ตอนที่แล้วบทที่ 41 ความเร็ว (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 การฉายภาพ (1)

บทที่ 42 ความเร็ว (4)


[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]

[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]

[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]

บทที่ 42 ความเร็ว (4)

คังวูจินเดินไปยังกองถ่ายหลัก ขณะที่กำลังจะเข้าฉาก เขาได้ยินเสียงสนทนาระหว่าง PDซงมันวูกับทีม VFX ซึ่งมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย เขาจึงคิดในใจ

‘อ้าว? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ดูเหมือนเป็นเรื่องจริงจังแฮะ'

ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจมากนัก ถึงแม้จะไม่อยากฟัง แต่เขาก็ยังได้ยินบทสนทนาของชาวต่างชาติ แม้แต่ภาษาอังกฤษที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต เขากลับเข้าใจได้อย่างลื่นไหลและง่ายดาย

'อ๋อ เข้าใจแล้ว พวกเขากำลังคุยกันเรื่องนั้นสินะ ว้าว แต่นี่มันเจ๋งจริง ๆ เลยแฮะ? ภาษาอังกฤษน่าสนใจชะมัด’

คังวูจินตอนนี้รู้สึกสนใจที่จะฟังบทสนทนามากขึ้น เขาจึงเดินเข้าไปฟังใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนมันจะมีอะไรผิดพลาดในการสื่อสารอยู่

'อืม... ควรจะแก้ไขตรงนั้นไหมนะ?'

เพราะเขาเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นรองหัวหน้าพัค มันเลยทำให้เขารู้สึกขัดใจ

'ฉันควรจะเข้าไปยุ่งดีไหม?'

นั่นแหละคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

'ยังไงสักวันฉันก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ถ้างั้นเริ่มตอนนี้เลยก็ได้'

จริง ๆ แล้วตั้งแต่เขาได้รับทักษะทางด้านภาษา เขาก็อยากจะลองใช้มันสักครั้ง เพื่อทดลองดู ดังนั้นคังวูจินจึงเดินเข้าไปคุย โดยมีชาวต่างชาติหัวโล้นที่ค่อนข้างจริงจังจากทีม VFX เป็นเป้าหมาย ชายต่างชาติหัวโล้นรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อคังวูจินอธิบายบางสิ่งเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว

คังวูจินก็ไม่ลืมที่จะแนะนำตัวเองในตอนท้าย

“อ๋อ ผมเองแหละครับ นักแสดงที่รับบทบาทนั้น”

ชาวต่างชาติเข้าใจภาษาอังกฤษของเขาไหมนะ? คังวูจินเก็บอาการไว้ แต่ข้างในเขากำลังดีใจจนตัวลอย เทิดทูนกับการที่สามารถสนทนากับชาวต่างชาติได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้เอง

".......อะไรนะ?"

“???”

หลังจากคังวูจินปรากฏตัวและพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว คนที่มุงอยู่รอบ ๆ เขาก็เบิกตาโต ซึ่งรวมถึงทีมงานและนักแสดงอีกหลายสิบคนด้วย จุดสนใจอยู่ที่คังวูจิน แต่เขาก็เดินเข้าไปหาชาวต่างชาติหัวล้านอีกก้าวหนึ่ง และยังคงอธิบายเป็นภาษาอังกฤษต่อไป เนื่องจากเขากำลังพูดคุยกันอยู่

น้ำเสียงของเขายังคงเรียบ ๆ

“โลกที่เปลี่ยนสีสันนั้น เพื่อสื่อถึงความไร้เดียงสาที่บิดเบี้ยวของตัวละคร เหมือนการรับรู้ว่าสัตว์และผู้คนไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียงแค่สีสันเท่านั้น เป็นการบอกว่าตัวละครตัวนี้จะปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นวัตถุ”

ไม่มีคำพูดไหนที่เขาลังเลเลย ชาวต่างชาติหัวล้านซึ่งตอนนี้รู้สึกประหลาดใจมากขึ้น จึงถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างเก้อเขิน

“...แล้วส่วนที่ช่วงเหมือนกับพุถูกจุดล่ะ?”

“ก็ทำให้เหมือนเทพนิยายที่แสดงถึงความโหดร้ายเลยครับ ลองนึกภาพเด็กคนหนึ่งเห็นเลือดพุ่งออกมาจากคอตอนที่บางอย่างถูกฆ่าตาย แต่เอาเป็นเลือดพุ่งออกมาเป็นดอกไม้ไฟสีแดงแทน”

“ผมเข้าใจแล้ว เป็นความไร้เดียงสาที่น่าสยดสยองนี้เอง”

“ถูกต้องครับ ตัวละครนี้มีโลกทัศน์และจิตวิทยาอันผิดแปลกของตัวเอง เขามีมุมมองที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้เลย”

“คงจำเป็นต้องเน้นสินะครับ”

“ถ้าเพิ่มการไล่ระดับสีลงไปในสี มันก็น่าจะโอเคแล้ว มันคงจะสังเกตได้ง่ายและทำให้ผู้ดูเข้าใจได้ดีกว่า”

ความรู้ด้านการออกแบบของคังวูจินถูกนำรวมไว้ในการสนทนา บทสนทนาของพวกเขาดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าชาวอเมริกันสองคนกำลังคุยกันอย่างสบาย ๆ ซึ่งทั้งคังวูจินและชาวต่างชาติหัวล้านก็ยังคงสนทนากันต่อไปอย่างไม่มีอะไรนัก ทว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นกลับไม่สงบเลย

มันเริ่มต้นจากทีมงานรอบ ๆ พวกเขาหลายสิบคนที่เบิกตากว้าง

"อะไรกัน? ทำไมคังวูจินถึงเก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น? พูดได้เก่งเหมือนเจ้าของภาษาเลยนี่นา?”

“······เจ๋งมาก ไม่สิ มันสุดยอดไปเลย สำเนียงภาษาอังกฤษของคังวูจินนี่สุดยอดมาก”

“นั่นมัน...ไม่ใช่สิ่งที่จะเก่งได้แค่เรียนรู้หรอกใช่ไหม? เขาเคยไปอยู่อเมริกาหรือเปล่า? เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเลยนะ แถมยังพูดออกมาแบบไม่ลังเล ดูเหมือนเขาไม่ได้นึกคำศัพท์ในหัวด้วยซ้ำ”

“ว้าว เขาพูดภาษาอังกฤษได้อย่างสบาย ๆ ด้วยหน้าเรียบเฉยเลย แถมสำเนียงยังดีอีกด้วยนะ...เจ๋งไปเลย”

ทีมงานต่างพากันกระซิบไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่า PDซงมันวูที่ยืนอยู่ข้างคังวูจินก็หัวเราะแห้ง ๆ ออกมานิดหน่อย

'ว่าแล้วเชียว ฉันเดาไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขาต้องไปเรียนที่ต่างประเทศมาแน่ ๆ สำเนียงแบบเจ้าของภาษานั้นเหมือนกับคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเลย ไม่สิ เป็นแบบนั้นแน่’

นักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอนก็ตกใจไม่แพ้กัน

“·····นั่นไงล่ะ ฉันรู้แล้วเชียวว่าเขาต้องเคยอยู่ต่างประเทศ”

"อะไรนะ? ฮงฮเยยอน คุณรู้อะไรมางั้นเหรอ??"

"เปล่า"

“อ๋อ ตอนแรกมีข่าวลือว่าคุณคังวูจินได้รับการศึกษาจากต่างประเทศไม่ใช่เหรอ? เพราะงี้สินะเลยมีข่าวลือแบบที่ว่า? เขานี้เหมือนกับหัวหอมจริง ๆ ไม่ว่าจะแกะกี่ชั้น ก็มีอะไรใหม่ ๆ ออกมาเสมอ”

“ว้าว เขาฝึกฝนกับฮอลลีวูดก่อนมาแสดงที่นี่ครั้งแรกหรือเปล่านะ?”

“พี่คิดว่าจะประสบความสำเร็จในระดับนั้นได้ด้วยการเรียนแค่ไม่กี่ปีเหรอ? มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ สิบปีขึ้นไปแน่ ๆ ฉันคิดว่าเขาเคยอยู่ต่างประเทศแน่ เขาคุยกับชาวต่างชาติได้คล่องขนาดนั้นเลยนะ ดูสิ”

แม้ว่าคังวูจินจะคุยกับชาวต่างชาติหัวโล้นอย่างใจเย็น แต่ความตื่นเต้นและความเข้าใจผิดรอบตัวเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือซีอีโอชเวซองกุนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

‘บ้าไปแล้ว...งั้นเขาก็เคยอยู่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษสินะ แล้วทำไมเขาถึงปิดบังเรื่องนี้ล่ะ?  หรือเขาแค่ไม่อยากพูดถึงมัน? งั้นภาษาญี่ปุ่นล่ะ? ทำไมเขาถึงขอบทภาพยนตร์ญี่ปุ่น? เขาพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นหรือเปล่า?’

นักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดเขามีทักษะภาษาอังกฤษในระดับเจ้าของภาษา สังกัดไหนจะไม่ชอบกันล่ะ? แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้ทำให้ตัวตนของคังวูจินยิ่งกลายเป็นปริศนาไปอีก

“ถ้าตอนนี้เขาไปฮอลลีวู้ด มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย”

ณ จุดนี้เอง ซีอีโอชเวซองกุนก็รู้สึกขนลุก ทีมงานคนอื่น ๆ ยืนอยู่สองข้างตัวเขา นั่นคือจางซูฮวานผู้จัดการฝ่ายโลเคชั่น และฮันแยจุงผู้เป็นสไตลิสต์

“อะไรกันเนี่ย? คุณคังวูจินเป็นคนอเมริกันเหรอครับ?!”

“หากไม่ใช่แบบนั้นก็เป็นไปไม่ได้หรอก ขนาดไอดอลบางคนยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ได้อยู่อเมริกา หรือว่าคุณคังวูจินจะเกิดมาพร้อมสวรรค์กันแน่?”

ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ บทสนทนาภาษาอังกฤษของคังวูจินก็ยังคงดำเนินต่อไป

“ถ้าคุณรู้สึกถึงความตื่นเต้น โลกก็จะเปลี่ยนสี คิดให้เป็นแบบนั้นก็ได้ครับ”

"โอ้! ขอบคุณครับ มันช่วยได้เยอะเลยกับการจินตนาการ”

ภายในใจคังวูจินมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาไม่สนใจความเข้าใจผิดรอบตัวเขาเลย

‘มันได้ผลเหรอ? ก็ต้องได้ผลแน่นอนอยู่แล้วสิ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คุยกับชาวต่างชาติ มันน่าตื่นเต้นและน่าทึ่งเหลือเกิน'

มีผู้ชายลงพุงใส่แมสก์อยู่คนหนึ่ง กำลังเฝ้าดูสถานการณ์นี้จากระยะไกล เขาคือผู้กำกับควอนกีแท็ก ผู้ที่ติดเชื้อความเข้าใจผิดมาจากPDซงมันวู และเขาแอบเข้ามาเพราะเขามีธุระสำคัญกับคังวูจินในวันนี้

‘PDซงม้นวูพูดถูก เขาบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มาจากต่างประเทศ ยิ่งรู้เรื่องเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูลึกลับมากขึ้นเท่านั้น'

จํานวนผู้ติดเชื้อจากความเข้าใจผิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลายสิบนาทีต่อมา

ฉากจำลองเหตุการณ์สำหรับทำรูปคดี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักข่าว และผู้คนที่มุงดูหลายสิบคน มารวมตัวกันที่การถ่ายทำตรงบริเวณที่มีตุ๊กตาตั้งอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นตัวประกอบ มีคนมากกว่า 30 คน ครึ่งหนึ่งดูจริงจังมากเพราะพวกเขาเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง

ส่วนที่เหลือเป็นแค่คนมาทำงานพาร์ทไทม์

พวกเขาทั้งหมดต่างก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ มองไปที่นักแสดงที่กำลังรับบทเป็น 'รองหัวหน้าพัค' หรือก็คือคังวูจิน

"ฉันเห็นนักแสดงคนนั้นเมื่อกี้ เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษาเลยนะ"

"ใช่ ฉันก็เห็นเหมือนกัน เขาเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหรือเปล่า?"

"อาจจะใช่ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ไหม?"

ไม่ว่าจะยังไง คังวูจินที่สวมกุญแจมืออยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย

“······”

เขาเดินเข้ามาอย่างเฉยเมย เขาเข้าไปปะปนกับฝูงชน ในไม่ช้าเขาก็เข้าไปรวมกลุ่มกับรยูจองมินและคนอื่น ๆ

'ฉันควรจะถามเรื่องภาษาอังกฤษดีไหม...? ไม่สิ เขาบอกว่าเขามีเหตุผลของเขา มันอาจจะละเอียดอ่อนไปหน่อยสินะ? ดูจากสีหน้าของเขา เขาดูเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์อยู่'

ฮงฮเยยอนที่รวบผมขึ้นก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

'ฉันอยากรู้! ฉันอยากรู้! เฮ้อ-ฉันเข้าใจว่าแหละมันมีเหตุผลบางอย่าง แต่อย่างน้อยฉันก็ขอถามได้ไหมว่าเขาไปอยู่ต่างประเทศที่ไหนมา? มันจะมากเกินไปหรือเปล่า?'

นักแสดงที่เตรียมพร้อมสำหรับฉากต่างก็เหลือบมองไปที่คังวูจิน แต่ใบหน้านิ่งเฉยของคังวูจินนั้นจริงจังเกินไป ซึ่งที่จริงแล้ว คังวูจินกำลังหัวเราะในใจอยู่ต่างหาก

'ดี ดีจังเลย อา ฉันจะลองภาษาญี่ปุ่นได้ที่ไหนกันนะ?'

จากนั้นเอง

"คุณคังวูจิน"

จางแทซัน ผู้ที่มีบุคลิกภาพร่าเริงตามปกติได้ถามคังวูจินตรง ๆ โดยไม่รู้ถึงสถานการณ์โดยรอบที่เข้าใจผิดนี้เลย

"คุณเคยไปอยู่สหรัฐหรือเปล่าครับ? ภาษาอังกฤษของคุณดีมากเลยนะ"

ในเวลาเดียวกัน

"พี่คะ"

ฮงฮเยยอนหรี่ตาลง เธอปิดปากเขาและดึงเขากลับไป

"บางคนมีบางอย่างที่พวกเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ คิดด้วยสิค่ะ"

“หา? ฉันทำอะไรลงไปเหรอ? แค่ถามมันผิดด้วยเหรอ?”

"ชู่ว..."

จากนั้นจากด้านหลังที่มีทีมงานหลายสิบคนรวมตัวกัน PDซงมันวูก็ตะโกนออกมา

"เตรียมกล้อง!!"

สัญญาณว่าพวกเขากําลังจะเริ่มถ่ายทําเริ่มขึ้น ขอบคุณเลยที่มาได้เวลาพอดี กล้องและไฟต่าง ๆ ก็เข้าที่ คังวูจินที่สวมกุญแจมืออยู่ก็สะบัดความคิดที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษออกไปด้วยเช่นกัน สายตาเขามองไปยังตุ๊กตารูปร่างคน

'อึก รู้สึกแปลก ๆ อยู่นิดหน่อยแฮะ'

มันเป็นฉากที่อึดอัดพอสมควร เขาได้เตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่พอถึงเวลามันก็ยังรู้สึกแย่

แน่นอนว่าเขาได้อ่านบทละครล่วงหน้าและวิเคราะห์มันหลายครั้ง หลังจากนั้น ด้วยความมุ่งมั่น เขาได้เข้าไปในมิติว่างเปล่าและสัมผัสกับมัน ซึ่งหลังจากผ่านประสบการณ์มา คังวูจินก็แทบอาเจียน ถึงแม้จะเป็นการแสดง แต่มันก็ยังสดใหม่และตรึงตราอย่างชัดเจน

มันเหมือนคังวูจินฆาตกรรม เขาได้ฆ่าใครบางคนในโลกของบทละคร

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมิติว่างเปล่า เขาอ่านประสบการณ์ซ้ำ ๆ มันไม่ใช่ชีวิตของคังวูจิน แต่เป็นชีวิตของรองหัวหน้าพัค ทว่ามันก็ไม่มีอะไรต่างไปจากคังวูจินลงมือด้วยตัวเอง มันคือการแสดง แค่การแสดง แต่คังวูจินฆ่าใครบางคนไป มันเป็นโลกของมิติว่างเปล่า ถึงกระนั้นมันกลับรู้สึกเหมือนจริง เป็นของจริงเหมือนโลกแห่งความเป็นจริง

คังวูจินเคยเห็นความตาย เคยเห็นความตายและยังฆ่าคนอีกด้วย

แม้ว่าเขาจะทำแค่สองงาน แต่คังวูจินก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความตายเสียแล้ว ใช่ สำหรับนักแสดงคนอื่น แค่การวิเคราะห์ ปั้นตัวละครและจินตนาการก็สร้างความเครียดได้มากมาย คังวูจินพอจะรู้เรื่องนี้อยู่

'ดูเหมือนว่าฉันจะสัมผัสแค่ประสบการณ์แค่ดี ๆ ไม่ได้สินะ'

ตรงกันข้ามกับความสามารถอันน่าสะพรึงของมิติว่างเปล่า คังวูจินต้องฟันฝ่าสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน มันอาจจะดูวิเศษ แต่มันอาจจะเหมือนนรกได้เช่นกัน อาจจะมองได้ว่าเป็นบทลงโทษของการใช้มิติว่างเปล่าก็ว่าได้

'พอมองย้อนกลับไปในอดีต...ทั้งเรื่องความเข้าใจผิดที่เริ่มต้นด้วยความบังเอิญนั้นและอะไรมากมาย ดูเหมือนมันจะเป็นการช่วยเหลือฉันกลาย ๆ เลยสินะ'

ความเข้าใจผิดและการตีความที่ผิดพลาดของคนอื่น มันได้กลายเป็นตัวตนของคังวูจิน ไม่ใช่บทบาทในบทละคร มันกลายเป็นความเย็นชาของตัวเขา คล้ายตะโกนบอกว่าเขามีตัวตนอยู่ในทุกช่วงเวลา

ทั้งสองอย่างกลายเป็นโล่ที่แข็งแกร่งสำหรับเขา

สิ่งที่ทำให้คังวูจินมีตัวตนอยู่เป็นคังวูจิน มันก็คือความเข้าใจผิดและความคิดพวกนั้น มันอาจฟังดูไร้สาระ แต่สองสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาย้อนกลับไปมองตัวเองอยู่เรื่อย ๆ คังวูจินลอบยิ้มอยู่ในใจราวกับว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ ในขณะเดียวกัน เขาก็ตัดสินใจที่จะรักตัวเองให้มากขึ้น

'ทำไมต้องสนอะไรเรื่องพวกนั้นด้วย? สิ่งที่ฉันสัมผัสมันก็แค่ประสบการณ์ในบทละคร ไม่ใช่ของจริงสักหน่อย'

ทันใดนั้น

-ติ๊ด

หลังจากทีมงานเรียกหมายเลขฉากและตบสเลท เสียงคิวของ PDซงมันวูก็ดังขึ้นผ่านลำโพง

“เตรียมตัว! แอคชั่น!”

ในเวลาเดียวกัน นักข่าวที่ถูกรายล้อมด้วยตำรวจต่างกดแฟลชกล้องถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือ รองหัวหน้าพัค ผู้คนที่มุงดูต่างตะโกนด่าทอรองหัวหน้าพัค

“ไอ้สวะ!! ตายซะ!”

"ไอ้ปรสิต!!"

"ตายซะ!! ไปตาย ไปลงนรกซะ!!”

“ประหารมัน!!”

แต่

“······”

รองหัวหน้าพัคถูกใส่กุญแจมือกลับมองพวกเขาอย่างใจเย็น ไม่สิ เขาอมยิ้มอยู่หรือเปล่า?  มุมปากของเขามีรอยกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาอดกลั้นเสียงหัวเราะเบา ๆ ไม่ไหว

"ฮึ ฮึ"

เป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ เหมือนเป็นการเยาะเย้ย คนมุงยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น แสงแฟลชของกล้องก็รุนแรงขึ้น ในขณะนี้เอง ฮงฮเยยอนหรือเรียกว่านักสืบจองยอนฮีผลักหลังรองหัวหน้าพัคไป

"อย่าทำตัวยุ่งยาก ประพฤติตัวให้ดีหน่อย"

รองหัวหน้าพัคหันไปมองจองยอนฮี เขาสูดกลิ่นอากาศ กลิ่นอับชื้นเข้ามาเต็มจมูก

"คุณหอมดีนะครับ คุณนักสืบ"

“...อะไรนะ?”

"เหงื่อไง คุณใส่เสื้อผ้าตัวเดียวกับเมื่อวันก่อน คุณไม่ได้กลับบ้านเหรอ?"

"หุบปากซะ แค่ทำในสิ่งที่นายต้องทำไปเถอะ"

"ครับ ผมจะทำให้ถูกต้องทุกระเบียบนิ้วเลย"

แววตาที่ดูมีชีวิตชีวาของรองหัวหน้าพัคช่างน่าขนลุกและว่างเปล่า แต่ริมฝีปากของเขากลับเผยรอยยิ้มเล็กน้อย คงมีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ดูสนุกสนานบนใบหน้าของเขา ในไม่ช้า รองหัวหน้าพัคก็หยิบสายไฟสีแดงที่วางอยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมา

ฟื้ด

ทุกอย่างช้ามาก รองหัวหน้าพัคก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มุ่งหน้าไปทางตุ๊กตาที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็เตะตุ๊กตาเบา ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ

"ห่วยชะมัดยาก"

เขาแสดงท่าทางการฆาตกรรมในอดีตที่เขาเคยก่อไว้อย่างใจเย็น โดยการเอาเชือกคล้องคอตุ๊กตาแล้วดึงจากด้านหลัง มันไม่รุนแรง มันอ่อนโยน ตลอดเวลาสายตาของรองหัวหน้าพัคจับจ้องไปที่ยูจีฮยองที่ไขว้แขนอยู่ข้างหน้า รองหัวหน้าพัคเอียงศีรษะเล็กน้อย

ในขณะที่เขากดเชือกรอบคอของตุ๊กตา เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือยูจีฮยอง

ความสนใจทั้งหมดของรองหัวหน้าพัคถูกโยนไปที่ยูจีฮยอง ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบีบคออยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงการล้อเล่นเบา ๆ จากรองหัวหน้าพัค ยูจีฮยองยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้กับรองหัวหน้าพัค

จากนั้นเอง

ฉึบ!

อาจเป็นเพราะเขาออกแรงมากเกินไป  เชือกที่รองหัวหน้าพัคดึงนั้นถึงขาดสะบั้น! จากนั้นรองหัวหน้าพัคก็ลูบไล้ใบหน้าของตุ๊กตาที่เขากำลังบีบคอเบา ๆ เมื่อปัดแก้มของตุ๊กตาอย่างรวดเร็ว รองหัวหน้าพัคจึงยักไหล่อย่างสบาย ๆ พร้อมจ้องมองไปที่ยูจีฮยอง

"คนเราไม่ตายจากอะไรที่อ่อนแอขนาดนี้นะครับ เอามาใหม่ให้หน่อย"

ความเงียบงันดำเนินต่อไปประมาณ 10 วินาที

คนที่ทำลายความเงียบนั้นคือ

“โอเค!!!”

เขาคือ PDซงมันวู

"เยี่ยม! ดีมาก! เก็บอารมณ์นั้นไว้แล้วไปที่เกิดเหตุฆาตกรรมจริงกันเลย!"

ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง ทีมงานเสริมและนักแสดงหลายสิบคนที่แออัดอยู่ในโซนถ่ายทำก็แยกย้ายกันไป ตุ๊กตาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ถูกนำออกไป ไฟบางดวงก็ถูกถอดออก ทีมงานเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กุญแจมือที่เคยใส่เต็มมือของคังวูจินก็ถูกถอดออก แน่นอนว่าชุดก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน

ตอนนี้คังวูจินสวมใส่เสื้อกันลมสีดำ รูดซิปขึ้นไปจนถึงคอและสวมหมวก

ทันใดนั้นบริเวณกองถ่ายทำก็โล่ง และแสงไฟหรี่ลงมันส่งกลิ่นอายอันน่าขนลุก หญิงสาวในวัย 50 ที่มีผมหยักศกเดินเข้ามา เธอเป็นเพียงตัวประกอบและข้างหลังเธอ...

-ซู่

คังวูจินที่ดูสงบก็ยืนอยู่ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะถ่ายทำฉากที่แท้จริงของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว คังวูจินกระซิบข้างหูตัวประกอบหญิง

“ผมขอโทษนะครับ”

“...อะไรนะคะ?”

“เปล่าครับ เพราะฉากมันอาจดูรุนแรงไปหน่อย”

“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันก็แค่การแสดง ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะคะ?”

“ผมจะทำให้มันเสร็จภายในเทคเดียวเลยครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

นักแสดงหญิงตัวประกอบเตรียมพร้อม ในตอนนั้นเอง

“เตรียมตัว-แอคชั่น!”

สัญญาณของ PDซงมันวูถูกส่งมา รองหัวหน้าพัคก็คว้าด้านหลังศีรษะของผู้หญิงที่ดัดผมอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ลากเธอ หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกรีดร้อง

“กรี๊ดดดด!”

เสียงกรี๊ดนั้นทำให้รองหัวหน้าพัคเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมกับอ้าปาก

"ฮ่าฮ่ะ ๆ "

มันเป็นเพราะเขารู้สึกถึงจุดสุดยอดโดยไม่รู้ตัว เมื่อตัณหาและ ความปรารถนาบรรลุผล   ความปีติยินดี ความเบิกบาน ไม่ว่าจะเป็นคำอะไร รอยยิ้มที่แท้จริงที่ไม่ใช่การฝึกฝนนี้ก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขา

รองหัวหน้าพัคกำลังจับผมของเธอ กระซิบข้างหูเธอ

“ผมชอบมันนะครับคุณนาย ผมชอบมันจริง ๆ”

“ช่วย... ช่วยฉันด้วย... ช่วยฉันด้วย”

“คุณนายคิดว่าคุณจะตายวันนี้เหรอครับ?”

ริมฝีปากของรองหัวหน้าพัคสั่น มันเป็นอาการกระตุกที่เกิดจากความสุข เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาจะเลิกมันได้อย่างไร? เสพติด รองหัวหน้าพัคเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า แต่เขากลับเสพติดการฆ่าคน

ตอนนี้ใบหน้าของรองหัวหน้าพัคเต็มไปด้วยสีหน้าแบบนั้น

ความตื่นเต้นทวีความรุนแรงขึ้น รูม่านตาสีดำเบิกกว้างและลมหายใจของเขาก็เร็วขึ้น ริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มไม่มีทีท่าที่จะลดลงเลย เมื่อมาถึงจุดนี้ กล้องหลักจะซูมเข้าไปเพื่อดูภาพระยะใกล้ของหญิงสาว ส่วนรองหัวหน้าพัคที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอตัวสั่นเล็กน้อยเพื่อความสมจริง

แต่รองหัวหน้าพัคไม่สนใจอะไรเลย

-โครม!

เขากระแทกผู้หญิงคนนั้นลงกับพื้น กล้องตามไปติด ๆ ผู้หญิงคนนั้นดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังนั้นเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

“คฮึก! อย่า... อย่าทำ! ช่วยฉันด้วย! ช่วยฉันด้วย!!”

จากนั้นรองหัวหน้าพัคก็หยิบเชือกสีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันลม เขาโน้มตัวลง พันเชือกไปรอบคอของเธอ

ทำทุกอย่างบรรจงยิ่ง ราวกับมอบช่วงเวลาอันมีค่าให้ผู้หญิงคนนั้นได้สัมผัสกับเงื้อมมือมัจจุราชที่คืบคลานเข้ามา

กล้องถ่ายภาพเลื่อนมาที่ด้านข้างของรองหัวหน้าพัคขณะที่เขากำลังมัดเชือก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดี รองหัวหน้าพัคดูเหมือนเด็กที่มีของขวัญอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเขาดูแตกต่างออกไปจากสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นเชิง ความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากช่องว่างนั้นยากที่จะบรรยายด้วยคำพูด

ด้วยเหตุนี้

“พระเจ้า…”

ฮงฮเยยอนที่กำลังเฝ้าดูรองหัวหน้าพัคอยู่บนจอภาพถึงกับเอามือปิดปาก

‘มันไม่ใช่การฆาตกรรมจริงใช่ไหม? ทำไมมันดูสมจริงมากขนาดนี้?'

มันไม่ใช่ความชื่นชม แต่มันใกล้เคียงกับความกลัวมากกว่า รยูจองมินเองก็กัดฟันกรามอย่างเงียบ ๆ

‘ถ้าฉันทำมัน… ไม่สิ สงสัยฉันคงทำไม่ได้แบบนั้นแน่ มันน่ากลัวเกินไป ระดับความอินมันน่ากลัวเกินไปแล้ว’

ขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าดูรองหัวหน้าพัค ไม่ว่านักแสดงคนไหนก็ต่างรู้สึกชื่นชม มันน่าทึ่งมาก เพราะสิ่งที่พวกเขากำลังเห็นนั้นแยกไม่ออกจากความเป็นจริงเลย

ซึ่งPDซงมันวูที่ยืนนิ่งอยู่โดยที่ใบหน้าแนบติดกับจอภาพ เขาก็สบถคำหยาบออกมา

“เชี่ย…ต้องแบบนี้สิ”

การกระทำของเขามันรุนแรงมาก ซึ่งในฐานะผู้กำกับ เขาก็กำลังทึ่งกับภาพที่เห็นตรงหน้า ส่วนใบหน้าของนักแสดงประกอบและทีมงานที่มุงดูต่างพากันตกตะลึง บางคนอ้าปากค้างเล็กน้อย ขมวดคิ้วและหันศีรษะหนี

เพราะมันดูโหดร้ายมาก

แต่ความพึงพอใจของรองหัวหน้าพัคก็ไม่หยุดลง เขาลากผู้หญิงที่เขาผูกคอไว้

-ครืดด ครืดด

ใบหน้าของเขาดูเหมือนกำลังพาสัตว์เลี้ยงเดิน เสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังคงดำเนินต่อไป

“อ๊าห์!  คฮึก! ฉันหายใจไม่ออก! ช่วยด้วย”

ยิ่งเธอทำเช่นนั้น เสียงก้าวเดินของรองหัวหน้าพัคก็ยิ่งเบาลง

ตอนนี้เอง

-คว้บ ควับ

กล้องถ่ายภาพซูมเข้าไปที่ใบหน้าของรองหัวหน้าพัค รองหัวหน้าพัคก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผู้หญิงที่ดิ้นรนอยู่บนพื้น

ท่าทางของเขากลายเป็นไร้อารมณ์อย่างกะทันหัน

“เสียดายจริง ๆ เสียงกรี๊ดของคุณเบาไปหน่อยนะ มันยังไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่เลยนิ?”

หญิงสาวที่สบตากับรองหัวหน้าพัคมือและเท้าสั่นเทา

“······อ่า”

มันไม่ใช่การแสดงเลยสักนิดเดียว

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด