บทที่ 44 ตระกูลเย่
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 44 ตระกูลเย่
ใต้บริษัทซูซิตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ภายในรถ BMW สีดำ
คิ้วของหลินหยู่ขมวดขึ้นและสีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม หลังจากบอกรายละเอียดของข้อตกลงแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายมาเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลินหยู่ถามว่า "ว่าไง?"
หญิงสาวในโทรศัพท์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหัวเราะออกมา "มันไม่เหมือนการทำข้อตกลงกับฉันเลยนะ รู้สึกว่าเหมือนนายกำลังข่มขู่ฉันมากกว่า"
"ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย"
หลินหยู่ส่ายหัวทันทีและอธิบายว่า “มันเป็นแค่การทำข้อตกลงจริง ๆ ตราบใดที่เธอสามารถเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของซูเฉียนโม่ได้ ฉันจะเก็บเรื่องที่เธอลักพาตัวหลิวหมิงรุ่ยไว้ไม่บอกใคร”
หญิงสาวในโทรศัพท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ฉันอยากรู้มากว่าทำไมนายถึงทำแบบนี้”
“ฉันจะได้รู้และวางแผนได้ถูก”
“ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันได้ง่ายหน่อย” สีหน้าของหลินหยู่สดใสขึ้นและเขาก็พยักหน้า
หลังจากวางสายแล้ว หลินหยู่จึงหันไปมองที่ตึกซูซิตี้อินเตอร์เนชั่นแนลของเมืองซูด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง
"เฉียนโม่ ฉันรู้ถึงสถานการณ์ของเธอในตอนนี้แล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ได้โปรดเชื่อใจฉันเถอะ ฉันจะช่วยเธอออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้อย่างแน่นอน!"
...
ที่คฤหาสน์ตระกูลกู่
เมื่อกลับมาถึง กู่เฉินหนานก็ขังตัวเองอยู่ในห้องทันที
ให้ตายสิ มันมีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น!
ไม่เพียงแต่เนื้อเรื่องที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจะเปลี่ยนไปเพราะนางเอกทำลายอุปนิสัยดั้งเดิมของตนเองไปจนหมดสิ้น แถมแม้แต่น้องชายสองคนของกู่เฉินหนานก็ยังสร้างปัญหาให้กับเขาอีก
และที่สำคัญที่สุดคือ ได้มีบุคคลที่ไม่รู้จักได้ก่อปัญหาด้วยการใช้ชื่อของกู่เฉินหนาน
มันชักจะเกินไปแล้ว!
กู่เฉินหนานตัดสินใจว่านอกจากตอนที่เขาจะต้องปรากฎตัวตามบทของเนื้อเรื่องเพื่อเดินเรื่องแล้ว เขาจะอยู่แค่ที่ตระกูลกู่เท่านั้น จะไม่ไปที่ไหนหรือรับสายใด ๆ ทั้งสิ้น!
ฉันแค่ต้องการที่จะไปให้ถึงตอนจบอย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง ทำไมถึงยากขนาดนี้?!
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู่เฉินหนานจึงปิดโทรศัพท์ทันที
เรื่องราวเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่จะมาถึงในสองวัน เขาต้องระวังตัวไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ในช่วงเวลานี้เด็ดขาด!
“หม่าปิง” กู่เฉินเรียกขณะมองลงไปที่บันไดชั้นสอง
“ครับ คุณชายกู่”
หม่าปิงรีบออกจากห้องของเขา และเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปหากู่เฉินหนาน
กู่เฉินหนานชี้ไปที่ห้องนอนของเขา “เอาโน๊ตบุ๊คของนายมาที่ห้องฉัน”
"ครับ?" หม่าปิงรู้สึกสับสนและถามว่า “คุณชายมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
กู่เฉินหนานเลิกคิ้วและยิ้ม “มาเล่นเกมเป็นพื่อนฉันสักสองสามวันหน่อยสิ”
หม่าปิง“...”
...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงสองวันนั้น กู่เฉินหนานและหม่าปิงกลายเป็นเด็กติดเกมและบดอัดขยี้เกมอย่างบ้าคลั่ง
อืม เรียกได้ว่าแร๊งค์ลดลงจากแร๊งค์ Gold เป็น Silver เลยทีเดียว
กู่เฉินหนานมีความสุขและตื่นเต้นมาก
“หม่าปิง นายช่างเป็นมือใหม่ที่อ่อนจริง ๆ เลย!”
กู่เฉินหนานผลักเปิดประตูแล้วเดินออกไป รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาไร้ที่ติตอนนี้ดูยุ่งเหยิง ผมมันเยิ้มและมีหนวดเคราขึ้นเต็มไปหมด
หม่าปิงก็มีสภาพไม่ต่างกัน ดูไม่เรียบร้อย มีหนวดเคราขึ้นรุงรังบนใบหน้า เขาเกาหัวด้วยความเคอะเขินและหัวเราะด้วยความอับอาย “ผมไม่ได้เล่นจริงจังขนาดนั้นสักหน่อยครับ”
กู่เฉินหนานกลอกตาใส่เขาและพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “เอาล่ะ หยุดแก้ตัวได้แล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เที่ยงนี้เราจะไปตระกูลเย่”
“ครับ!” หม่าปิงปรับตัวกลับเข้าสู่บุคลิกแบบมืออาชีพทันทีและพยักหน้าตอบ
ขณะที่หม่าปิงลงไปข้างล่าง กู่เฉินหนานก็เรียกอีกครั้ง “พาคนมาเพิ่มอีกหน่อย”
“รับทราบครับ”
เย่เหวินเฟยเชิญกู่เฉินหนานเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณของตระกูลเย่ ซึ่งมันคงไม่ใช่แค่ให้เขาเข้าร่วมเพื่อความบันเทิงหรอก
ตระกูลกู่เป็นหนึ่งในตระกูลชั้นนำในตงไห่ แน่นอนว่าตระกูลเย่ก็ต้องการอาศัยชื่อเสียงของตระกูลกู่มาช่วยเหลือเช่นกัน
นอกจากนี้ เย่เหวินเฟยและกู่เฉินหนานต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้ว ในฐานะสหาย แม้เย่เหวินเฟยจะไม่พูดอะไร แต่กู่เฉินหนานรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
หลังจากอาบน้ำแล้ว กู่เฉินหนานก็เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีน้ำเงินเข้มจับคู่กับเนคไทสีเทา
ทั่วทั้งร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยความมั่นใจและบรรยากาศไม่ธรรมดาเลย
จากนั้นเขาก็เปิดโทรศัพท์ที่ถูกปิดเมื่อสองวันที่ผ่านมา ทันทีที่หน้าจอสว่างขึ้น ข้อความ WeChat ที่ยังไม่ได้อ่านและสายที่ไม่ได้รับก็ท่วมหน้าจอทันที
นอกเหนือจากข้อความ WeChat จากเย่เหวินเฟยบอกว่าวันนี้เป็นวันเริ่มการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณ นอกนั้นก็เป็นข้อความโฆษณาสินค้าฟุ่มเฟือยและอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ
กู่เฉินหนานส่งคำตอบง่าย ๆ ถึงเย่เหวินเฟยว่า "กำลังไป"
จากนั้นเขาก็ก้าวออกมา
ในเวลานี้ ด้านนอกคฤหาสน์หม่าปิงกำลังนำลูกน้องชายร่างกำยำหลายสิบคน สวมใส่สูทดำ แว่นกันแดดสีดำ และสื่อสารกันด้วยหูฟังขนาดเล็กที่ติดอยู่กับหู
เมื่อเห็นกู่เฉินหนาน พวกเขาก็โค้งคำนับพร้อมกัน
“ครับ คุณชายกู่”
“คุณชายครับ คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุดแล้วครับ” หม่าปิงกล่าว
กู่เฉินหนานสำรวจคนเหล่านั้นด้วยความพอใจและพยักหน้าเห็นด้วย “ดี ไม่เลว ไปกันเถอะ”
...
บ้านของตระกูลเย่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองตงไห่
เช่นเดียวกับตระกูลที่โดดเด่นอื่น ๆ อาคารของพวกเขาล้วนได้รับการออกแบบในสไตล์สวนแบบซูโจวโบราณ ซึ่งสวนเหล่านี้มีชื่อเสียงโด่งดังพอสมควร
ในบริเวณสนามด้านนอกของตระกูลเย่ ได้มีการสร้างพื้นที่ประลองเป็นแท่นยกพื้น สูงประมาณครึ่งเมตร
ยามนี้มันเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
นักศิลปะป้องกันตัวบางคนสวมเสื้อคลุมออกกำลังกาย กำลังยืดเส้นยืดสายอยู่ในลานโล่ง ในขณะเดียวกัน นักธุรกิจชั้นนำบางคนก็มาร่วมงานเพื่อเป็นการแสดงการสนับสนุนตระกูลเย่เช่นกัน
ท่ามกลางฝูงชน สายตาของหลินหยู่จับจ้องไปที่เวทีประลองอย่างตั้งใจ เขากำหมัดแน่น
ข้าง ๆ เขามีผู้หญิงคนหนึ่งสวมกางเกงรัดรูป ใส่ถุงเท้าลายทางสีขาวดำยาวเหนือเข่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างและกระพริบถี่ ๆ ราวกับนางฟ้าตัวน้อยน่ารัก
เธอเป็นอาจารย์ของหลินหยู่ ถังหยุนจิน
สำหรับถังหยุนจินแล้ว เธอคาดหวังอย่างมากว่าหลินหยู่จะเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณของตระกูลเย่และได้รับชัยชนะมาครอง
แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่สามารถปลูกฝังลมปราณภายในได้ แต่เธอก็รู้ดีว่าการฝึกของเธออยู่ในระดับไหนสำหรับโลกแห่งวรยุทธ์
แม้ว่าหลินหยู่จะใช้เวลาเรียนรู้กับอาจารย์อย่างเธอเพียงระยะสั้น ๆ แต่เขาก็ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดวิชาพลังลมปราณหนึ่งบรรพกาลของเธอ
เนื่องจากถังหยุนจินเองไม่สามารถฝึกพลังภายในได้ เธอจึงตั้งความหวังไว้กับหลินหยู่
เธอต้องการดูว่าหลินหยู่สามารถไปได้ไกลแค่ไหน โดยการพึ่งพาลมปราณหนึ่งบรรพกาลของเธอ
"มั่นใจไหม?" ถังหยุนจินเหลือบมองและถามหลินหยู่ ผู้ซึ่งกำลังจ้องมองไปที่ลานประลอง
“ครับ” หลินหยู่พยักหน้าอย่างหนักแน่น "ผู้ได้รับชัยชนะครั้งนี้ต้องเป็นผมแน่!"
ผู้เข้าแข่งขันยืนอยู่ด้านหนึ่งของเวทีการประลอง ส่วนอีกด้านมีที่นั่งปักขอบสีทองและแดงอันประณีตถูกจัดวางไว้ที่ฝั่งตรงข้าม เห็นได้ชัดว่าเตรียมไว้ให้แขกผู้มีเกียรติที่จะเข้าชมในวันนี้
ภายในห้องโถงใหญ่ของลานด้านใน
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเย่ เย่จิ่นหยวนยืนเอามือไขว้หลังอยู่มองออกไปนอกหน้าต่างที่มองเห็นบริเวณสนามด้านนอก เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทาเข้มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"งานแข่งขันศิลปะโบราณของตงไห่ ทุกคนย่อมสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้"
“เพราะอย่างนั้นแล้ว ถ้าแกไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ ตระกูลเย่ของฉันคงจะให้เงิน 50 ล้านไปโดยเปล่าประโยชน์จริง ๆ !”
ชายในชุดคลุมสีเทาส่ายหัวและมีสีหน้าแน่วแน่ “ไม่ต้องห่วงครับ นายท่าน ผู้ที่สามารถเอาชนะผมได้ในตงไห่มีไม่กี่คนและน้อยคนมากครับ”
“น้อยมาก? งั้นมีใครบ้างล่ะ?” เย่จินหยวนจ้องมอง
ในบรรดาตระกูลใหญ่ของตงไห่ อิทธิพลของตระกูลเย่นั้นได้ลดลงไปมากเมื่อเทียบกับช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา
บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลเย่เคยเป็นตระกูลที่โดดเด่นเพียงใด
ดังนั้นเพื่อยกระดับจุดยืนของตระกูลเย่ เย่จินหยวนจึงจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณนี้
ก่อนการแข่งขัน ตระกูลเย่ประกาศว่าแชมป์ของการแข่งขันจะได้รับรางวัลเงินสด 50 ล้าน
แต่ด้วยกระแสเงินสดของตระกูลเย่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าการควักเงิน 50 ล้านอาจนำไปสู่การล้มละลายของตระกูลเย่ได้เลยทีเดียว
แต่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จินหยวนได้วางแผนไว้แล้ว
เขาได้เชิญทายาทผู้สืบทอดวิชาฝ่ามือสิบสามเข็มชื่อดัง เพื่อมาคว้าชัยชนะให้กับตระกูลเย่
ความคิดของเย่จินหยวนนั้นเรียบง่าย ตราบใดที่บุคคลนี้สามารถชนะได้ ไม่เพียงแต่ตระกูลเย่จะไม่ต้องจ่ายเงิน 50 ล้าน พวกเขายังสามารถใช้การแข่งขันนี้เพื่อยกระดับเกียรติยศของตระกูลได้อีก
ทว่า... ตามเนื้อเรื่องแล้ว หลินหยู่จะได้แชมป์และยังหักแขนของชายชุดคลุมสีเทาไป
ด้วยความโกรธจากความอัปยศอดสู ชายเสื้อคลุมสีเทาจึงประณามเย่จินหยวนอย่างโจ่งแจ้ง และเปิดเผยว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเช่นไร
เมื่อเหล่าแขกรับเชิญตระหนักถึงแผนการของเย่จินหยวน ตระกูลเย่จึงเสียหน้าไปและกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจกับหลินหยู่
ในท้ายที่สุด หลินหยู่จึงได้ยืมกองกำลังของนกฮูกดำทมิฬเพื่อสังหารล้างโคตรตระกูลเย่
ต้องบอกเลยว่าแผนการนี้ดูเหมือนจะดูถูกสติปัญญาของตระกูลเย่ที่แสนโดดเด่นมาก
แม้ว่าอิทธิพลของตระกูลเย่จะลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาต้องมีแผนพัฒนาธุรกิจการค้าของตระกูลเย่สักอย่างสิ แทนที่จะมาคิดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณอะไรไร้สาระเช่นนี้
ตระกูลเย่คิดจะยกระดับศักดิ์ศรีของพวกเขา ด้วยการเป็นแค่เจ้าภาพจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณเนี่ยนะ?
หากคิดจะทำอะไรแบบนี้ เอาสมองไปขยายธุรกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ คงจะเหมาะสมเสียก่อน
สรุปแล้วคือ งานแข่งนี้ถูกจัดมาเพื่อให้เหล่าหญิงสาวของหลินหยู่ได้เห็นความเก่งกาจของเขา ไอ้ผู้เขียนบัดซบนี้ช่างเขียนเรื่องราวได้ไร้สาระเสียจริง