บทที่ 43 การฉายภาพ (1)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 43 การฉายภาพ (1)
หลังประโยคของรองหัวหน้าพัคจบลง ทุกคนในกองถ่ายต่างพากันปิดปากเงียบ กล้องหลายตัวที่กำลังถ่ายทำรองหัวหน้าพัคและหญิงวัยกลางคนก็หยุดทำงาน
เช่นเดียวกับรองหัวหน้าพัคและหญิงวัยกลางคน
“······”
ทันใดนั้นฉากนั้นก็เงียบลง เสียงกรีดร้องของหญิงสาวและเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขของรองหัวหน้าพัคได้หายไป
มันคงอยู่แบบนั้นประมาณ 10 วินาที
คนที่ทำลายความเงียบงันอย่างหนักคือPDซงมันวู
“คัต!! โอเค!!”
ฉากนี้จบลงแล้ว
“สำหรับฉากนี้เราจะใช้เทคนี้เลย!”
ปกติแล้วพวกเขาจะถ่ายฉากเดียวกันหลายครั้ง แต่ดูเหมือน PDซงมันวูจะไม่ตั้งใจทำแบบนั้น เพราะเทคที่ถ่ายตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว ฉากที่รุนแรงหรือเกินจริง พวกเขาไม่คิดจะถ่ายหลายเทคอยู่แล้ว
ทันทีที่ได้สัญญาณผ่าน คังวูจินก็เปลี่ยนกลับเป็นตัวเองอย่างรวดเร็วและสลัดตัวตนรองหัวหน้าพัคให้ออกไป
-ฉึบ ฉึบ
เขาแกะเชือกที่รัดรอบคอของนักแสดงหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นตัวประกอบ การเคลื่อนไหวของเขาน่าทึ่งอย่างมาก จากนั้นเขาก็ประคองไหล่เธอเบา ๆ แล้วถามอย่างแผ่วเบาว่า
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ขอโทษทีนะครับ”
หญิงสาวที่เพิ่งแสดงอย่างดุเดือดมาก็ตอบด้วยเสียงหายใจติดขัด
“···คะ? อ๋อ ค่ะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณมีอาการเจ็บตรงไหนไหมครับ?”
“ฉันคิดว่าไม่มีนะคะ”
“ไปตรวจเช็คอย่างละเอียดดีกว่าครับ”
ความโหดร้ายเมื่อสักครู่นี้หายไปหมดสิ้น นี่คือเหตุผลที่นักแสดงหญิงวัยกลางคนตกใจเล็กน้อยกับสภาพของคังวูจิน
‘เด็กคนนี้เก่งจริง ๆ เลย เขาเปลี่ยนตัวตนได้เร็วขนาดนี้ยังไงกันนะ?’
นอกจากนี้ ดวงตาของคังวูจินยังเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับรองหัวหน้าพัคที่เป็นไซโคพาธ
“ลุกขึ้นระวังหน่อยนะครับ”
แน่นอนว่าการกระทำทั้งหมดของคังวูจินนั้นมาจากใจจริง
‘เธอไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม??’
นักแสดงคนไหนก็คงรู้สึกแบบเดียวกันหลังจากต้องแสดงฉากแบบนั้น แถมนักแสดงหญิงวัยกลางคนยังอายุไล่เลี่ยกับแม่ของคังวูจินอีกด้วย ซึ่งทำให้เขายิ่งเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก
“อ๋อ ขอโทษนะครับ คอของคุณเลยแดงขึ้นเล็กน้อยเลย”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ มือของคุณยังแดงกว่าเลยไม่ใช่เหรอคะ? คุณตั้งใจออกแรงเยอะเลย”
แท้จริงแล้วเขาตั้งใจมาก ระหว่างฉากการรัดคอ คังวูจินก็รัดแน่นจนสุดขีด เชือกที่อยู่รอบคอของนักแสดงสาววัยกลางนั้นหลวม แต่เขาออกแรงที่มือพอสมควรเพื่อแสดงถึงความตึงเครียดของตัวละคร
คังวูจินดูจะชำนาญในการใช้ทักษะการแสดงมากขึ้นแล้ว
ดังนั้นความชัดเจนของตัวละครที่ฝังลึกจากการอ่านซ้ำ ๆ จึงเพิ่มขึ้น แต่เขายังคงรักษาสติสัมปชัญญะในฐานะคังวูจินขณะแสดงไว้อยู่
ในตอนนี้เอง ทีมงานและ PDซงมันวูต่างก็รีบวิ่งเข้ามา
"อะไรนะ? คุณได้รับบาดเจ็บเหรอครับ??”
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?!”
อันที่จริงแล้ว นักแสดงหญิงวัยกลางคนไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไร การแสดงนั้นสมจริงมาก และเธอก็พลอยอินไปกับการแสดงของคังวูจิน แต่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหรือบอบช้ำแต่อย่างใด ทว่าความกังวลของคังวูจินทำให้ความกังวลของคนรอบข้างเพิ่มมากขึ้น ต้องขอบคุณความจริงจังของเขาเลยล่ะ
กระนั้นเอง คังวูจินก็ยังคงมองดูเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“PD ครับ ช่วยเช็คคอและแขนของเธอหน่อยได้ไหมครับ?”
“หา?? ทำไมเหรอ?”
"ผมคิดว่าฉากลากตัวนั้นมันรุนแรงเกินไปหน่อยน่ะ"
คังวูจินยังคงประคองนักแสดงสมทบหญิงและส่งตัวเธอให้กับทีมงาน ใบหน้าที่นิ่งเฉยของเขายังคงเป็นดั่งเดิม แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล
ไม่นานนัก
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ”
คังวูจินที่เฝ้ามองอาการของนักแสดงสมทบหญิงอยู่ก็ค่อย ๆ เดินออกไป ไม่ใช่ว่าเขาจะหลบเลี่ยงสถานการณ์ แต่ทันทีที่เขารู้สึกโล่งใจกับอาการของนักแสดงสมทบหญิง ความตึงเครียดของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง
'อืม ต้องรีบไปฉี่แล้วสิ'
เขาต้องการปลดปล่อยความต้องการทางร่างกายจริง ๆ ปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ทีมงานสองสามคนต่างเฝ้ามองดูร่างที่เริ่มห่างออกไปของคังวูจิน จากนั้นพวกเขาก็กระซิบกัน
“ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาควบคุมอารมณ์ได้แล้วนะ เอ่อ จะว่าไปฉากเมื่อกี้มันก็รุนแรงจริง ๆ นะ”
ในระหว่างนี้เอง นักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอนไม่ได้ตามคังวูจินไปด้วย แค่มองเขาด้วยสายตาเท่านั้น
‘ฉันควรจะต้องไปคุยกับเขาหลังจากที่เขาปรับอารมณ์แล้วให้ได้’
‘สุดยอดมากที่เขาไม่อาเจียนออกมา การที่สามารถตั้งสติได้หลังจากฉากแบบนั้น ถือได้เลยว่าเป็นพรสวรรค์อีกอย่าง’
เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะให้เวลากับคังวูจินในการฟื้นฟูอารมณ์ ส่วนอีกด้านหนึ่ง คังวูจินก็เร่งฝีเท้าเพราะเขาต้องการใช้ห้องน้ำอย่างเร่งด่วน
‘ต้องรีบไปแล้ว ต้องเงดี๋ยวนี้เลย เฮ้อ’
ซึ่งเพราะเขาแสร้งทำเป็นคนเย็นชามาโดยตลอด การปวดฉี่จนต้องไปห้องน้ำอย่างเร่งรีบอาจดูไม่เหมาะกับภาพลักษณ์เขานัก
ขณะที่คังวูจินกำลังเดินออกไปอย่างช้า ๆ
"ซีอีโอ ผมขอตามเขาไปนะครับ!"
จางซูฮวานที่อยู่ในกลุ่มทีมงานของคังวูจินก็มารวมตัวกันอยู่บริเวณพักกอง เขากำลังจะเดินตามคังวูจินไป แต่ถูกซีอีโอชเวซองกุนห้ามไว้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้านายตามไปตอนนี้ นายก็แค่ไปเกะกะเขาเฉย ๆ นายคิดว่าเขาจะไปห้องน้ำจริง ๆ เหรอ?”
"หมายความว่ายังไงกันครับ?"
ฮันแยจุงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เขาน่าจะไปสงบสติอารมณ์มากกว่า นักแสดงส่วนใหญ่ต่างทำแบบนี้กันอยู่แล้ว"
ขณะนั้นเอง มีคนมาแตะไหล่ของซีอีโอชเวซองกุนที่ยืนกอดอกอยู่ เมื่อเขาหันกลับไป เขาก็เห็นหน้าที่คุ้นเคย ซีอีโอชเวซองกุนรู้สึกประหลาดใจพอสมควร
"คุณคือคุณคิมจากบริษัทภาพยนตร์อีอูลริมใช่ไหมครับ?"
"ใช่ครับ คุณจำผมได้สินะ ทั้ง ๆ ที่นาน ๆ เจอกันที"
"แน่นอน ผมต้องจำได้สิ ฮ่า ๆ ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังเตรียมโปรเจคใหม่กับผู้กำกับควอนกีแท็กสินะครับ"
"ใช่ครับ คุณยังคงมีข้อมูลที่ดีอยู่เหมือนเคยเลยนะ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการก็เถอะ"
"แต่ว่าอะไรทำให้คุณมาที่นี่กันครับ…?"
ครู่หนึ่ง ซีอีโอชเวซองกุนผู้เฉลียวฉลาดก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังและกระซิบเบา ๆ
"คุณมาดูนักแสดงเหรอครับ? อ่า จริงสิ แสดงว่าผู้ชายที่ใส่หน้ากากเมื่อกี้นั่นคือผู้กํากับควอนกีแท็กใช่ไหมครับ?”
"คุณยังคงตาไวเหมือนเดิมเลย ไปด้วยกันเถอะครับ ซีอีโอชเวซองกุน"
"···ผู้กำกับควอนกีแท็กได้เห็นการแสดงอขงคุณคังวูจินแล้วเหรอครับ?"
คุณคิมยิ้ม ราวกับเป็นการยืนยันคำตอบ ไม่นานนัก ซีอีโอชเวซองกุนที่กำลังคำนวณอย่างรวดเร็วในหัวก็เดินตามเขาไป จากนั้นพวกเขาก็มาถึงที่จอดรถโล่ง ๆ และหน้ารถตู้สีเทา พวกเขาเห็นผู้ชายสวมหน้ากากอยู่
เขาจะเป็นใครไปได้อีก?
'ผู้กำกับควอนกีแท็ก'
คําตอบที่ซีอีโอชเวซองกุนพึมพํากับตัวเองนั้นถูกต้อง ผู้กำกับควอนกีแท็กถอดหน้ากากออก และทักทายเขา
"ซีอีโอชเวซองกุน สบายดีไหมครับ?"
เขาพูดเรียบ ๆ ด้วยรอยยิ้ม พวกเขาเคยเจอกันมาก่อน
"สบายดีครับคุณผู้กำกับ ไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้พบคุณเอง ครั้งก่อนที่เราเจอกันคือกับฮงฮเยยอนใช่ไหมนะ?”
“ถูกต้องครับ แต่วันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฮงฮเยยอน”
"มันเกี่ยวกับคังวูจินของเราสินะครับ?"
"ใช่แล้วครับ"
จากนั้น ผู้กำกับควอนกีแท็กก็นึกถึงการแสดงของคังวูจินในบทบาทของรองหัวหน้าพัคที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ จึงพูดออกไปอย่างจริงใจ
"เขาสุดยอดมากเลย"
"ขอบคุณครับ"
"เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วด้วย คุณรู้ใช่ไหมว่าคังวูจินเรียนการแสดงในต่างประเทศด้วยตัวเอง?”
ซีอีโอชเวซองกุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ?"
"อ๋อ ผมได้ยินมาคร่าว ๆ จาก PDซงมันวูน่ะครับ"
"···เดี๋ยวก่อนนะ ถ้างั้นวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณเห็นคังวูจินเหรอ?"
"เปล่าครับ ผมเฝ้าดูเขามาหลายสัปดาห์แล้ว ผมยังเคยเห็นการแสดงของเขาในฉากห้องสอบสวนด้วย"
เมื่อได้ยินคำตอบ ซีอีโอชเวซองกุนก็อยากกรีดร้องออกมาภายในใจ ไม่ใช่เสียงกรีดร้องแห่งความหวาดกลัว แต่มันคือความชื่นชมที่มีต่อคังวูจิน
'ผู้ชายคนนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดสุดยอดผู้กำกับหรือไงกัน??! จากผู้กำกับวูฮยอนกูจนถึงผู้กำกับควอนกีแท็ก สุดยอดปรมาจารย์ต่างก็เรียงแถวกันมาทีละคนเลยเหรอ??'
ผู้กำกับควอนกีแท็กยิ้มบาง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"จริง ๆ แล้ววันนี้ผมตั้งใจจะคุยกับคังวูจิน แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยเลยหลังจากการแสดงอันยอดเยี่ยมเมื่อครู่"
"โอ้?"
"มันค่อนข้างน่าอึดอัดใจกับผมด้วยที่จะไปคุยกับเด็กคนนั้น เขาอาจมีอารมณ์ที่รุนแรงที่ยังคงค้างอยู่ในใจ มันเป็นสิ่งที่ผมเคยเห็นบ่อยเลยในฐานะผู้กำกับ"
"ครับ"
"งั้นผมจะขอตัวกลับก่อนนะครับวันนี้"
"อะไรกัน?? คุณมาตั้งไกล แล้วคุณจะกลับไปเฉย ๆ เหรอ?"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมพอใจแล้วที่ได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น"
ผู้กำกับควอนกีแท็กที่เปิดประตูรถตู้ก็ถามต่อ
"เรามาหาเวลานัดหมายกันอย่างจริงจังไหมครับ? ไม่ใช่ที่กองถ่าย คุณว่างช่วงไหนเหรอ?"
ซีอีโอชเวซองกุนได้รีบรวบรวมตารางงานของตัวเองแล้วตอบคำถามไป
"เช้าวันมะรืนดีไหมครับ?"
สองวันต่อมาในวันจันทร์ที่ 13 เมษายน
เป็นช่วงเช้า ข่าวบันเทิงยังคงเหมือนสนามรบ
『SBC MBS TVM กำลังจะมีสงครามสามค่ายใหญ่ ชุมชนออนไลน์ต่างฮือฮา』
สื่อได้ปลุกระดมการต่อสู้ครั้งใหม่มาหลายวันแล้ว บรรยากาศที่ร้อนระอุก็กลายเป็นคลื่นความคิดเห็นของสาธารณชนอย่างรวดเร็ว
『[ซุบซิบดารา] ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นสำหรับสงครามละคร SNS ของนักแสดงชั้นนำต่างกลับมาคึกคักอีกครั้ง』
ยิ่งมีการพูดถึงมากเท่าไร สถานีโทรทัศน์ SBC MBS และ TVM ยิ่งเติมเชื้อไฟด้วยการโปรโมท ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุหรือข่าวลือต่างถาโถม หากถอนตัวตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องดีนัก
ในขณะนี้เอง PDซงมันวูก็อยู่ในห้องของหัวหน้าแผนกละครของ SBC
เขาตัดต่อทั้งคืนหลังจากถ่ายทำเสร็จเมื่อวาน ดังนั้นเขาจึงไม่พร้อมที่จะคุย เคราของเขายาวขึ้นมากเช่นกัน ช่วงนี้กิจวัตรประจำวันของเขาแทบจะเหมือนเดิมเลย
ถ่ายทำ ตัดต่อ ถ่ายทำ ตัดต่อ วนไป
แต่มันก็ทำให้เขามีความก้าวหน้าอย่างมากในฐานะมืออาชีพ นักเขียนพัคอึนมีก็เร่งเครื่องเขียนบทสําหรับตอนที่ 12 ให้เสร็จแล้ว
ซึ่งตอนนั้นเอง
"PDซงมันวู"
หัวหน้าแผนกละครร่างท้วม ที่นั่งอยู่บนโซฟาห้าที่ได้พูดกับPDซงมันวูที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวถัดไป
"คุณเห็นไหมว่านักข่าวคลั่งกันขนาดไหน? เอาแต่พูดถึงสงครามอะไรทำนองนั้น"
"ใช่ครับ ผมเห็นมันแล้ว"
พวกเขาดูสนิทกันมาก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลก พวกเขามีความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้องมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่หัวหน้าเป็นPD PDซงมันวูก็เป็นผู้ช่วย PD พวกเขามีประสบการณ์ร่วมกันเกือบ 20 ปี
ยามนั้นเอง หัวหน้าได้เขย่าบทละครของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอนที่ 5 ในมือของเขา
"คือว่าคุณพอจะลองเกลี้ยกล่อมนักเขียนพัคอึนมี และบอกเธอให้เพิ่มฉากโรแมนติกเข้ามาตั้งแต่ตอนที่ 5 หน่อยสิ บทละครมันยอดเยี่ยมนะ แต่มันไม่แห้งไปหน่อยเหรอ?"
"อืม คุณPD ไม่สิ พี่ การใส่มันเข้าไปใน 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' จะใส่มันไปเพื่ออะไรกันล่ะ? พี่จะให้ผมใส่ไว้ตรงไหน?"
"อันนั้นก็เป็นเรื่องของนักเขียนพัคอึนมี ผมไม่ได้บอกให้ยัดเยียดเข้าไป แต่ใส่เข้าไปอย่างแนบเนียนเหมือนเครื่องปรุงต่างหาก คุณอยากจะทิ้งผู้ชมที่ชอบแนวโรแมนติกทั้งหมดเหรอ? MBS กําลังทําละครแนวโรแมนติก BS กําลังทําละครแนวโรแมนติก และมีข่าวลือว่า TVM ก็ได้กลิ่นแว่วมาด้วย"
PDซงมันวูคล้ายหายใจไม่ออก
"ถ้าคุณผสมฉากแบบนี้เข้าไป มันก็จะกลายเป็นเรื่องไร้สาระหมด ความรักในแนวนี้ไม่มีความหมายหรอกนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น ควรจะกำกับเอาเองเลยพี่"
"พูดจริงเหรอ?! ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมาหลายปีแล้วนะ! คุณรู้อะไรไหม? พวกเขาลงทุนไปกับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' มากแค่ไหน? รวมทั้งนักเขียนพัคอึนมีและนักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอนด้วย ถ้าเรื่องนี้ล้มเหลว คุณกับผมก็จบเห่ เฮ้ย ผมยอมให้คุณใส่คนไร้ชื่อเสียงอย่างคังวูจินหรือคังวูจุนอะไรนั้นเข้าไปไม่ใช่เหรอ?"
"คุณคิดว่าเรตติ้งจะพุ่งกระฉูดเพราะเขาเหรอ? แล้วเงินของเราไปลงกับการจ้างคนนอกไปเท่าไรกัน?"
"มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังเป็นเรื่องของหน้าตาด้วยรู้ไหม? ซีอีโอก็กำลังดูอยู่ด้วยเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าผมโดนด่ามากแค่ไหนในประชุมเมื่อเช้านี้?"
ในไม่ช้า PDซงมันวูที่กำลังเช็คข้อมือก็ถอนหายใจและพึมพำ
“งั้นคุณก็บอกเธอด้วยตัวเองสิครับ”
"อะไรนะ? บอกเธอด้วยตัวเองอะไร?"
"ให้เพิ่มฉากโรแมนติกเข้าไป งั้นผมขอตัวนะครับ"
“เฮ้ เฮ้ นั่นมัน-”
ในขณะนั้นเอง
-ปัง!
นักเขียนพัคอึนมิที่แต่งหน้าจัดเต็มปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของหัวหน้าแผนกละคร ในระหว่างการสนทนา PDซงมันวูได้ส่งข้อความไปให้เธอ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธอรู้ความตั้งใจของหัวหน้าแผนกละครทั้งหมดแล้ว ทันทีที่เขาเห็นนักเขียนพัคอึนมี หัวหน้าแผนกละครก็หัวเราะออกมาทันที
“โอ้แหม คุณนักเขียนพัคอึนมี สุขภาพเป็นยังไงบ้างครับ?”
อย่างไรก็ตาม นักเขียนพัคอึนมีที่มีผมยาวดัดกลับมีสีหน้าเคร่งขรึมมาก
"ฉันควรจะยกเลิกดีไหมคะ?"
"...หือ? ยกเลิกอะไรเหรอครับ?”
"ละครไงค่ะ ฉันควรจะยกเลิกมันไหม? คุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนที่ฉันหายไปฝรั่งเศสเป็นเวลาหนึ่งปี”
"อ่า ไม่สิ ใจเย็น ๆ ก่อนนะคุณนักเขียนพัคอึนมี”
"ฉันควรจะหายตัวไปเลยดีไหม? คุณคิดว่าฉันทำไม่ได้เหรอคะ?"
“ค-คุณนักเขียนพัคอึนมี”
"ฉันควรจะยกเลิกดีไหมคะ?"
“······”
“ให้ฉันจองเที่ยวบินเลยไหม?”
หลังจากจ้องมองนักเขียนพัคอึนมีอยู่ครู่หนึ่ง หัวหน้าแผนกละครก็ส่ายหัว
"ขอโทษนะครับคุณนักเขียนพัคอึนมี เขียนตามที่คุณต้องการได้เลยครับ"
ดังนั้นสองชั่วโมงต่อมา ข่าวเกี่ยวกับนักเขียนพัคอึนมีที่ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสื่อก็ถูกตีแผ่เป็นบทความ
『นักเขียนพัคอึนมี 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' จะไม่มีฉากโรแมนติกในผลงานชิ้นใหม่นี้'』
ผู้คนต่างตื่นเต้นกับการยืนยันของเธอมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ณ ย่านซังกัมดง บริษัทภาพยนตร์อีอูลริม
คังวูจินและซีอีโอชเวซองกุนปรากฏตัวที่บริเวณทางเดินภายในบริษัทภาพยนตร์ขนาดใหญ่ การแต่งกายของคังวูจินนั้นค่อนข้างเป็นทางการ เพราะเขาใส่เสื้อเบลเซอร์อยู่ ทั้งคู่มีสีหน้าจริงจัง ส่วนทีมงานที่เหลือรออยู่ที่ลานจอดรถใต้ดิน
ทันใดนั้น
-ครืด
คังวูจินเดินมาถึงหน้าประตูห้องประชุมกระจก ในเวลาเดียวกัน ซีอีโอชเวซองกุนก็สบตากับคังวูจิน
“คังวูจิน…เรื่องครั้งนี้”
แต่ซีอีโอชเวซองกุนก็พูดตะกุกตะกัก ประโยคเต็ม ๆ ควรจะเป็น ‘คราวนี้พูดให้ยาวหน่อยนะ’ เพราะครั้งก่อนอีกฝ่ายดันไปปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูเร็วเกินไป ทว่าเขาก็กลืนคำพูดนั้นลงไป เพราะสิทธิ์ในการเลือกโปรเจ็กต์มันก็มีเขียนอยู่ในสัญญาด้วยเช่นกัน
“อึก ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่จริง ๆ แล้วผู้กำกับควอนกีแท็กเก่งกาจกว่าผู้กำกับวูฮยอนกูเสียอีก ฉันหมายถึงทั้งในแง่ของชื่อเสียงและฝีมือด้วยน่ะครับ”
“ครับ ผมรู้”
คังวูจินพูดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่การโอ้อวดหรือคุยโว เพราะหลังจากที่ได้ยินเรื่องการประชุมครั้งนี้ เขาจึงได้ไปค้นหาประวัติของผู้กำกับควอนกีแท็กมา แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้ แต่ค้นหาเพิ่มเพื่อจะได้รู้มากขึ้น
‘เขาเป็นคนน่าทึ่งจริง ๆ เขาได้รับรางวัลมากมายจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติอันทรงเกียรติด้วย'
ทว่าเพื่อรักษาภาพลักษณ์ คังวูจินไม่ได้ทำตัวตื่นเต้นออกนอกหน้า แม้ว่าเขาจะกำลังจะได้พบกับผู้กำกับชั้นปรมาจารย์ชื่อดังก็ตามเถอะ เขาไม่เคยพบกับผู้กำกับวูฮยอนกูมาก่อน แต่ครั้งนี้แหละจะเป็นการพบกันครั้งรแก ถึงอย่างนั้น คังวูจินกลับยังคงมีท่าทีที่ค่อนข้างสงบ
‘หรือเป็นเพราะมันดูเหมือนฝันกันนะ?’
หรืออาจเป็นเพราะเขาเพิ่งเริ่มแสดงมาได้แค่สองเดือนกัน? เหมือนที่ว่ากันว่ายิ่งรู้น้อยเท่าไร ก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเท่านั้น เพราะเป็นเช่นนี้กระมัง ความสุดยอดของผู้กำกับควอนกีแท็กสำหรับเขามันจึงไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ตรงกันข้าม ซีอีโอชเวซองกุนกลับรู้สึกประหม่ามากกว่า
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนเดียวที่ประหม่ากัน? เอาจริง ๆ คังวูจิน นายไม่ค่อยรู้สึกประหม่าง่ายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันดันลืมไปว่าฉันไม่เก่งเหมือนนาย แต่ที่จริงฉันก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรแบบนี้บ่อยนะ แต่นี่คือผู้กำกับควอนกีแท็กเชียวนะ เขาเหมือนมีบรรยากาศบางอย่างอยู่รอบตัว...”
ซีอีโอชเวซองกุนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเปิดประตูกระจก
-เอี๊ยด
ด้านใน ผู้กำกับควอนกีแท็กนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะรูปตัว 'ㄷ' รออยู่แล้ว พนักงานบริษัทภาพยนตร์อีกสองสามคนก็อยู่รอบ ๆ ในไม่ช้าคังวูจินและซีอีโอชเวซองกุนก็โค้งคำนับอย่างสุภาพ
"สวัสดีครับ!"
“สวัสดีครับผู้กำกับ”
ทันทีที่เห็นพวกเขา ผู้กำกับควอนกีแท็กก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ ซีอีโอชเวซองกุนและ..."
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่คังวูจินที่เงียบไม่พูดอะไร
"ในที่สุดผมก็ได้เห็นคุณตัวจริงเสียทีนะ คุณคังวูจิน"
"ผมได้ยินมาว่าคุณมักจะมาที่กองถ่ายบ่อย ๆ เลย"
"ฮ่าฮ่า ใช่แล้วครับ ผมไปตลอดเลย เสียงของคุณฟังดูดีขึ้นอีกเมื่อตอนอยู่ใกล้ ๆ มันคงจะยอดเยี่ยมมากแน่ถ้าได้บันทึกเสียงนี้ลงไป"
ได้รับคำชมตั้งแต่แรกเลยเหรอ? น่าเขินจัง คังวูจินพยายามปิดบังความเขินอายของเขาและตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
"...ขอบคุณครับ"
ทันใดนั้น ผู้กำกับควอนกีแท็กที่กำลังยิ้มอยู่นี้ก็ยื่นเอกสารให้กับคังวูจิน
"เอาไปสิครับ บทเรื่องต่อไปของผม นักแสดงบางคนก็ได้รับไปแล้ว"
มันเป็นบท
"ก่อนอื่น เราไปนั่งอ่านกันคร่าว ๆ ก่อนแล้วค่อยคุยกัน"
เข้าใจแล้ว คังวูจินยกนิ้วชี้ขึ้นมาอย่างว่างเปล่า แน่นอนว่าเขาต้องไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกไป
ตึก!
เขาแตะสี่เหลี่ยมสีดำถัดจากบท จากนั้นคังวูจินก็เข้าไปในมิติว่างเปล่า คังวูจินซึ่งอยู่ในพื้นที่มืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดรู้สึกว่าอาการประหม่าเล็กน้อยของเขา มันได้ละลายไปเมื่ออยู่ที่นี่
จากนั้นเขาก็พูดว่า
"ไหนดูสิ..."
และเขาก็เลื่อนไปที่สี่เหลี่ยมสีขาวที่เรียงรายอยู่อย่างไม่ใส่ใจ อย่างที่คาดไว้ มีเพิ่มขึ้นมาอีกอันจากเมื่อกี้
- [1/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: สำนักงานนักสืบ) ระดับ A]
- [2/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล 1) ระดับ S]
- [3/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: เกาะแห่งผู้สูญหาย) ระดับ D]
ชื่อของบทภาพยนตร์ที่ผู้กำกับควอนกีแท็กให้ไว้คือ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ปัญหาคือ..
“… ระดับ D เหรอ?”
ระดับที่ต่ำมาก และยิ่งไปกว่านั้น คังวูจินก็เอียงคอด้วยความสงสัย เหตุผลนั้นง่ายมาก
- [3/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: เกาะแห่งผู้สูญหาย) ระดับ D]
- [* นี่เป็นบทภาพยนตร์ที่มีอัตราความสมบูรณ์ต่ำ สามารถอ่านได้ 60%]
ไม่เพียงแต่ระดับต่ำเท่านั้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอัตราความสำเร็จก็ต่ำด้วยเช่นกัน
"ทำไมอัตราความสำเร็จถึงต่ำขนาดนี้?"
เขาได้แต่รู้สึกสับสน
*****