มาซะดึกเชียว! อั๊วกำลังจะปิดร้านอยู่แล้วเนี่ย” เถ้าแก่ร้านร่างตุ้ยนุ้ยตอบกลับมาด้วยความเซ็ง
เขาเห็นว่ามันดึกแล้วลูกค้าก็ไม่มีเลยว่าจะปิดร้านไปนอน ดันมีไอ้หน้าหล่อปั่นจักรยานมาสั่งข้าวหนึ่งจานซะงั้น
“เอาน่า ทำให้ฉันสักจานเถอะปั่นมาตั้งไกลนะเนี่ย” เย่เซวียนยกมือขอร้องอีกฝ่ายด้วยความน่าสงสาร ในตอนนี้เขาปวดท้องไปหมดแล้ว
“เออ ๆ จะกินอะไรบ้างล่ะสั่งมาได้เลย” เถ้าแก่ร้านกล่าวออกมา ถึงแม้เขาจะรู้สึกเซ็งนิดหน่อยที่มีลูกค้ามาก่อนจะปิดร้าน แต่การขายของได้เพิ่มขึ้นก็ดีกว่าขายไม่ได้อยู่แล้ว
ยิ่งเศรษฐกิจตอนนี้ที่ผู้คนตกงานกันมากมาย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ที่นึกอะไรไม่ออกก็หันมาขายข้าว ขายนั่นนี่กันไปหมด ทำให้ลูกค้ายิ่งน้อยลงไปอีก
ตัวเขาเองขายข้าวมาตั้งแต่ตีห้าจนตอนนี่จะสี่ทุ่มแล้วก็เพิ่งจะได้มาสามร้อยหยวนเอง
“เอาข้าวมันไก่พิเศษจานนึง ขอหนังเยอะ ๆ เลยนะ” เย่เซวียนเดินไปนั่งโต๊ะไม้เก่า ๆ ภายในร้านก่อนจะสั่งอาหารออกมา เถ้าแก่ก็เดินไปยังหน้าเขียงที่แขวนไก่เอาไว้ก่อนจะลงมือสับเนื้อไก่โปะลงบนข้าวมันร้อน ๆ ให้
เนื่องจากเป็นร้านที่ต้องบริการตัวเองชายหนุ่มเลยต้องเดินไปเอาน้ำเอง หลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีข้าวมันไก่ร้อน ๆ พร้อมน้ำซุบสีเหลืองที่มีฟักอยู่ชิ้นหนึ่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
“เอ้า! ข้าวมันไก่ของลื้อได้แล้ว แต่หนังมีน้อยหน่อยนะ มันก็ได้แค่ตามขนาดเนื้อไก่แหละ” เถ้าแก่ร้านกล่าวออกมาก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้หน้าร้านตามเดิม
ไหน ๆ ก็ต้องรอไอ้หนุ่มนั่นกินข้าวเสร็จอยู่แล้ว เฝ้าหน้าร้านต่อเลยก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
ฟุด ฟิด
“ข้าวนี่มันห อ ม จริง ๆ ไก่ก็นุ่มกำลังดี ไม่เหนียวและไม่นิ่มจะเกินไป” เย่เซวียนตักข้าวมันไก่คำโตใส่ปากด้วยความเอร็ดอร่อย นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้มานั่งกินข้าวมันไก่แบบนี้ เพราะปกติเขามักจะกินแต่บะหมี่สะเร็จรูปหรืออาหารราคาถูกมากกว่า
ข้าวมันไก่แบบนี้อย่างต่ำ ๆ ก็คงสักยี่สิบหยวนน่าจะได้ แต่ถ้าสั่งพิเศษก็อาจจะสามสิบและถึงแม้ชายหนุ่มจะได้กินอาหารสุดหรูที่หวู่หลิงพาไปเลี้ยงมาเมื่อช่วงเที่ยงมาแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าอาหารจากพ่อครัวข้างทางแบบนี้รสชาติก็ไม่ได้แย่ไปกว่าในร้านหรูสักเท่าไหร่
หรืออาจจะต้องบอกว่าสถานที่และอารมณ์ส่งผลต่อรสชาติของอาหารกันแน่นะ
...
“ไม่มีเงิน ? จะใช้บัตรรูด ? ลื้อเห็นว่าร้านอั้วมันมีที่รูดบัตรรึไง ??” เถ้าแก่ร้านกล่าวทวนคำที่เพิ่งจะได้ยินออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ร้านเก่า ๆ แบบนี้จะเอาเครื่องรูดบัตรจากไหนมาตั้ง ไม่เห็นรึไงว่าไม่มีแม้แต่เครื่องคิดเงินด้วยซ้ำ มีทีวีให้ดูก็บุญแล้ว
“งั้นลื้อไปล้างจานเลยไป๊!” เถ้าแก่ร่างอ้วนได้แต่กล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
“โอเค ๆ เดี๋ยวฉันไปล้างจานให้ก็ได้ ไว้วันหลังจะเอาเงินมาจ่ายให้นะเถ้าแก่” เย่เซวียนได้แต่เดินไปยังหลังร้านที่เถ้าแก่ชี้นิ้วไป
“เออ ๆ อั๊วปิดร้านก่อนก็แล้วกัน ลื๊อรีบล้างให้เสร็จแล้วก็กลับ ๆ ไปได้แล้ว แบบนี้ร้านอั๊วจะอยู่ได้อีกนานไหมเนี่ย ขายได้น้อยลงทุกวันทุกวัน” เถ้าแก่กล่าวออกมาด้วยความเซ็ง เงินก็ไม่ได้เพิ่ม ร้านก็ปิดช้าลง ยังดีที่เขาอาศัยชั้นสองของร้านเป็นห้องนอนของตัวเองทำให้ไม่ต้องเดินทางกลับบ้านไกล
“เถ้าแก่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะทำให้ร้านของเถ้าแก่โด่งดังเอง ถึงตอนนั้นมีแต่จะบ่นอยากให้ลูกค้าน้อยลงแน่นอน” เย่เซวียนที่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบ่นเขาจึงกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
รสชาติข้าวมันไก่ของเถ้าแก่จัดได้ว่าอร่อยมาก เขาคิดอยู่ว่าจะหาทางเพิ่มชื่อเสียงให้ร้านของอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน
ซึ่งก็ต้องบอกว่าชายร่างอ้วนผู้นี้โชคดีเป็นอย่างมากที่ตัดสินใจปิดร้านช้าหน่อยและทำอาหารให้ชายหนุ่มกิน อาหารเพียงหนึ่งจานกับการปิดร้านช้าลงเสียหน่อย ก็ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล...