บทที่ 42 ความเร็ว (4)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 42 ความเร็ว (4)
คังวูจินเดินไปยังกองถ่ายหลัก ขณะที่กำลังจะเข้าฉาก เขาได้ยินเสียงสนทนาระหว่าง PDซงมันวูกับทีม VFX ซึ่งมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย เขาจึงคิดในใจ
‘อ้าว? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ดูเหมือนเป็นเรื่องจริงจังแฮะ'
ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจมากนัก ถึงแม้จะไม่อยากฟัง แต่เขาก็ยังได้ยินบทสนทนาของชาวต่างชาติ แม้แต่ภาษาอังกฤษที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต เขากลับเข้าใจได้อย่างลื่นไหลและง่ายดาย
'อ๋อ เข้าใจแล้ว พวกเขากำลังคุยกันเรื่องนั้นสินะ ว้าว แต่นี่มันเจ๋งจริง ๆ เลยแฮะ? ภาษาอังกฤษน่าสนใจชะมัด’
คังวูจินตอนนี้รู้สึกสนใจที่จะฟังบทสนทนามากขึ้น เขาจึงเดินเข้าไปฟังใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนมันจะมีอะไรผิดพลาดในการสื่อสารอยู่
'อืม... ควรจะแก้ไขตรงนั้นไหมนะ?'
เพราะเขาเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นรองหัวหน้าพัค มันเลยทำให้เขารู้สึกขัดใจ
'ฉันควรจะเข้าไปยุ่งดีไหม?'
นั่นแหละคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
'ยังไงสักวันฉันก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ถ้างั้นเริ่มตอนนี้เลยก็ได้'
จริง ๆ แล้วตั้งแต่เขาได้รับทักษะทางด้านภาษา เขาก็อยากจะลองใช้มันสักครั้ง เพื่อทดลองดู ดังนั้นคังวูจินจึงเดินเข้าไปคุย โดยมีชาวต่างชาติหัวโล้นที่ค่อนข้างจริงจังจากทีม VFX เป็นเป้าหมาย ชายต่างชาติหัวโล้นรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อคังวูจินอธิบายบางสิ่งเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
คังวูจินก็ไม่ลืมที่จะแนะนำตัวเองในตอนท้าย
“อ๋อ ผมเองแหละครับ นักแสดงที่รับบทบาทนั้น”
ชาวต่างชาติเข้าใจภาษาอังกฤษของเขาไหมนะ? คังวูจินเก็บอาการไว้ แต่ข้างในเขากำลังดีใจจนตัวลอย เทิดทูนกับการที่สามารถสนทนากับชาวต่างชาติได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้เอง
".......อะไรนะ?"
“???”
หลังจากคังวูจินปรากฏตัวและพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว คนที่มุงอยู่รอบ ๆ เขาก็เบิกตาโต ซึ่งรวมถึงทีมงานและนักแสดงอีกหลายสิบคนด้วย จุดสนใจอยู่ที่คังวูจิน แต่เขาก็เดินเข้าไปหาชาวต่างชาติหัวล้านอีกก้าวหนึ่ง และยังคงอธิบายเป็นภาษาอังกฤษต่อไป เนื่องจากเขากำลังพูดคุยกันอยู่
น้ำเสียงของเขายังคงเรียบ ๆ
“โลกที่เปลี่ยนสีสันนั้น เพื่อสื่อถึงความไร้เดียงสาที่บิดเบี้ยวของตัวละคร เหมือนการรับรู้ว่าสัตว์และผู้คนไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียงแค่สีสันเท่านั้น เป็นการบอกว่าตัวละครตัวนี้จะปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นวัตถุ”
ไม่มีคำพูดไหนที่เขาลังเลเลย ชาวต่างชาติหัวล้านซึ่งตอนนี้รู้สึกประหลาดใจมากขึ้น จึงถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างเก้อเขิน
“...แล้วส่วนที่ช่วงเหมือนกับพุถูกจุดล่ะ?”
“ก็ทำให้เหมือนเทพนิยายที่แสดงถึงความโหดร้ายเลยครับ ลองนึกภาพเด็กคนหนึ่งเห็นเลือดพุ่งออกมาจากคอตอนที่บางอย่างถูกฆ่าตาย แต่เอาเป็นเลือดพุ่งออกมาเป็นดอกไม้ไฟสีแดงแทน”
“ผมเข้าใจแล้ว เป็นความไร้เดียงสาที่น่าสยดสยองนี้เอง”
“ถูกต้องครับ ตัวละครนี้มีโลกทัศน์และจิตวิทยาอันผิดแปลกของตัวเอง เขามีมุมมองที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้เลย”
“คงจำเป็นต้องเน้นสินะครับ”
“ถ้าเพิ่มการไล่ระดับสีลงไปในสี มันก็น่าจะโอเคแล้ว มันคงจะสังเกตได้ง่ายและทำให้ผู้ดูเข้าใจได้ดีกว่า”
ความรู้ด้านการออกแบบของคังวูจินถูกนำรวมไว้ในการสนทนา บทสนทนาของพวกเขาดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าชาวอเมริกันสองคนกำลังคุยกันอย่างสบาย ๆ ซึ่งทั้งคังวูจินและชาวต่างชาติหัวล้านก็ยังคงสนทนากันต่อไปอย่างไม่มีอะไรนัก ทว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นกลับไม่สงบเลย
มันเริ่มต้นจากทีมงานรอบ ๆ พวกเขาหลายสิบคนที่เบิกตากว้าง
"อะไรกัน? ทำไมคังวูจินถึงเก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น? พูดได้เก่งเหมือนเจ้าของภาษาเลยนี่นา?”
“······เจ๋งมาก ไม่สิ มันสุดยอดไปเลย สำเนียงภาษาอังกฤษของคังวูจินนี่สุดยอดมาก”
“นั่นมัน...ไม่ใช่สิ่งที่จะเก่งได้แค่เรียนรู้หรอกใช่ไหม? เขาเคยไปอยู่อเมริกาหรือเปล่า? เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเลยนะ แถมยังพูดออกมาแบบไม่ลังเล ดูเหมือนเขาไม่ได้นึกคำศัพท์ในหัวด้วยซ้ำ”
“ว้าว เขาพูดภาษาอังกฤษได้อย่างสบาย ๆ ด้วยหน้าเรียบเฉยเลย แถมสำเนียงยังดีอีกด้วยนะ...เจ๋งไปเลย”
ทีมงานต่างพากันกระซิบไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่า PDซงมันวูที่ยืนอยู่ข้างคังวูจินก็หัวเราะแห้ง ๆ ออกมานิดหน่อย
'ว่าแล้วเชียว ฉันเดาไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขาต้องไปเรียนที่ต่างประเทศมาแน่ ๆ สำเนียงแบบเจ้าของภาษานั้นเหมือนกับคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเลย ไม่สิ เป็นแบบนั้นแน่’
นักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอนก็ตกใจไม่แพ้กัน
“·····นั่นไงล่ะ ฉันรู้แล้วเชียวว่าเขาต้องเคยอยู่ต่างประเทศ”
"อะไรนะ? ฮงฮเยยอน คุณรู้อะไรมางั้นเหรอ??"
"เปล่า"
“อ๋อ ตอนแรกมีข่าวลือว่าคุณคังวูจินได้รับการศึกษาจากต่างประเทศไม่ใช่เหรอ? เพราะงี้สินะเลยมีข่าวลือแบบที่ว่า? เขานี้เหมือนกับหัวหอมจริง ๆ ไม่ว่าจะแกะกี่ชั้น ก็มีอะไรใหม่ ๆ ออกมาเสมอ”
“ว้าว เขาฝึกฝนกับฮอลลีวูดก่อนมาแสดงที่นี่ครั้งแรกหรือเปล่านะ?”
“พี่คิดว่าจะประสบความสำเร็จในระดับนั้นได้ด้วยการเรียนแค่ไม่กี่ปีเหรอ? มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ สิบปีขึ้นไปแน่ ๆ ฉันคิดว่าเขาเคยอยู่ต่างประเทศแน่ เขาคุยกับชาวต่างชาติได้คล่องขนาดนั้นเลยนะ ดูสิ”
แม้ว่าคังวูจินจะคุยกับชาวต่างชาติหัวโล้นอย่างใจเย็น แต่ความตื่นเต้นและความเข้าใจผิดรอบตัวเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือซีอีโอชเวซองกุนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว
‘บ้าไปแล้ว...งั้นเขาก็เคยอยู่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษสินะ แล้วทำไมเขาถึงปิดบังเรื่องนี้ล่ะ? หรือเขาแค่ไม่อยากพูดถึงมัน? งั้นภาษาญี่ปุ่นล่ะ? ทำไมเขาถึงขอบทภาพยนตร์ญี่ปุ่น? เขาพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นหรือเปล่า?’
นักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดเขามีทักษะภาษาอังกฤษในระดับเจ้าของภาษา สังกัดไหนจะไม่ชอบกันล่ะ? แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้ทำให้ตัวตนของคังวูจินยิ่งกลายเป็นปริศนาไปอีก
“ถ้าตอนนี้เขาไปฮอลลีวู้ด มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย”
ณ จุดนี้เอง ซีอีโอชเวซองกุนก็รู้สึกขนลุก ทีมงานคนอื่น ๆ ยืนอยู่สองข้างตัวเขา นั่นคือจางซูฮวานผู้จัดการฝ่ายโลเคชั่น และฮันแยจุงผู้เป็นสไตลิสต์
“อะไรกันเนี่ย? คุณคังวูจินเป็นคนอเมริกันเหรอครับ?!”
“หากไม่ใช่แบบนั้นก็เป็นไปไม่ได้หรอก ขนาดไอดอลบางคนยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ได้อยู่อเมริกา หรือว่าคุณคังวูจินจะเกิดมาพร้อมสวรรค์กันแน่?”
ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ บทสนทนาภาษาอังกฤษของคังวูจินก็ยังคงดำเนินต่อไป
“ถ้าคุณรู้สึกถึงความตื่นเต้น โลกก็จะเปลี่ยนสี คิดให้เป็นแบบนั้นก็ได้ครับ”
"โอ้! ขอบคุณครับ มันช่วยได้เยอะเลยกับการจินตนาการ”
ภายในใจคังวูจินมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาไม่สนใจความเข้าใจผิดรอบตัวเขาเลย
‘มันได้ผลเหรอ? ก็ต้องได้ผลแน่นอนอยู่แล้วสิ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คุยกับชาวต่างชาติ มันน่าตื่นเต้นและน่าทึ่งเหลือเกิน'
มีผู้ชายลงพุงใส่แมสก์อยู่คนหนึ่ง กำลังเฝ้าดูสถานการณ์นี้จากระยะไกล เขาคือผู้กำกับควอนกีแท็ก ผู้ที่ติดเชื้อความเข้าใจผิดมาจากPDซงมันวู และเขาแอบเข้ามาเพราะเขามีธุระสำคัญกับคังวูจินในวันนี้
‘PDซงม้นวูพูดถูก เขาบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มาจากต่างประเทศ ยิ่งรู้เรื่องเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูลึกลับมากขึ้นเท่านั้น'
จํานวนผู้ติดเชื้อจากความเข้าใจผิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลายสิบนาทีต่อมา
ฉากจำลองเหตุการณ์สำหรับทำรูปคดี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักข่าว และผู้คนที่มุงดูหลายสิบคน มารวมตัวกันที่การถ่ายทำตรงบริเวณที่มีตุ๊กตาตั้งอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นตัวประกอบ มีคนมากกว่า 30 คน ครึ่งหนึ่งดูจริงจังมากเพราะพวกเขาเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง
ส่วนที่เหลือเป็นแค่คนมาทำงานพาร์ทไทม์
พวกเขาทั้งหมดต่างก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ มองไปที่นักแสดงที่กำลังรับบทเป็น 'รองหัวหน้าพัค' หรือก็คือคังวูจิน
"ฉันเห็นนักแสดงคนนั้นเมื่อกี้ เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษาเลยนะ"
"ใช่ ฉันก็เห็นเหมือนกัน เขาเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหรือเปล่า?"
"อาจจะใช่ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ไหม?"
ไม่ว่าจะยังไง คังวูจินที่สวมกุญแจมืออยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
“······”
เขาเดินเข้ามาอย่างเฉยเมย เขาเข้าไปปะปนกับฝูงชน ในไม่ช้าเขาก็เข้าไปรวมกลุ่มกับรยูจองมินและคนอื่น ๆ
'ฉันควรจะถามเรื่องภาษาอังกฤษดีไหม...? ไม่สิ เขาบอกว่าเขามีเหตุผลของเขา มันอาจจะละเอียดอ่อนไปหน่อยสินะ? ดูจากสีหน้าของเขา เขาดูเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์อยู่'
ฮงฮเยยอนที่รวบผมขึ้นก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
'ฉันอยากรู้! ฉันอยากรู้! เฮ้อ-ฉันเข้าใจว่าแหละมันมีเหตุผลบางอย่าง แต่อย่างน้อยฉันก็ขอถามได้ไหมว่าเขาไปอยู่ต่างประเทศที่ไหนมา? มันจะมากเกินไปหรือเปล่า?'
นักแสดงที่เตรียมพร้อมสำหรับฉากต่างก็เหลือบมองไปที่คังวูจิน แต่ใบหน้านิ่งเฉยของคังวูจินนั้นจริงจังเกินไป ซึ่งที่จริงแล้ว คังวูจินกำลังหัวเราะในใจอยู่ต่างหาก
'ดี ดีจังเลย อา ฉันจะลองภาษาญี่ปุ่นได้ที่ไหนกันนะ?'
จากนั้นเอง
"คุณคังวูจิน"
จางแทซัน ผู้ที่มีบุคลิกภาพร่าเริงตามปกติได้ถามคังวูจินตรง ๆ โดยไม่รู้ถึงสถานการณ์โดยรอบที่เข้าใจผิดนี้เลย
"คุณเคยไปอยู่สหรัฐหรือเปล่าครับ? ภาษาอังกฤษของคุณดีมากเลยนะ"
ในเวลาเดียวกัน
"พี่คะ"
ฮงฮเยยอนหรี่ตาลง เธอปิดปากเขาและดึงเขากลับไป
"บางคนมีบางอย่างที่พวกเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ คิดด้วยสิค่ะ"
“หา? ฉันทำอะไรลงไปเหรอ? แค่ถามมันผิดด้วยเหรอ?”
"ชู่ว..."
จากนั้นจากด้านหลังที่มีทีมงานหลายสิบคนรวมตัวกัน PDซงมันวูก็ตะโกนออกมา
"เตรียมกล้อง!!"
สัญญาณว่าพวกเขากําลังจะเริ่มถ่ายทําเริ่มขึ้น ขอบคุณเลยที่มาได้เวลาพอดี กล้องและไฟต่าง ๆ ก็เข้าที่ คังวูจินที่สวมกุญแจมืออยู่ก็สะบัดความคิดที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษออกไปด้วยเช่นกัน สายตาเขามองไปยังตุ๊กตารูปร่างคน
'อึก รู้สึกแปลก ๆ อยู่นิดหน่อยแฮะ'
มันเป็นฉากที่อึดอัดพอสมควร เขาได้เตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่พอถึงเวลามันก็ยังรู้สึกแย่
แน่นอนว่าเขาได้อ่านบทละครล่วงหน้าและวิเคราะห์มันหลายครั้ง หลังจากนั้น ด้วยความมุ่งมั่น เขาได้เข้าไปในมิติว่างเปล่าและสัมผัสกับมัน ซึ่งหลังจากผ่านประสบการณ์มา คังวูจินก็แทบอาเจียน ถึงแม้จะเป็นการแสดง แต่มันก็ยังสดใหม่และตรึงตราอย่างชัดเจน
มันเหมือนคังวูจินฆาตกรรม เขาได้ฆ่าใครบางคนในโลกของบทละคร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมิติว่างเปล่า เขาอ่านประสบการณ์ซ้ำ ๆ มันไม่ใช่ชีวิตของคังวูจิน แต่เป็นชีวิตของรองหัวหน้าพัค ทว่ามันก็ไม่มีอะไรต่างไปจากคังวูจินลงมือด้วยตัวเอง มันคือการแสดง แค่การแสดง แต่คังวูจินฆ่าใครบางคนไป มันเป็นโลกของมิติว่างเปล่า ถึงกระนั้นมันกลับรู้สึกเหมือนจริง เป็นของจริงเหมือนโลกแห่งความเป็นจริง
คังวูจินเคยเห็นความตาย เคยเห็นความตายและยังฆ่าคนอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะทำแค่สองงาน แต่คังวูจินก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความตายเสียแล้ว ใช่ สำหรับนักแสดงคนอื่น แค่การวิเคราะห์ ปั้นตัวละครและจินตนาการก็สร้างความเครียดได้มากมาย คังวูจินพอจะรู้เรื่องนี้อยู่
'ดูเหมือนว่าฉันจะสัมผัสแค่ประสบการณ์แค่ดี ๆ ไม่ได้สินะ'
ตรงกันข้ามกับความสามารถอันน่าสะพรึงของมิติว่างเปล่า คังวูจินต้องฟันฝ่าสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน มันอาจจะดูวิเศษ แต่มันอาจจะเหมือนนรกได้เช่นกัน อาจจะมองได้ว่าเป็นบทลงโทษของการใช้มิติว่างเปล่าก็ว่าได้
'พอมองย้อนกลับไปในอดีต...ทั้งเรื่องความเข้าใจผิดที่เริ่มต้นด้วยความบังเอิญนั้นและอะไรมากมาย ดูเหมือนมันจะเป็นการช่วยเหลือฉันกลาย ๆ เลยสินะ'
ความเข้าใจผิดและการตีความที่ผิดพลาดของคนอื่น มันได้กลายเป็นตัวตนของคังวูจิน ไม่ใช่บทบาทในบทละคร มันกลายเป็นความเย็นชาของตัวเขา คล้ายตะโกนบอกว่าเขามีตัวตนอยู่ในทุกช่วงเวลา
ทั้งสองอย่างกลายเป็นโล่ที่แข็งแกร่งสำหรับเขา
สิ่งที่ทำให้คังวูจินมีตัวตนอยู่เป็นคังวูจิน มันก็คือความเข้าใจผิดและความคิดพวกนั้น มันอาจฟังดูไร้สาระ แต่สองสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาย้อนกลับไปมองตัวเองอยู่เรื่อย ๆ คังวูจินลอบยิ้มอยู่ในใจราวกับว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ ในขณะเดียวกัน เขาก็ตัดสินใจที่จะรักตัวเองให้มากขึ้น
'ทำไมต้องสนอะไรเรื่องพวกนั้นด้วย? สิ่งที่ฉันสัมผัสมันก็แค่ประสบการณ์ในบทละคร ไม่ใช่ของจริงสักหน่อย'
ทันใดนั้น
-ติ๊ด
หลังจากทีมงานเรียกหมายเลขฉากและตบสเลท เสียงคิวของ PDซงมันวูก็ดังขึ้นผ่านลำโพง
“เตรียมตัว! แอคชั่น!”
ในเวลาเดียวกัน นักข่าวที่ถูกรายล้อมด้วยตำรวจต่างกดแฟลชกล้องถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือ รองหัวหน้าพัค ผู้คนที่มุงดูต่างตะโกนด่าทอรองหัวหน้าพัค
“ไอ้สวะ!! ตายซะ!”
"ไอ้ปรสิต!!"
"ตายซะ!! ไปตาย ไปลงนรกซะ!!”
“ประหารมัน!!”
แต่
“······”
รองหัวหน้าพัคถูกใส่กุญแจมือกลับมองพวกเขาอย่างใจเย็น ไม่สิ เขาอมยิ้มอยู่หรือเปล่า? มุมปากของเขามีรอยกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาอดกลั้นเสียงหัวเราะเบา ๆ ไม่ไหว
"ฮึ ฮึ"
เป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ เหมือนเป็นการเยาะเย้ย คนมุงยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น แสงแฟลชของกล้องก็รุนแรงขึ้น ในขณะนี้เอง ฮงฮเยยอนหรือเรียกว่านักสืบจองยอนฮีผลักหลังรองหัวหน้าพัคไป
"อย่าทำตัวยุ่งยาก ประพฤติตัวให้ดีหน่อย"
รองหัวหน้าพัคหันไปมองจองยอนฮี เขาสูดกลิ่นอากาศ กลิ่นอับชื้นเข้ามาเต็มจมูก
"คุณหอมดีนะครับ คุณนักสืบ"
“...อะไรนะ?”
"เหงื่อไง คุณใส่เสื้อผ้าตัวเดียวกับเมื่อวันก่อน คุณไม่ได้กลับบ้านเหรอ?"
"หุบปากซะ แค่ทำในสิ่งที่นายต้องทำไปเถอะ"
"ครับ ผมจะทำให้ถูกต้องทุกระเบียบนิ้วเลย"
แววตาที่ดูมีชีวิตชีวาของรองหัวหน้าพัคช่างน่าขนลุกและว่างเปล่า แต่ริมฝีปากของเขากลับเผยรอยยิ้มเล็กน้อย คงมีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ดูสนุกสนานบนใบหน้าของเขา ในไม่ช้า รองหัวหน้าพัคก็หยิบสายไฟสีแดงที่วางอยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมา
ฟื้ด
ทุกอย่างช้ามาก รองหัวหน้าพัคก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มุ่งหน้าไปทางตุ๊กตาที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็เตะตุ๊กตาเบา ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ
"ห่วยชะมัดยาก"
เขาแสดงท่าทางการฆาตกรรมในอดีตที่เขาเคยก่อไว้อย่างใจเย็น โดยการเอาเชือกคล้องคอตุ๊กตาแล้วดึงจากด้านหลัง มันไม่รุนแรง มันอ่อนโยน ตลอดเวลาสายตาของรองหัวหน้าพัคจับจ้องไปที่ยูจีฮยองที่ไขว้แขนอยู่ข้างหน้า รองหัวหน้าพัคเอียงศีรษะเล็กน้อย
ในขณะที่เขากดเชือกรอบคอของตุ๊กตา เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือยูจีฮยอง
ความสนใจทั้งหมดของรองหัวหน้าพัคถูกโยนไปที่ยูจีฮยอง ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบีบคออยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงการล้อเล่นเบา ๆ จากรองหัวหน้าพัค ยูจีฮยองยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้กับรองหัวหน้าพัค
จากนั้นเอง
ฉึบ!
อาจเป็นเพราะเขาออกแรงมากเกินไป เชือกที่รองหัวหน้าพัคดึงนั้นถึงขาดสะบั้น! จากนั้นรองหัวหน้าพัคก็ลูบไล้ใบหน้าของตุ๊กตาที่เขากำลังบีบคอเบา ๆ เมื่อปัดแก้มของตุ๊กตาอย่างรวดเร็ว รองหัวหน้าพัคจึงยักไหล่อย่างสบาย ๆ พร้อมจ้องมองไปที่ยูจีฮยอง
"คนเราไม่ตายจากอะไรที่อ่อนแอขนาดนี้นะครับ เอามาใหม่ให้หน่อย"
ความเงียบงันดำเนินต่อไปประมาณ 10 วินาที
คนที่ทำลายความเงียบนั้นคือ
“โอเค!!!”
เขาคือ PDซงมันวู
"เยี่ยม! ดีมาก! เก็บอารมณ์นั้นไว้แล้วไปที่เกิดเหตุฆาตกรรมจริงกันเลย!"
ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง ทีมงานเสริมและนักแสดงหลายสิบคนที่แออัดอยู่ในโซนถ่ายทำก็แยกย้ายกันไป ตุ๊กตาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ถูกนำออกไป ไฟบางดวงก็ถูกถอดออก ทีมงานเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กุญแจมือที่เคยใส่เต็มมือของคังวูจินก็ถูกถอดออก แน่นอนว่าชุดก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน
ตอนนี้คังวูจินสวมใส่เสื้อกันลมสีดำ รูดซิปขึ้นไปจนถึงคอและสวมหมวก
ทันใดนั้นบริเวณกองถ่ายทำก็โล่ง และแสงไฟหรี่ลงมันส่งกลิ่นอายอันน่าขนลุก หญิงสาวในวัย 50 ที่มีผมหยักศกเดินเข้ามา เธอเป็นเพียงตัวประกอบและข้างหลังเธอ...
-ซู่
คังวูจินที่ดูสงบก็ยืนอยู่ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะถ่ายทำฉากที่แท้จริงของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว คังวูจินกระซิบข้างหูตัวประกอบหญิง
“ผมขอโทษนะครับ”
“...อะไรนะคะ?”
“เปล่าครับ เพราะฉากมันอาจดูรุนแรงไปหน่อย”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันก็แค่การแสดง ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะคะ?”
“ผมจะทำให้มันเสร็จภายในเทคเดียวเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
นักแสดงหญิงตัวประกอบเตรียมพร้อม ในตอนนั้นเอง
“เตรียมตัว-แอคชั่น!”
สัญญาณของ PDซงมันวูถูกส่งมา รองหัวหน้าพัคก็คว้าด้านหลังศีรษะของผู้หญิงที่ดัดผมอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ลากเธอ หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกรีดร้อง
“กรี๊ดดดด!”
เสียงกรี๊ดนั้นทำให้รองหัวหน้าพัคเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมกับอ้าปาก
"ฮ่าฮ่ะ ๆ "
มันเป็นเพราะเขารู้สึกถึงจุดสุดยอดโดยไม่รู้ตัว เมื่อตัณหาและ ความปรารถนาบรรลุผล ความปีติยินดี ความเบิกบาน ไม่ว่าจะเป็นคำอะไร รอยยิ้มที่แท้จริงที่ไม่ใช่การฝึกฝนนี้ก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขา
รองหัวหน้าพัคกำลังจับผมของเธอ กระซิบข้างหูเธอ
“ผมชอบมันนะครับคุณนาย ผมชอบมันจริง ๆ”
“ช่วย... ช่วยฉันด้วย... ช่วยฉันด้วย”
“คุณนายคิดว่าคุณจะตายวันนี้เหรอครับ?”
ริมฝีปากของรองหัวหน้าพัคสั่น มันเป็นอาการกระตุกที่เกิดจากความสุข เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาจะเลิกมันได้อย่างไร? เสพติด รองหัวหน้าพัคเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า แต่เขากลับเสพติดการฆ่าคน
ตอนนี้ใบหน้าของรองหัวหน้าพัคเต็มไปด้วยสีหน้าแบบนั้น
ความตื่นเต้นทวีความรุนแรงขึ้น รูม่านตาสีดำเบิกกว้างและลมหายใจของเขาก็เร็วขึ้น ริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มไม่มีทีท่าที่จะลดลงเลย เมื่อมาถึงจุดนี้ กล้องหลักจะซูมเข้าไปเพื่อดูภาพระยะใกล้ของหญิงสาว ส่วนรองหัวหน้าพัคที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอตัวสั่นเล็กน้อยเพื่อความสมจริง
แต่รองหัวหน้าพัคไม่สนใจอะไรเลย
-โครม!
เขากระแทกผู้หญิงคนนั้นลงกับพื้น กล้องตามไปติด ๆ ผู้หญิงคนนั้นดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังนั้นเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“คฮึก! อย่า... อย่าทำ! ช่วยฉันด้วย! ช่วยฉันด้วย!!”
จากนั้นรองหัวหน้าพัคก็หยิบเชือกสีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันลม เขาโน้มตัวลง พันเชือกไปรอบคอของเธอ
ทำทุกอย่างบรรจงยิ่ง ราวกับมอบช่วงเวลาอันมีค่าให้ผู้หญิงคนนั้นได้สัมผัสกับเงื้อมมือมัจจุราชที่คืบคลานเข้ามา
กล้องถ่ายภาพเลื่อนมาที่ด้านข้างของรองหัวหน้าพัคขณะที่เขากำลังมัดเชือก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดี รองหัวหน้าพัคดูเหมือนเด็กที่มีของขวัญอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเขาดูแตกต่างออกไปจากสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นเชิง ความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากช่องว่างนั้นยากที่จะบรรยายด้วยคำพูด
ด้วยเหตุนี้
“พระเจ้า…”
ฮงฮเยยอนที่กำลังเฝ้าดูรองหัวหน้าพัคอยู่บนจอภาพถึงกับเอามือปิดปาก
‘มันไม่ใช่การฆาตกรรมจริงใช่ไหม? ทำไมมันดูสมจริงมากขนาดนี้?'
มันไม่ใช่ความชื่นชม แต่มันใกล้เคียงกับความกลัวมากกว่า รยูจองมินเองก็กัดฟันกรามอย่างเงียบ ๆ
‘ถ้าฉันทำมัน… ไม่สิ สงสัยฉันคงทำไม่ได้แบบนั้นแน่ มันน่ากลัวเกินไป ระดับความอินมันน่ากลัวเกินไปแล้ว’
ขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าดูรองหัวหน้าพัค ไม่ว่านักแสดงคนไหนก็ต่างรู้สึกชื่นชม มันน่าทึ่งมาก เพราะสิ่งที่พวกเขากำลังเห็นนั้นแยกไม่ออกจากความเป็นจริงเลย
ซึ่งPDซงมันวูที่ยืนนิ่งอยู่โดยที่ใบหน้าแนบติดกับจอภาพ เขาก็สบถคำหยาบออกมา
“เชี่ย…ต้องแบบนี้สิ”
การกระทำของเขามันรุนแรงมาก ซึ่งในฐานะผู้กำกับ เขาก็กำลังทึ่งกับภาพที่เห็นตรงหน้า ส่วนใบหน้าของนักแสดงประกอบและทีมงานที่มุงดูต่างพากันตกตะลึง บางคนอ้าปากค้างเล็กน้อย ขมวดคิ้วและหันศีรษะหนี
เพราะมันดูโหดร้ายมาก
แต่ความพึงพอใจของรองหัวหน้าพัคก็ไม่หยุดลง เขาลากผู้หญิงที่เขาผูกคอไว้
-ครืดด ครืดด
ใบหน้าของเขาดูเหมือนกำลังพาสัตว์เลี้ยงเดิน เสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังคงดำเนินต่อไป
“อ๊าห์! คฮึก! ฉันหายใจไม่ออก! ช่วยด้วย”
ยิ่งเธอทำเช่นนั้น เสียงก้าวเดินของรองหัวหน้าพัคก็ยิ่งเบาลง
ตอนนี้เอง
-คว้บ ควับ
กล้องถ่ายภาพซูมเข้าไปที่ใบหน้าของรองหัวหน้าพัค รองหัวหน้าพัคก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผู้หญิงที่ดิ้นรนอยู่บนพื้น
ท่าทางของเขากลายเป็นไร้อารมณ์อย่างกะทันหัน
“เสียดายจริง ๆ เสียงกรี๊ดของคุณเบาไปหน่อยนะ มันยังไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่เลยนิ?”
หญิงสาวที่สบตากับรองหัวหน้าพัคมือและเท้าสั่นเทา
“······อ่า”
มันไม่ใช่การแสดงเลยสักนิดเดียว
*****