บทที่ 41 ความเร็ว (3)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 41 ความเร็ว (3)
ผู้กำกับชินดงชุนกำลังจะโทรหาคังวูจิน แต่ก็ลังเล
“······”
ดวงตาเขาแดงก่ำขณะที่เขาวางสายไป ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความเจ็บปวดและความยากลำบากหลายปีที่ผ่านมา เขาต้องอดทนกับการไม่เห็นคุณค่ามากแค่ไหน? เขาเคยประสบกับวันที่เลวร้ายมากมายแค่ไหน? ทว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายเหล่านั้นไม่ใช่ความล้มเหลว
เขาได้กับคังวูจินที่ปลายริมหน้าผา และการถ่ายทำหนังก็เสร็จสิ้นแล้ว
ฉากที่บรรดานักตัดต่อกอดกันมันดูสวยงามมากในสายตาของผู้กำกับชินดงชุน ถึงมันจะเป็นแค่หนังสั้น แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างรวบรัด มันต้องใช้ความพยายามมากกว่าหลายเท่าตัว
ผลลัพธ์ของความหลงใหลและเวลาที่ลงทุนไป
ไม่ว่างานนั้นจะหนักหนาแค่ไหน สั้นแค่ไหน หรือมีแง่การตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องแค่ไหน พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุข ณ จุดนี้เอง นักตัดต่อคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มแฉ่งและดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตามองไปทางผู้กำกับชินดงชุน
"ในความคิดของผม มันเป็นผลงานชิ้นเอกเลยล่ะครับ ผมคิดว่าเราสามารถพลิกโฉม ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง ได้จริง ๆ เป็นแน่!”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะงั้นเราจึงใช้เวลานานในการตัดต่อ ฉันพอใจแล้ว คุณคังวูจินก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน”
ยามนั้นเอง นักตัดต่ออีกคนหนึ่งได้เปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
“อ๋อ แต่ผมได้ยินมาว่า ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' น่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยตั้งแต่ปีนี้นะครับ?”
“อ่า เพราะว่ามีสปอนเซอร์เปลี่ยนเหรอ?”
“ถูกต้องครับ เห็นเขาว่าพอสปอนเซอร์เปลี่ยนไป ครั้งนี้เลยจะมีการจัดแบบยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก”
“ที่จริง ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ มันก็เป็นเทศกาลใหญ่ในแวดวงหนังสั้นและศิลปะอยู่แล้วนะ พวกเขาจะลงทุนเพิ่มอีกงั้นเหรอ?”
เมื่อคำถามนั้นออกมาจากาปากเขา ผู้กำกับชินดงชุนก็หัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ
"แต่ถึงมันจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะ 'สำนักงานนักสืบ' จะดึงดูดความสนใจพวกเขาได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะฉายที่ไหนก็ตาม"
“จริงครับ เพราะการแสดงของนักแสดงนำยอดเยี่ยมมากเลย”
คนตัดต่อหัวเราะและชี้ไปที่จอภาพ
“คุณผู้กำกับจะจัดรอบทดสอบหรือเปล่าครับ?”
“เราต้องทำอยู่แล้วสิ แต่นักแสดงนำสองคนกำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้ ดังนั้นผมเลยไม่แน่ใจว่าพวกเขามาได้ไหม…”
ผู้กำกับชินดงชุนที่กำลังพูดไม่จบก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็คิดว่าคังวูจินอาจจะกำลังถ่ายทำอยู่เลยเปลี่ยนเป็นโทรหาซีอีโอซเวซองกุนแทน
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นสั้น ๆ
"ครับ ผู้กํากับชิน"
ในไม่ช้า เสียงตอบรับของซีอีโอชเวซองกุนทางโทรศัพท์ดังขึ้น ผู้กำกับชินดงชุนจึงพูดอย่างหนักแน่น
“ซีอีโอชเวซองกุน พวกเราเพิ่งตัดต่อ ‘สำนักงานนักสืบ’ เสร็จ เราสามารถจัดรอบทดสอบฉายได้แล้วนะครับ”
“······ในที่สุด”
ซีอีโอชเวซองกุนเป็นตัวแทนของนักแสดงนำสองคนใน ‘สำนักงานนักสืบ’ อีกทั้งยังมีอีกฐานะหนึ่งคือนักลงทุน
“มาจัดกันเลยก็ได้ครับ กำหนดวันมาเลย”
“คังวูจินกับฮงฮเยยอนมาได้ไหมครับ?”
“ฮเยยอนงานยุ่งเต็มตัวกับการถ่ายทำ อาจจะมาได้ยาก ส่วนคังวูจินกำลังอยู่ในกองถ่าย เขาน่าจะมาได้ครับ”
ช่วงเวลานี้สำคัญมากสำหรับซีอีโอชเวซองกุน คนของทางปลายสายโทรศัพท์ก็เช่นกัน
“แต่ว่าผมคงจะต้องขอความเห็นของพวกเขาก่อน”
เช้าวันรุ่งขึ้นวันที่ 11 ที่สตูดิโออัดเสียง
ประมาณ 8 โมงเช้า เห็นคังวูจินเดินอยู่ในโถงทางเดินกับทีมผู้จัดการ รวมถึงซีอีโอชเวซองกุน เขาแต่งกายด้วยชุดฮู้ดธรรมดา สีหน้าเฉยเมย แต่ในใจรู้สึกประหม่าไม่น้อย
‘ฉันจะได้ไปดูหนังที่ตัวเองแสดงแล้ว’
ไม่นานจะมีการทดสอบฉายหนัง ‘สำนักงานนักสืบ’ โชคดีที่การถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ เลื่อนไปเป็นหลังอาหารกลางวันได้
ทันใดนั้น
-เอี๊ยด
ซีอีโอชเวซองกุนเปิดประตูหนาของสตูดิโอ ด้านในดูเหมือนห้องอัดเสียง มันไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป จอภาพหลายจอและแป้นพิมพ์ที่ไม่คุ้นเคย รวมถึงสิ่งของที่ดูแปลกประหลาดมากมายอยู่ที่นี่ เช่น หมวกกันน็อก ไม้เบสบอล และรองเท้าส้นสูงผู้หญิง
แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับงานเสียง แต่มันดูแปลกใหม่สำหรับคังวูจิน
ตอนนี้เอง
“อ้าว พวกคุณมาแล้วเหรอ?”
คนที่มาถึงสตูดิโอแต่เช้า รวมถึงผู้กำกับชินดงชุน ต่างก็เข้ามาทักทายทีมของคังวูจิน มีคนประมาณสิบกว่าคน ยกเว้นผู้กำกับชินดงชุน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคังวูจิน ส่วนทางด้านผู้กำกับชินดงชุนและซีอีโอชเวซองกุนก็ทักทายกันก่อน
“ยินดีด้วยครับผู้กำกับ ฮ่าฮ่า ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”
“คุณพูดอะไรอย่างนั้นล่ะ? ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนักลงทุนต่างหาก”
“โอ๊ย คุณทำให้ผมเขินเลย”
“อ๋อ คนนั้นคือหัวหน้าฝ่ายเสียง คุณเคยเจอคนนี้มาก่อนใช่ไหมล่ะครับ? เขาเป็นหัวหน้าบริษัทผู้ผลิต”
ผู้กำกับชินดงชุนแนะนำทุกคน หลังจากทักทายกันเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปหาคังวูจิน
"คุณคังวูจิน"
เขาดูเหมือนเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องคังวูจินมากกว่าสภาพร่างกายที่ยุ่งเหยิงของตนเองหลังจากช่วงตัดต่อเสียอีก
“หน้าคุณดูโทรมนะ การถ่ายทำมันคงโหดมากเลยใช่ไหม? คงเป็นงั้นสินะครับ อืม กองถ่ายของPDซงมันวูขึ้นชื่อเรื่องโหดหินเอาเรื่องเลย”
เป็นอะไรของเขากัน? คิดว่าฉันกำลังติดเกาะอยู่หรือไง? ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเป็นห่วงฉันหรอกนะ สำหรับคังวูจินแล้ว ดูเหมือนผู้กำกับชินดงชุนไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะเป็นห่วงคนอื่น สภาพเขาแย่กว่าอีก คังวูจินจึงถามเบา ๆ ไปว่า
“···คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ คุณผู้กำกับ?”
“หา? ผมเหรอ? อ๋อ ผมสบายดี แค่ไม่ได้นอนไม่ได้กินอะไรมาสองสามวัน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
คังวูจินเห็นใจเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น วงการบันเทิงน่ากลัวเหลือเกิน ตัวเขาเองก็กำลังเผชิญกับตารางงานที่เลวร้ายเหมือนกัน ตอนนั้นเอง ผู้กำกับชินดงชุนได้ชี้ไปที่เก้าอี้สำรองที่เขาจัดเตรียมไว้
“ไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันทีหลังและก็มาดูกันก่อนเถอะครับ อ่า ผมรู้สึกประหม่าจัง”
ในไม่ช้า ทุกคนเริ่มตั้งแต่คังวูจิน ต่างก็นั่งลง ในขณะเดียวกัน คังวูจินมองไปรอบ ๆ สตูดิโออัดเสียงโดยรอบ เขาเพิ่งรู้ว่าหนังเรื่องหนึ่งจะสร้างเสร็จในสถานที่แบบนี้เอง ทันใดนั้น ฉากต่าง ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่เขาถ่ายทำเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’ ก็แล่นผ่านความคิดเขาเหมือนภาพยนตร์
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
– พึบ พึบ!
ไฟในสตูดิโอดับลง ด้านในมืดมิดอย่างรวดเร็ว และความตึงเครียดของคังวูจินก็เพิ่มขึ้น เขากำลังจะดูหนังของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังสั้น แต่มันก็เป็นบทบาทนำเรื่องแรกในผลงานเรื่องแรกของเขา คังวูจินรู้สึกทั้งแปลกและเหมือนฝัน
‘…ไม่กี่เดือนที่แล้ว ฉันยังทำงานหนักอยู่ที่บริษัทออกแบบอยู่แล้ว’
ตอนนี้ เขาเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีที่จะได้ดูหนังของตัวเองในฐานะนักแสดงนำ มันรู้สึกเหมือนความฝัน แต่ก็เหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
ทันใดนั้นเอง
"เริ่มกันเลย”
ผู้ควบคุมเสียงที่นั่งอยู่กลางสถานีควบคุมได้กดอุปกรณ์ จากนั้นจอภาพที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหลายจอตรงหน้าเขาก็เปิดขึ้น
-♬♪
ได้ยินเสียงประกอบจังหวะหนักแน่นเป็นอันดับแรก และควันสีเทาค่อย ๆ ปรากฏบนหน้าจอมอนิเตอร์สีดำ ควันสีเทาจางหายไปเผยให้เห็นชื่อเรื่องเด่นชัด
-'สำนักงานนักสืบ'
ทันทีที่ชื่อเรื่องที่อยู่บนหน้าจอนานประมาณ 5 วินาทีหายไป เสียงบางอย่างได้เปิดดังไปทั่วสตูดิโอ วิดีโอปรากฏบนหน้าจอทันทีที่เสียงจบลง และดวงตาของคังวูจินเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกมานอกหน้าก็เถอะ
'โอ้ นั่นฉันเอง น่าอายจัง!'
เพราะคังวูจินปรากฏตัวบนจอภาพขนาดใหญ่ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือคิมรยูจิน เขากำลังเปิดหน้าต่างที่เก่าโทรมที่มีคำว่า 'สำนักงานนักสืบ' ติดอยู่ ผมของเขายุ่งเหยิง ผิวของเขาหยาบกร้านและดวงตาของเขาหมองคล้ำให้ความรู้สึกเหมือนไร้วิญญาณ
และจากนั้นเขา
[“พู่ พู่ -”]
พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นเวลานาน จุดสนใจแรกอยู่ที่หน้าอกของคิมรยูจินที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เขาสูบบุหรี่ด้วยความเหนื่อยล้า เขาดูจริงจังแต่ก็หมดแรง คังวูจินคิดอยากจะวิ่งหนีออกไปจากห้องเหลือเกิน จากนั้นฉากก็เปลี่ยนไป มันเปลี่ยนไปเป็นมุมมองด้านข้างของคิมรยูจิน
[“ฉันควรไปหาลูกค้าไหมนะ?”]
คิมรยูจินเขี่ยบุหรี่ทิ้งที่กรอบหน้าต่าง
สี่สิบนาทีต่อมา
ระยะเวลาการฉาย ‘สำนักงานนักสืบ’ คือ 44 นาที
แม้ว่าคังวูจินจะรู้สึกแปลกและอายตลอดเวลา แต่เขาก็ดูหนังด้วยสมาธิจดจ่อ
'ฉันก็สุดยอดอยู่นะ แต่ฮงฮเยยอนนี้สวยเกินทุกบทบาทไปแล้ว'
'สำนักงานนักสืบ' ที่สร้างเสร็จแล้วนั้นคล้ายกับสิ่งที่คังวูจินเคยประสบมาในมิติว่างเปล่ามาก มันรู้สึกเหมือนได้ดูชีวิตตัวเองในวิดีโอไม่มีผิด
แล้วก็
“เป็นยังไงบ้างคุณคังวูจิน?”
สำหรับคำถามของผู้กำกับชินดงชุน คังวูจินระงับความตื่นเต้นภายในใจ คุณภาพของ 'สำนักงานนักสืบ' ดีมาก เพราะอย่างนั้นบรรยากาศเช่นนี้คงมีแต่ต้องชมเชยกระมัง
‘..แต่ไม่คิดเลยแฮะว่าเขาจะใช้ฉากที่ฉันล้มด้วย คุณจะลบไปก็ได้นิ? คุณผู้กำกับ'
แต่ถึงในจะคิดเช่นนี้ คังวูจินก็พูดอย่างชัดเจนและหนักแน่น
“มันยอดเยี่ยมมากครับ”
ในเวลานั้น
ขณะที่คังวูจินกำลังดู ‘สำนักงานนักสืบ’ อย่างเพลิดเพลิน อีกด้านหนึ่ง วงการโทรทัศน์กำลังมีการเตรียมการสำหรับสงครามเย็นกับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ซึ่งได้รับความคาดหวังสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปีเพราะนักเขียนดาวรุ่งพัคอึนมี และนักแสดงชั้นนำหลายคน
『SBC ผู้สร้าง'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ได้ถูกท้าทาย! MBS TVM เดินหน้าชนด้วยการจัดผังชน』
สถานีโทรทัศน์อื่น ๆ เริ่มตอบโต้
คู่แข่งขันคือสถานีวิทยุโทรทัศน์ MBS และช่องเคเบิล TVM เดี๋ยวนี้แม้แต่ช่องเคเบิลก็ไม่สามารถมองข้ามได้เลย ผังรายการได้รับการยืนยันแล้วว่าจะออกอากาศในวันเดียวกับวันแรกของการออกอากาศ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ในวันที่ 15 พฤษภาคม
『[คุยข่าวบันเทิง] SBC MBS TVM ฟาดฟันกันดุเดือดในละครเย็นวันศุกร์-เสาร์!"
ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ผังชนกัน แต่สถานการณ์แบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปอยู่แล้ว มันเป็นภาพที่คุ้นเคยกันของวงการโทรทัศน์
SBC MBS TVM
สงครามโปรโมทของสถานีโทรทัศน์ทั้งสามช่องทวีความรุนแรงขึ้น บทความต่าง ๆ เต็มไปด้วยชื่อของนักแสดงชั้นนำที่พวกเขาดึงมา และพวกเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมด้วยการจัดกิจกรรมต่าง ๆ บน SNS (โซเชียลมีเดียอย่างหนึ่ง) พวกเขาโปรโมตผลงานใหม่ของพวกเขาอย่างต่อเนื่องทั้งบนยูทูปและแพลตฟอร์มวิดีโออื่น ๆ
『SBC มีรยูจองมินและฮงฮเยยอน MBS มีโกมานวุคและลีอายัง TVM มีคิมจีวูและควักโซรา…ติดตามข่าวรายชื่อนักแสดงชั้นนำได้ที่นี่』
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนหลายคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็นตามคาดหวังของตนเอง
-ว้าว… มีอะไรให้ดูเยอะแยะในเดือนพฤษภาคมเลยแฮะ 555
-ฉันมีอีกเหตุผลที่จะเลิกงานเร็วแล้วสิ ฮ่าฮ่า ฉันเป็นแฟนคลับของรยูจองมินเลยนะ ฉันเลยอยากดูผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพลจังเลย ~~
- ฉันแอบเกลียดวิธีที่นักเขียนพัคอึนมีหักมุมเรื่องอื่นจัง เดี๋ยวนี้ TVM ดูเหมือนจะเหนือกว่าในด้านละครนะ
- ฮงฮเยยอนหรือควักโซรา …….เอาจริง ๆ แล้วควักโซราไม่มีใครเทียบได้เลยใช่ไหม? การแสดง หน้าตา รูปร่าง เธอสุดยอดกว่าทุกด้านเลย
-นายโง่เหรอไง? นายจะเอาควักโซราไปเปรียบเทียบกับฮงฮเยยอนได้ยังไง??
- MBS ทำแต่ละครแป้ก 555 รอคอยอยู่นะ! บางทีพวกเขาอาจจะเพิ่มความเข้มของบทละครขึ้นในปีนี้ก็ได้ ฮ่า ๆ ตั้งตารอเลยล่ะ!
- รยูจองมิน! รยูจองมิน!! รยูจองมิน!!! ออกมาเร็ว ๆ หน่อยสิ!!
- เอาจริง ๆ นะ นักเขียนพัคอึนมิไม่ได้ถูกชมมากเกินไปหน่อยเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า
-เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งครอบครัว...แต่ดูเหมือนว่าฉันจะต้องมานั่งดูละครมากมายแทน…
สงครามละครศุกร์-อาทิตย์ดุเดือดอยู่แล้ว สถานการณ์ตอนนี้เหมือนภูเขาไฟกำลังจะปะทุ นั่นคือสาเหตุที่สื่อเริ่มตีกรอบมันว่าเป็นสงคราม
『[ข่าวเด่น] SBC MBS TVM กำลังอยู่ในช่วงโปรโมทละครกันอย่างดุเดือด!』
พวกเขากำลังยั่วกัน มันจะต้องมีใครเป็นผู้ชนะและผู้แพ้แน่
『ใครจะชนะในเดือนพฤษภาคมเมื่อ SBC MBS TVM เปิดตัวละครเรื่องใหม่พร้อมกัน』
กระแสกำลังร้อนแรงขึ้น
วันเดียวกันช่วงบ่าย ณ ยอนอิน ภายในยางจี
ทีมถ่ายทำของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ประจำการอยู่ที่ทุ่งนาในหมู่บ้าน พวกเขาได้รับอนุญาตจากหมู่บ้านล่วงหน้าแล้ว การถ่ายทำฉากสำหรับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' เสร็จสิ้นในตอนเช้าตรู่ พวกเขาจึงมาตามกำหนดถ่ายทำกลางแจ้งที่นี่จนถึงช่วงปลายบ่าย
ฉากที่จะถ่ายทำเป็นฉากตรวจสอบสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมต่อเนื่องของรองหัวหน้าพัค
เพราะมีการคาดการณ์ว่ารองหัวหน้าพัคจะทำลงมือฆาตกรรมในหมู่บ้านนี้ ทำให้พวกเขาพาตัวอีกฝ่ายที่สวมกุญแจมือมาให้มาแสดง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชมจำนวนมากปรากฏตัวเป็นตัวประกอบ ด้วยเหตุนี้ นักแสดงหลักและนักแสดงประกอบทั้งหมดของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' รวมถึงรยูจองมินและฮงฮเยยอนจึงมารวมตัวกัน
แน่นอนว่าตัวละครหลักคือรองหัวหน้าพัค
ตามบทรองหัวหน้าพัค เขาจะแสดงการฆาตกรรมของเขาซ้ำบนตุ๊กตา ในขณะเดียวกัน ผู้ชมจะได้เห็นการฆาตกรรมผ่านเรื่องราวย้อนหลังของรองหัวหน้าพัค กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคังวูจินจะต้องแสดงทั้งฉากที่อยู่ในที่แห่งนี้และฉากฆาตกรรมจริงไปพร้อมกัน
คล้ายเป็นเหมือนทั้งรองหัวหน้าพัคในปัจจุบันและอดีต
แน่นอนว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงทันทีระหว่างฉากด้วย เขาต้องไร้ความรู้สึกระหว่างฉากที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่จะต้องรู้สึกอิ่มเอมใจระหว่างฉากฆาตกรรมจริง ทีมงานหลายสิบคนรีบจัดเตรียม ตุ๊กตาถูกจัดตั้งขึ้นและอุปกรณ์ประกอบอาชญากรรมต่าง ๆ ถูกวางไว้
“นักข่าว ตำรวจตัวประกอบ มารวมกัน!”
“เฮ้! ผมบอกให้คุณเอากระจกสะท้อนอีกอันมา คุณกำลังทำอะไรอยู่ นอนหลับหรือไง!!”
นักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอนกำลังแต่งหน้ากัน นักแสดงบางคนอยู่บนกองถ่ายเพื่อทบทวนบทละครแล้ว ในบรรดานักแสดงเหล่านั้น คังวูจิน ตัวละครหลักประจำวันนี้ที่รับบทเป็นรองหัวหน้าพัคกำลัง
“……..”
นั่งลงและคิดอะไรบางอย่างออกหลังจากแต่งหน้าเสร็จเป็นคนแรก...เขากำลังคิดถึง 'สำนักงานนักสืบ' ที่เขาเห็นเมื่อเช้านี้
'มันดูแตกต่างไปมากหลังจากตัดต่อ'
ซึ่งขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ ภาพลักาณ์ของเขาภายนอกมันดูค่อนข้างเศร้าโศก ทำให้ทีมงานเริ่มเข้าใจผิดกัน
“คังวูจินดูเหมือนจะเศร้ามากเลยนะ?”
“ฉันก็ว่างั้น ปกติคังวูจินมักจะดูเย็นชา แต่ที่จริงเขากลับเป็นคนอ่อนหวานมากเลยนะรู้ไหม เขาดูแลทีมงานจากเบื้องหลังอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่เหรอ? เหมือนคอยเตือนให้พวกเขาระวังตลอดเวลาไรงี้”
ในขณะนั้นเอง ซีอีโอชเวซองกุนที่เพิ่งกลับมาจากรถตู้ก็เดินเข้าไปหาคังวูจิน เขาเอียงศีรษะและพึมพำ
"อืม เหมือนฉันเคยเห็นผู้ชายคนนั้นที่ไหนสักแห่งมาก่อน เขาคือใครกันนะ?"
เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่ตรงหน้าเขา มันคงจะเสียมารยาทถ้าไม่สนใจ คังวูจินจึงทำเป็นมีสีหน้าจริงจังและถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า
“เห็นใครเหรอครับ?”
"หืม? ไม่มีอะไรหรอก แค่คน ๆ หนึ่งที่มีลักษณะดูอบอุ่นและแก่หน่อย อยู่แถวที่จอดรถของกองถ่าย ช่วงนี้ฉันเห็นเขาบ่อยมากเลย พวกทีมงานของเขาบางคนก็ใส่แมสค์ด้วย ถึงมันจะไม่ได้น่าแปลกอะไรก็เถอะ แต่บรรยากาศโดยรวมกับสไตล์การแต่งตัวมันดูคุ้น ๆ ประหลาด"
"เขาไม่ใช่ทีมงานถ่ายทำเหรอครับ?"
"เอ่อ ฉันไม่แน่ใจ ไปถามดีไหม?"
ตอนนั้นเอง
"คุณคังวูจิน!! เตรียมตัวซ้อมได้แล้วครับ!!”
ผู้ช่วยผู้กำกับเรียกคังวูจิน
10 นาทีก่อนถ่ายทำ
มีการเดินสำรวจและทดลองบทพูดให้ถูกต้อง เช็คทุกอย่าง รวมถึงกล้อง ไฟ สถานที่ แต่งหน้าทำผมของนักแสดงทุกคน รวมถึงคังวูจิน ทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว เหลือแค่ถ่ายจริงอย่างเดียว แต่ PDซงมันวูยืนอยู่ตรงจุดที่มีจอภาพหลายตัววางอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังยิ่ง
"เปล่า มันไม่ควรเป็นแบบเทพนิยายเกินไปนะ เข้าใจไหมเนี่ย? คิดจะเอานรกมาแสดงให้เป็นเทพนิยายงั้นเหรอ? ดูเหมือนเราจะเข้าใจดีกันนะตอนประชุมบท แต่ทำไมตอนนี้เป็นงี้ล่ะ?"
PDซงมันวูกำลังคุยกับทีมVFX (ทีมเอฟเฟคพิเศษ) อยู่ ดูเหมือนมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มีทีมงานและนักแสดงอยู่รอบ ๆ ค่อนข้างเยอะ หน้าที่ของทีม VFX คือการดูแลเรื่องเอฟเฟคพิเศษในละคร เช่น CG (คอมพิวเตอร์กราฟิก) เพราะละครสมัยนี้ใส่ CG เกือบ 100% ทำให้ทีม VFX เป็นทีมที่สำคัญ
เรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'' ก็เช่นกัน
ตอนนี้พวกเขากำลังคุยกันถึงฉากที่โลกเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ เพื่อสื่อถึงมุมมองของ 'รองหัวหน้าพัค' พวกเขาวางแผนที่จะใส่เข้าไปในฉากตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมด้วย ดังนั้นทีม VFX ที่มาตรวจสอบสถานที่เช่นกัน ทีม VFX มีสมาชิก 4 คนและมีชาวต่างชาติอยู่
ดูจากลักษณะแล้ว ชาวต่างชาติหัวโล้นน่าจะเป็นหัวหน้าทีม
สมาชิกทีมชาวเกาหลีคนหนึ่งแปลคำพูดของPDซงมันวูเป็นภาษาอังกฤษให้กับชาวต่างชาติหัวโล้น จากนั้นชาวต่างชาติหัวโล้นก็มองมาที่PDซงมันวูแล้วพูดอะไรบางอย่าง แน่นอนว่าเขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ
"งั้นจะทำแค่ทำให้เมืองธรรมดาเปลี่ยนเป็นสีอื่นงั้นเหรอ? แล้วมันจะต่างอะไรกันล่ะ?"
สมาชิกทีมชาวเกาหลีคนนั้นแปลให้ PDซงมันวูฟัง ทางPDซงมันวูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น คือว่า…"
จากนั้นเอง เสียงพูดภาษาอังกฤษเบา ๆ ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของ PDซงมันวู
"ไม่สำคัญหรอกว่าพื้นหลังจะเป็นยังไง"
เสียงผู้ชายที่ท่าทางเรียบร้อยได้ดังขึ้น
"ไม่ว่าจะเป็นพื้นหลังแบบไหน ก็แค่ทำให้สีโทนของมันดูสดใสเหมือนเทพนิยายในแบบมืดมนและน่าขนลุกก็พอแล้ว"
ด้วยเหตุนั้น สายตาของทีม VFX และ PD ซงมันวู นักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอน รวมถึงทีมงานที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดก็หันไปทางทิศทางของเสียงนั้น ในขณะเดียวกัน น้ำเสียงภาษาอังกฤษที่ดูเต็มไปด้วยสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์ก็ออกมาจากทิศทางเดียวกัน
"พื้นดินควรจะเป็นสีม่วง ต้นไม้และหญ้าทั้งหมดควรจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ท้องฟ้าควรจะเป็นสีดำ ส่วนคนทุกคนควรจะมีสีสันที่แตกต่างกัน สีสันที่ตัวละครตัวนี้เห็นจะต้องแปลกประหลาด ความน่าขนลุกคือสิ่งสำคัญที่สุด”
ทุกคนหันไปมองทางเสียงนั้น พบว่าเป็นคังวูจินกำลังพูดภาษาอังกฤษอย่างไม่แยแส แถมยังพูดคล่องปรื๋อซะด้วย
"อ๋อ คือว่าผมเป็นนักแสดงที่รับบทบาทนั้นเองแหละคัรบ"
*****