บทที่ 488 : ปลุกปีศาจในตัว (4)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 488 : ปลุกปีศาจในตัว (4)
['ฮาน (★★★★★)' เข้าสู่สภาวะกลายร่างเป็นปีศาจแล้ว!]
เกล็ดสีดำสนิทเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อผิวหนังถูกฉีกขาด
เปร๊ยะ! แคร๊ก!
สายฟ้าสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากเกล็ดนั้น
'มนุษย์...ไม่สิ'
เกล็ดปกคลุมไปทั่วร่างกายพร้อมกับดวงตาสีแดงเรืองแสงอันน่าขนลุก
ภาพของฉันที่สะท้อนบนใบมีดนั้นราวกับสัตว์ประหลาด
ฉันเก็บไบฟรอตไว้ที่เดิม
['ฮาน (★★★★★)' ปิดการใช้งานการกลายร่างแล้ว]
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และฉันก็กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
กูกูคอนเข้ามาหาฉัน
<รู้สึกรึยัง>
"อื้อ"
<ฉันเตือนนายแล้วนะ เมื่อนายเริ่มต้นมันแล้วจะไม่มีทางย้อนกลับไปได้ ในแง่ของความบริสุทธิ์ของพลังเพียงอย่างเดียวเวคิสยังไม่ได้หนึ่งในสิบของนายด้วยซ้ำ นายได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แยกจากมนุษย์คนอื่นอย่างชัดเจน ในอนาคต…นายต้องเรียนรู้วิธีระงับความแข็งแกร่งของนายด้วย เว้นแต่นายต้องการฆ่าเพื่อนของนาย>
“ช่องว่างของพลังมันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
<พวกนายทั้งสามคน ผู้ชายที่ใช้พลังของมังกรขาว ผู้หญิงที่ยิงธนู และสัตว์ร้ายนั้นจะสามารถตามพลังนายทันแน่แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้>
“...”
<ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมโดดเดี่ยวเป็นเรื่องธรรมดา>
“มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเล่นคนเดียว การเล่นเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากกว่า”
หลายหัวดีกว่าหัวเดียวมีคนเคยพูดข้อคิดนี้ไว้
ดังนั้นฉันจึงทำให้ปาร์ตี้แรกของเนลม์ไฮมฟ์เติบโตเท่าๆกัน
<มันไม่เพียงพอหรือที่จะแข็งแกร่งพอที่จะเพิกเฉยต่อพวกที่มีประสิทธิภาพปานกลาง?>
“...”
<อย่าเสียใจเลยมนุษย์ที่นี่ตามนายไม่ทัน ฉันช่วยนายเพราะนายต้องการอำนาจ แต่ทำไมนายถึงไม่พออะไรเลยล่ะ? จิ้จิ้จิ้>
กูกูคอนพูดต่อในขณะที่เดินวนรอบตัวฉัน
<ในอนาคต…นายจะต้องกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร หากไม่ไปถึงระดับนั้น นายจะสามารถเอาชนะเจ้าชายได้>
“สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ”
<จำเป็นต้องอธิบายอะไรไหม? นายน่าจะรู้ดี..>
ฉันกอดอก
ฉันเดาได้ว่ามันหมายถึงอะไร
'ฮีโร่ที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้เพียงลำพัง'
การลาดตระเวนและการวิเคราะห์ การต่อสู้ การลอบสังหาร การโจมตี การป้องกัน และการต่อสู้ระยะใกล้ ระยะไกล การรบขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ฯลฯ
สิ่งมีชีวิตที่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
'…กองทัพที่มีคนเพียงคนเดียวเหรอ?'
เท่าที่ฉันรู้มีฮีโร่เพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้
คนแรกลาสกันดาซึ่งครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับผู้เล่น
และเซริส รองหัวหน้าแห่งเนลม์ไฮมฟ์
สมาชิกในปาร์ตี้ที่ 1 คนอื่นๆ มีจุดอ่อนอยู่หนึ่งหรือสองด้าน
เพื่อยกตัวอย่างให้เข้าใจ รีเจียนเขามีพลังมที่ไร้เทียมทานในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่มีประสิทธิภาพน้อยมากในการสู้รบขนาดใหญ่ และนิฮาคุก็ตรงกันข้าม ยูเน็ตและมูเด็นเองต่างก็มีทักษะเฉพาะที่ควรค่าแก่การกำหนดเป้าหมายเช่นกัน
'ส่วนเซริสไม่ได้มีจุดอ่อนอะไรแบบนั้น'
เธอเกือบจะสมบูรณ์แบบในทุกๆด้านแล้ว
เพราะฉันตั้งใจออกแบบมันให้ออกมาเป็นแบบนั้น
เธอสามารถแสดงความแข็งแกร่งของเธอได้ในทุกสภาพแวดล้อม
'ตอนนี้กูกูคอนกำลังบอกให้ฉันเป็นเช่นนั้นใช่ไหม?'
ความจริงที่เซริสเกือบจะสมบูรณ์แบบเเล้วเหมือนเป็นโชคสำหรับฉัน
ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำมันได้อีกหรือไม่
<นายวางแผนที่จะหาทางหนีหรือเปล่า?>
“ฉันกำลังคิดถึงเรื่องบังเอิญบางอย่าง”
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น
หากคำพูดของฮาลเจียนเป็นจริงก็จะมีช่องว่างที่ไม่อาจเชื่อมโยงระหว่างฉันกับสมาชิกปาร์ตี้ที่ 1 คนอื่นๆ ได้ แน่นอนว่าหากพวกเขามีเวลาเพียงพอสักวันหนึ่งพวกเขาจะตามฉันทัน
'แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจมากท่าไหร่'
ไม่ว่าใครจะทำอะไร สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่ปีนขึ้นไปถึงชั้นที่ 100
จากนั้นก็บอกลาสถานที่อันเลวร้ายแห่งนี้
<นายเพียงแค่ต้องคิดถึงการแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น>
กูกูคอนตะคอกแล้วมองมาที่ฉัน
ดวงตาสีน้ำตาลของนกพิราบดูเหมือนจะเล็กลงนั้นทำให้ฉันก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะชั่วครู่หนึ่ง
ความรู้สึกแปลกแต่กลับคุ้นเคย
ฉันลืมตาขึ้น
ที่ราบแห้งแล้งก็เผยให้เห็นอีกครั้ง
<เนื่องจากนายได้ทำสัญญากับฉันแล้ว ฉันจะทำให้นายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทาวน์เนีย>
หอกของฮาลเจียนชี้มาที่ฉัน
ตามคำอธิบายของชายคนนั้น นี่คือพื้นที่รูปภาพที่สร้างขึ้นโดยการผสมภาพของฉันและฮาลเจียนเข้าด้วยกัน
ดังนั้นจึงไม่ถูกผูกมัดโดยกฎทางกายภาพ
'ฉันบอกให้นายรู้ไว้ว่านายจะได้มาบ่อยๆ'
งั้นสินะ
ฉันก้าวเท้าทั้งสองข้างลงบนพื้นอย่างมั่นคง
ฮาลเจียนชี้หอกของเขามาที่ฉันและยิ้มเบา ๆ
<เวลาที่นี่ผ่านไปช้ากว่าในโมเบียสหลายสิบเท่า>
“...”
<นายไม่ต้องกังวลกับสิ่งรอบตัว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในจิตของนาย แม้ว่านายจะตายที่นี่ นายก็สามารถกลับมามีชีวิตใหม่ได้บ่อยเท่าที่นายต้องการ เข้าใจที่ฉันพูดไหม?>
ไม่จำเป็นต้องตอบอะไรกลับไป
ฉันดึงดาบออกจากฝักทันที
<พลังของฉันคือโล่ที่อยู่ยงคงกระพันและหอกที่พลังๆม่สิ้นสุด มันสามารถเจาะทะลุทุกสิ่งได้ ฉันจะสอนนายถึงการใช้พลังเลือดมังกรดำบริสุทธิ์อย่างแท้จริง>
"งั้นเหรอ…."
<หืม?>
“ฉันไม่อยากพึ่งพาพลังนั้น”
ฉันยิ้มและหมุนดาบของฉัน
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเห็นคนที่เชื่อในรอยประทับแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น”
แน่นอนว่าพลังของรอยประทับนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่ยังไงก็ไม่สามารถพึ่งพามันได้เพียงลำพัง
ความหมายของพลังนี้คือการช่วยให้ดาบของฉันจัดการคู่ต่อสู้ได้ดีขึ้น
'เทคโนโลยีอาวุธขั้นสูงอยู่ใกล้แค่เอื้อม'
เหลือเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้นที่จะไปถึงระดับที่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ
<น่าสนุกจังเลย นายคิดจะปฏิเสธพลังของฉันเหรอ?>
“ฉันไม่ได้ปฏิเสธมัน แต่ฉันจะใช้มันเมื่อจำเป็นมันเป็นเครื่องมือที่ดี”
<มันเป็นแค่เครื่องมือสำหรับนายงั้นเหรอ? ฉันไม่รู้ว่านายจะคิดแบบนั้นได้นานแค่ไหน>
คว๊าก!
ฉันสะดุดล้มภายใต้การโจมตีของแรงกดดัน
ความรู้สึกที่ราวกับว่ามีแท่งเหล็กขนาดใหญ่กดลงบนศีรษะ
เท้าของฉันจมลึกลงไปในดิน
<มาเริ่มกันที่ x 10 เลยดีกว่า>
"ทำทุกอย่างที่อยากทำเลย"
นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพราะการฝึกด้วยการใส่กระสอบทรายหลายสิบกิโลกรัมเป็นเรื่องปกติ
'เราจะต่อสู้กันกี่ครั้ง?'
ร้อยครั้ง? หรือพันครั้งงั้นเหรอ?
มันอาจจะมากกว่านั้นก็ได้
ฉันพอถึงจะรู้สึกถึงความรู้สึกของอารอนได้
'สิ่งสำคัญคือ….'
เพื่อเป็นนายของมันมากกว่าเป็นทาสของอำนาจนั้น
ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะใช้พลังนั้นอย่างไร
ไม่ว่าทักษะและรอยประทัยจะอยู่ในระดับสูงแค่ไหน สุดท้ายแล้วฮีโร่เองก็เป็นคนตัดสินใจที่จะใช้มันเอง
ฉันเคยเห็นคนหลายสิบคนเมาความสามารถอันทรงพลังทุกประเภทแล้วพังทลายลง
'ความสามารถที่อยู่ยงคงกระพัน'
มันไม่มีสิ่งนั้น
ฉันจ้องไปที่ฮาลเจียนที่อยู่ตรงหน้าและพร้อมที่จะแกว่งดาบของฉันออกไปทุกเมื่อ