บทที่ 39 ความเร็ว (1)
[ขฮโทษจ้า สับสนวัน กำลังลงให้แล้ว อย่าเพิ่งด่ากัน หนูกลัว]
บทที่ 39 ความเร็ว (1)
PDฝ่ายผลิต ซึ่งยืนอยู่ข้างผู้กำกับควอนกีแท็กก็ตอบสนองต่อเสียงพึมพำของผู้กำกับ
"ผู้กำกับ เมื่อกี้คุณพึมพำอะไรเหรอครับ? สัตว์ประหลาดอัจฉริยะอะไรเหรอครับ?”
"เปล่า"
แต่ว่าผู้กำกับควอนกีแท็กกลับไขว้แขนและส่ายหัวตอบไป
"เปล่าครับ ผมแค่คุยกับตัวเอง"
เขาตอบอย่างใจเย็น พลางจ้องมองคังวูจินในห้องสอบสวนอย่างตั้งใจ คังวูจินตอนนี้กำลังถ่ายทำฉากเดี่ยวอยู่
'ถ้าฝีมือการแสดงสุดยอดขนาดนั้น คงไม่ต้องไปเข้าคัดเลือกหรอก จากมุมมองของฉัน หลังจากละครเรื่องนี้ฉาย เขาจะได้รับสายติดต่อจากกองถ่ายมากมายอย่างแน่นอน'
ผู้กำกับวูฮยอนกูอาจจะไม่ได้เคยเห็นผลงานการแสดงของคังวูจินมาก่อนหรือเปล่า? ถ้าเขาได้เห็นเขาคงไม่คิดให้อีกฝ่ายไปคัดตัวแน่
'ตอนนี้เขากำลังขาลงอยู่ แต่ถึงขนาดกล้าปฏิเสธผู้กำกับชั้นครูอย่างวูฮยอนกู เขาต้องบ้าบิ่นขนาดไหนกัน หรือว่าไม่กลัวอะไรเลย?'
จากนั้นเอง ผู้กำกับควอนกีแท็กก็คิดถึงภาพของคังวูจินที่เขาเห็นในช่วงเช้า
'เขาดูจะประหลาดใจกับสตูดิโอขนาดใหญ่นี้มากเลยไม่ใช่เหรอ? อารมณ์ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันมากเลยนะ เขาเป็นประเภทที่จะดูต่างกันระหว่างเวลาแสดงกับเวลาปกติหรือเปล่า?'
ไม่นานนัก ผู้กำกับควอนกีแท็กก็หันไปถามPDฝ่ายผลิตอีกครั้ง
"คุณคิดว่าดารานักแสดงหน้าใหม่คนนั้นเป็นยังไงบ้างเหรอ?”
PDฝ่ายผลิต ซึ่งเฝ้าดูคังวูจินอยู่เช่นกันก็รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เขาสุดยอดมากเลยครับ ฝีมือการแสดงของเขาไม่มีที่ติ รายละเอียดต่าง ๆ นี่เหลือเชื่อจนผมอยากจะดูเขาใกล้ ๆ เลย”
“การควบคุมลมหายใจ การข่มกลั้นอารมณ์ แต่ก็ยังมีพลังระเบิดออกมา ดูแววตาของเขาสิครับ มันน่าประหลาดใจมาก หากรยูจองมินได้เห็นเขาใกล้ ๆ เองก็คงต้องตะลึงแน่”
ผู้กำกับคัดเลือกนักแสดง (CD) ที่อยู่กับพวกเขาก็เอ่ยขึ้น
“เป็นวิธีการแสดงถือได้ว่าสุดยอด ไม่สิ หากมองว่าเป็นการแสดงคงไม่ใช่ มันรู้สึกเหมือนเขากำลังกลายเป็นตัวละครนั้นอยู่ การวิเคราะห์บทละครและความเข้าใจของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก”
PD ฝ่ายผลิตหันกลับมามอง
“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเห็นเขาใช่ไหมครับ CD คิม? ผมเองก็เพิ่งเห็นเขาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
“ใช่ครับ ผมแทบไม่คุ้นหน้าเขาเลย จริง ๆ แล้วผมว่าผมไม่เคยเจอหน้าที่ไหนด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะในโรงละคร ละครเพลง หรือวงการบันเทิง ผมชักสับสนนิดหน่อยแฮะ นักแสดงแบบเขาน่าจะโดดเด่นมาก...ขอโทษนะครับผู้กำกับ ผมไม่เคยเจอเขามาก่อนเลย”
ขณะที่ CD ก้มหัวลง ทางผู้กำกับควอนกีแท็กก็สั่นศีรษะอย่างใจเย็น
“ไม่หรอก บางทีเขาอาจจะเพิ่งโผล่มาก็ได้ PDซงมันวูน่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด แต่เหนือสิ่งอื่นใด...”
ผู้กำกับควอนกีแท็กได้สลับสายตามองระหว่างรยูจองมินกับคังวูจินบนฉากกองถ่าย ลูบไล้คาง
“ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่าเขาช่วยยกระดับคุณภาพการแสดงนั้นจะเป็นความจริง รยูจองมินเองก็แสดงได้ดีเกินความคาดหวังของผม เขาดูจะพยายามอย่างมากกับการถ่ายทำเรื่องนี้เลยแฮะ”
“ใช่ครับ ฟอร์มของเขาดีขึ้นมากเลย”
“นั่นไม่ใช่แค่ฟอร์มที่ดีขึ้น เขาได้ก้าวไปอีกขั้นในฐานะนักแสดงเลยต่างหาก”
ผู้กำกับควอนกีแท็กพูดอย่างใจเย็นและชี้นิ้วชี้ไปที่คังวูจิน
“และนี้อาจจะเป็นตัวเร่งที่ช่วยยกระดับการแสดงของนักแสดงทั้งหมดของผลงานชิ้นนี้ มือใหม่คนนั้นแหละ”
“คุณจะบอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะนักแสดงใหม่ที่ชื่อคังวูจินเหรอครับ?”
"ใช่ จากมุมมองของผม ดูเหมือนรยูจองมินจะไม่ได้เป็นผู้นำเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนรยูจองมินกำลังพยายามตามเขาให้ทัน ปกติแล้วนักแสดงชั้นนำต้องเป็นเสาหลักของฉากใช่ไหม? พวกเขาจะคอยนำทางและสนับสนุนนักแสดงคนอื่น ๆ ”
“ใช่ครับ ทั้งบรรยากาศ ความสัมพันธ์กับทีมงานและอื่น ๆ อีกมากมาย”
“แต่ในงานนี้ รยูจองมินที่เป็นนักแสดงนำชายกลับมุ่งเน้นไปที่การแสดงเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจอย่างอื่นเลย ดูที่ดวงตาของรยูจองมินสิ เขามองไปรอบ ๆ หรือเปล่า? เขามองเฉพาะมือใหม่ที่อยู่ตรงข้ามเขาเท่านั้น เขายังคงรักษาการแสดงของเขาไว้ตลอดเวลาเลย”
PDการผลิตและ CDพยักหน้า พวกเขากำลังฟังและจ้องรยูจองมินเขม็ง อีกฝ่ายดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การแสดงเพียงอย่างเดียว ทางผู้กำกับควอนกีแท็กเองก็มั่นใจในความคิดของตนเองเป็นอย่างมาก
“ผมไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมดหรอก แต่ดูเหมือนว่านักแสดง รวมถึงรยูจองมินต่างก็ถูกกระตุ้นโดยคังวูจิน เด็กคนนั้น”
"ครับ-"
"ลองคิดดูสิ เรากำลังพูดถึงผลงานของนักเขียนักเขียนพัคอึนมี และมันอยู่บนกองถ่ายของ PDซงมันวูด้วย ถ้ามือใหม่โนเนมไร้คนรู้จักแสดงได้ดีกว่าคนทั่วไป พวกเขาจะไม่สังเกตเห็นเหรอ?”
“พวกเขาคงรู้สึกอัปยศครั้งใหญ่แน่เลยครับ”
"ใช่แล้ว เรื่องแบบนี้คงทำให้เหล่าเบอร์ใหญ่รู้สึกเสียหน้า แม้จะไม่รู้ว่านักแสดงหน้าใหม่คนนั้นรู้ตัวไหม แต่เขาก็มีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพละครเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”
ขณะที่ CD กำลังสำรวจฉากขนาดใหญ่ ผู้กำกับควอนกีแท็กก็พูดขึ้นเหมือนทุกอย่างจบแล้ว
“ผู้กำกับครับ ดูเหมือนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราควรจะออกไปก่อนไหม? ทีมงานและผู้จัดการนักแสดงเริ่มมองมาทางนี้กันแล้วนะครับ”
สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องเลย เพราะคนของฝั่งของรยูจองมินกำลังกระซิบกันอยู่ แม้พวกเขาจะอยู่ต่ออีกสักพัก ก็คงไม่ได้มีใครสนใจอะไรเขานักหรอก แต่เพราะผู้กำกับควอนกีแท็กเป็นคนรักษามารยาท เขาจึงได้แต่ออกไปอย่างลังเล
‘น่าเสียดายแฮะ อยากดูจนจบชะมัด ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยล่ะก็…’
เขามีความต้องการอย่างแรงกล้าที่อยากจะดูอีกสักหน่อย เขาไม่เพียงแต่สนใจรยูจองมินเท่านั้น แต่ยังสนใจคังวูจิน มือใหม่ที่เหลือเชื่อคนนั้นด้วย การแสดงของเขามันสุดยอดเกินไปแล้ว
“การแสดงของเด็กคนนั้นมันราวกับมีพลังดึงดูดสายตาอยู่”
ผู้กำกับควอนกีแท็กถอนหายใจด้วยความเสียใจ พึมพำเบา ๆ แม้จะเดินจากไปแล้ว
“แต่ทำไมถึงเพิ่งโผล่มาตอนนี้กันนะ? ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรอยู่กัน?”
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ช่วงบ่าย
ทีม 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ยังคงถ่ายทำต่อเนื่อง พวกเขามารวมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนี้ก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว หากไม่นับช่วงกลางวัน พวกเขาก็จะอุทิศตัวให้กับการถ่ายทำอย่างเต็มที่ และด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงสามารถถ่ายทำฉากได้ค่อนข้างเยอะเลยพอควร
แต่ว่า...
“ทีมไฟ! เห็นไหมว่าไฟกะพริบอยู่ตรงนี้?!”
“จะรีบไปเช็คเลยครับ!”
“ไมค์บูม!! PDผู้กำกับฝ่ายผลิตระวังหน่อย!! ถ้ามันตกลงมาจะติดกล้องแบบเดิมไม่ได้นะ!”
“ครับ ๆ !”
“กาแฟ กาแฟ! รบกวนเติมกาแฟตรงนี้ด้วย!”
ด้วยความที่กองถ่ายมีคนมากมาย บรรยากาศจึงยังคงคึกคักยิ่ง แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่พลังงานของทีมงานหลายสิบคนก็แทบไม่ได้ต่างไปจากตอนเช้าเลย
ผู้คนต่างวิ่ง วางอุปกรณ์ ตะโกน ตรวจสอบกัน
กองถ่ายเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าทีมงานทุกคนคงเหนื่อย แต่ไม่มีใครแสดงอาการออกมาเลย พวกเขาดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมเสียอีก
“เราถ่ายฉากเมื่อกี้ได้สุดยอดเลยว่าไหม??”
“ใช่ มันวิเศษมากเลยที่ได้ดูรยูจองมินกับคังวูจินแสดง…สุดยอดมาก”
“เรื่องนี้จะไม่ฮิตระเบิดเลยเหรอ?”
“ต้องฮิตอยู่แล้วสิ! ฮ่าฮ่า พวกเราอาจจะได้รางวัลเป็นทริปพักร้อนหลังจากเหนื่อยมานานก็ได้นะ!”
ตั้งแต่การถ่ายทำครั้งแรกจบลง การแสดงของนักแสดงนั้นก็ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ ซึ่งหมายความว่าคุณภาพของภาพที่ถ่ายได้นั้นสูงพอสมควร มันจะต้องส่งผลต่อเรตติ้งผู้ชมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่
ดังนั้นทีมงานจำนวนมากจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในขณะเดียวกัน
‘ฉันกำลังจะตาย ฉันอาจจะตายจริง ๆ แล้วก็ได้’
คังวูจินนั่งอยู่ในฉากห้องสอบสวน รู้สึกเหมือนร่างไร้วิญญาณ แน่นอนว่าเขาทำหน้าเข้มไว้ตามนิสัย แต่ภายในใจเขากำลังกรีดร้องออกมา
‘นี่มัน...หนักกว่าที่คิดไว้นะ? วันนี้ฉันมาทำอะไรกัน? อ่า-จริงสิ มาแสดงสินะ อืม ฉันคิดว่าฉันแสดงได้ดีแล้วล่ะ’
จังหวะที่ทุกอย่างดำเนินไปนั้นแตกต่างจากตอน ‘สำนักงานนักสืบ’ มาก PDซงมันวูสั่ง ‘คัต’ แล้วตามด้วย ‘แอ๊คชั่น’ ทันที จากนั้น ‘คัต’ อีกครั้งแล้วตามด้วย ‘แอ๊คชั่น’ อีกครั้ง
นี่มันความเร็วอะไรกันเนี่ย?
เขาเองก็ได้เตรียมตัวมาบ้างแล้ว แต่ปริมาณและความเร็วเกินกว่าที่เขาคาดไว้มาก มันจึงยากสำหรับคังวูจินที่เพิ่งเป็นนักแสดงมาเพียงสองเดือน เขาปรับตัวเข้ากับบรรยากาศเร่งรีบในกองถ่ายไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่กลางห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่
แต่ตอนนี้ไม่มีทางกลับแล้ว เขาต้องกัดฟันและอดทน
'อ่า ไม่รู้แล้ว มันจะออกมาดีเองแหละถ้าฉันพยายามต่อไป ยังไงฉันคงไม่ตายจริง ๆ หรอก’
โชคดีที่ตัวละคร 'รองหัวหน้าพัค’ ที่คังวูจินรับบทนั้นมันชัดเจนขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขาแทบจะไม่ต้องใช้เวลาดึงตัวละครออกมาเลย บทพูดเองก็ถูกตรึงไว้ในใจอย่างชัดเจน คังวูจินรู้สึกขอบคุณอีกครั้งสำหรับความสามารถของมิติว่างเปล่า
ในขณะนั้นเอง
ควับ ควับ
รยูจองมินเพิ่งเช็คผมเสร็จ เขาเดินเข้ามาในกองถ่าย นั่งลงฝั่งตรงข้ามคังวูจินพร้อมกับทละครในมือ ด้วยการปรากฏตัวของเขา คังวูจินจึงต้องทำใบหน้าของเขาให้นิ่งเฉยมากขึ้น
“······”
“······”
พวกเขาแทบไม่ได้คุยกันตั้งแต่เช้า รยูจองมินรักษาบทบาทตัวละครของเขาไว้ ขณะที่คังวูจินไม่มีอะไรจะพูด เขาจึงรู้สึกอึดอัดใจมากที่ต้องอยู่ใกล้กับนักแสดงนำสุดหล่อคนนี้ในตอนนี้
ทีมงานที่อยู่โดยรอบก็มองดูพวกเขาด้วยความประทับใจ
“พวกเขาทั้งสองดูจริงจังมากเลยนะ ต่อให้ไม่ถ่ายก็ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฉันเคยได้ยินว่านักแสดงมักจะต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเองด้วยนะ โดยเฉพาะตอนถ่ายทำฉากที่ละเอียดอ่อนยิ่งแล้วใหญ่”
“อ๋อ งั้นทั้งสองคนยังคงต่อสู้กับตัวเองทางจิตใจในฐานะยูจีฮยองและรองหัวหน้าพัคเหรอ?”
“ฉันคิดว่าใช่แหละ น่าจะเป็นเหตุผลที่การแสดงของพวกเขามันดูยอดเยี่ยมมากล่ะมั้ง”
ซึ่งอีกด้านหนึ่ง คังวูจินกำลังต่อสู้ทางจิตใจกับตัวเองอยู่จริง แต่มันคือเรื่องที่ว่า เขาควรแสร้งทำเป็นอ่านบทละครด้วยไหม เพราะรยูจองมินกำลังอ่านบทอยู่? ขณะคิดเช่นนั้น คังวูจินจึงหยิบทละครขึ้นมาอย่างใจเย็นและเปิดมันออก
‘แต่ที่นี่มันค่อนข้างหนาวเลยแฮะ’
แม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่กลางคืนก็ยังคงหนาวอยู่ อีกทั้งสตูดิโอเองก็เต็มไปด้วยลมหนาวพัดผ่านมา ดังนั้นคังวูจินจึงรู้สึกหนาวพอสมควร ปลายนิ้วมือของเขาสั่นเล็กน้อย แต่รยูจองมินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและเหลือบมองคังวูจิน สังเกตเห็นทุกการกระทำของเขา
“การทำให้อารมณ์กลับจากรองหัวหน้าพัคมาเป็นปกติมันคงไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ? ตัวสั่นเทาเพราะอารมณ์จากการแสดงสินะครับ มือของผมก็เป็นตะคริวไปเพราะการแสดงเมื่อกี้เหมือนกัน”
เป็นการสังเกตที่เฉียบแหลมของนักแสดงชั้นนำจริง ๆ แต่ทางคังวูจินกลับกำลังสงสัยว่าเขาพูดถึงอะไรอยู่ ฟื้นฟูอารมณ์บ้าอะไรกันเนี่ย? ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่คังวูจินก็ตัดสินใจจ้องมองรยูจองมินกลับไปอย่างหนัก เขาคิดว่าการพูดความจริงน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
“เปล่าครับ ผมแค่หนาวนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ นักแสดงทุกคนไม่สามารถสมบูรณ์แบบไปได้ทุกอย่าง การฟื้นฟูอารมณ์เป็นเรื่องตามธรรมชาติอยู่แล้ว ผมรู้ว่าคุณไปงานเลี้ยงอ่านบทละครครั้งที่แล้วไม่ได้ เพราะคุณกำลังทำอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติอยู่น่ะ”
เปล่าเลย ผมหนาวต่างหากรุ่นพี่ ทำไมคุณไม่เชื่อผมสักหน่อยล่ะ? ส่วนเรื่องระหว่างงานเลี้ยงอ่านบทละคร คังวูจินหลับสนิทอยู่ต่างหาก ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจ แต่คังวูจินก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา ทำให้รยูจองมินที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจดี”
“···ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะครับ รุ่นพี่”
ในตอนนั้น PDซงมันวูผู้กำลังพูดคุยกับทีมไฟและทีมงานคนอื่น ๆ ก็ตะโกนออกมา
“เอาล่ะ! รยูจองมิน คังวูจิน! มาซ้อมบทต่อไปกันเถอะ!”
คังวูจินที่ยื่นบทละครให้กับผู้จัดการส่วนตัวอย่างจางซูฮวานรู้สึกถึงบางอย่างที่เลือนรางในสถานการณ์เมื่อกี้
'แบบนี้มัน...ต่อให้จะเปิดเผยความจริงไป ทุกคนก็คงไม่เชื่ออยู่ดีใช่ไหม?’
หลังจากนั้นเอง
การถ่ายทำวันแรกของเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ที่คังวูจินได้เข้าร่วมนั้นจบลงไปดึกมาก และก็ได้มีสถิติใหม่อีกหนึ่งอย่างถูกบันทึกไว้ในระหว่างการถ่ายทำ
สถิตินี้ถูกประกาศโดย PDซงมันวูในรถตู้ขากลับ
“พวกคุณรู้ไหมว่าวันนี้เกิด NG (คัตไม่ผ่าน) กี่ครั้ง? 15 ครั้ง 15 ครั้งเลยนะ ภายในนั้น มี 5 ครั้งที่เกิดขึ้นเพราะปัญหาไฟส่องสว่างหรือความผิดพลาดเล็กน้อยในกองถ่าย ส่วน NG ของนักแสดงมีแค่ 10 ครั้งเลย พวกคุณรู้ไหม?”
มี NG น้อยมาก รยูจองมินมี 7 ครั้ง ส่วนคังวูจินมี 3 ครั้ง ทว่า NG ของคังวูจินนั้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด แต่เนื่องจากแสดงสีหน้าได้ดีเกินไปต่างหาก
พูดตามตรง คังวูจินแทบจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย
ก็นะ เขาเป็นคนที่ได้รับทักษะจากมิติลึกลับ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีข้อผิดพลาดอยู่แล้ว
แม้แต่พระเอกอย่างรยูจองมินก็รู้เรื่องนี้ ด้วยเหตุนั้นรยูจองมินจึงเดือดดาลมากขณะอยู่ในรถตู้ตอนเดินทางกลับ
“7 ครั้ง… 5 ใน 7 ครั้งเป็นการจำบทผิด”
“รยูจองมิน 7 ครั้งมันก็น้อยมากแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“แต่วันนี้คังวูจินไม่ได้จำบทผิดเลยสักครั้งเดียวเลยนะครับ ผมอายมากวันนี้เพราะเขาแสดงได้ดีกว่าผมที่เป็นรุ่นพี่เสียอีก”
“เอาเข้าจริง…พี่ว่าคังวูจินเป็นคนที่ค่อนข้างแปลกไปหน่อยนะ”
“แต่มันแปลกกว่านะพี่ที่นักแสดงนำจำบทผิดมากกว่ามือใหม่ พี่ ฝากช่วยท่องบทกับผมให้แม่นหน่อยนะวันนี้ นอนที่บ้านเราแล้วค่อยไปกัน”
“เอ๊ะ? อ๋อ…ได้ ได้”
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่คังวูจินกำลังจะแยกทางกับซีอีโอชเวซองกุน
ซีอีโอชเวซองกุนตะโกนเสียงดัง
"คังวูจิน! วันนี้นายยอดเยี่ยมที่สุดเลยนะครับ! นายรู้ใช่ไหม?! ทั้งPDซงมันวูและทีมงานต่างก็ยกย่องคุณทั้งนั้นเลย!”
“อ่า ครับ ใช่ครับ”
“นายอาจจะไม่ได้นอนมากนัก แต่นอนหลับให้สบายนะ! นายมีคิวรอถ่ายพรุ่งนี้เช้า 7 โมง เดี๋ยวฉันจะไปรับนายตอนตี 5!”
“ขอบคุณที่ลำบากครับ”
ทันทีที่คังวูจินมาถึงอพาร์ตเมนต์ของเขา เขาล้มลงบนเตียงโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า การซักผ้าเป็นเรื่องยุ่งยาก ทั้งตัวของเขาหมดแรง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือไม่ เขาก็อยากจะนอนหลับเต็ม 24 ชั่วโมงแล้ว
“เฮ้อ เหนื่อยชะมัดยาก”
แต่ว่าเขาต้องออกไปแสดงอีกครั้งใน 5 ชั่วโมง 30 นาที การนอนหลับไปเลยแบบนี้คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
“อ่า อย่างน้อยฉันยังต้องแปรงฟันก่อนสิ”
ใจของเขาบอกให้เขาทำ แต่ร่างกายของคังวูจินไม่อาจขยับเขยื้อน ความตึงเครียดและแรงกดดันจากการแสดงอันหนักหน่วงที่เขาได้สัมผัสเป็นครั้งแรกยังคงวนเวียนอยู่ในร่างกายของเขา เขาจำไม่ได้แม้แต่ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง มันมีแค่ถ่ายทำ ถ่ายทำ ถ่ายทำ
เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว คังวูจินหลับตาลง
ในเวลานั้นเอง
- ตืด ตืด
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงหลังของกางเกงยีนส์ของเขาสั่นยาว เขาแทบจะไม่ได้เช็คชื่อผู้โทร ซึ่งมันเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
-ฮงฮเยยอน
เป็นฮงฮเยยอน นักแสดงหญิงชั้นนำ เธออาจจะอยากให้กำลังใจเขาหลังจากการถ่ายทำวันแรกเสร็จสิ้นกระมัง
“······”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง คังวูจินแค่จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขา ปกติแล้วเขาจะอยากรู้อย่างมากและรับสายทันที แต่ในไม่ช้าคังวูจินก็หลับตาลงและวางโทรศัพท์ไป
“ขอโทษนะครับ คุณฮงฮเยยอน”
ตอนนี้การนอนหลับคือสิ่งสำคัญที่สุดของเขา
เช้าตรู่ของวันถัดมา
ด้านหน้าของกองถ่ายขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอิลซาน แน่นอนว่ามันคือกองถ่าย 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'’ และPDซงมันวูกำลังนั่งอยู่คนเดียวในรถตู้ที่จอดอยู่ในที่จอดรถ เขาลูบเคราแพะของเขาและก้มลงมองโทรศัพท์
จากนั้น
ครืด
ทันใดนั้น ประตูหลังของรถตู้ก็เปิดออกและมีชายคนหนึ่งเข้ามา เขาคือ ผู้กำกับชั้นครูควอนกีแท็กผู้ที่เคยมาที่กองถ่ายเมื่อวานด้วยเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเขาจะปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ แต่PDซงมันวูกลับไม่ประหลาดใจสักนิดเดียว
“สวัสดีครับ ผู้กำกับ”
“ดีใจที่ได้พบคุณ เมื่อวันก่อนผมขอโทษที่ไม่ได้ทักทายคุณ PD นะครับ”
เหตุผลนั้นง่ายมาก พวกเขานัดเจอกันไว้แล้ว ต้องขอบคุณตารางงานที่ยุ่งเหยิงของPDซงมันวู ผู้กำกับควอนกีแท็กจึงแทบไม่ได้มาพบหน้ากันเลย
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรามีอะไรต้องทำกันทั้งคู่อยู่แล้ว”
“ขอบคุณที่สละเวลามาวันนี้ ถึงคุณจะยุ่งอยู่ก็เถอะครับ”
ผู้กำกับควอนกีแท็กจับมือกับPDซงมันวูพร้อมพูดคุยอย่างกันไป ตอนนี้ในรถตู้ หัวหอกใหญ่ของวงการภาพยนตร์และละครกำลังได้นั่งคุยกันแบบเห็นหน้า ทางPDซงมันวูก็เริ่มบทสนทนาอย่างรวดเร็ว
“คุณได้ดูรยูจองมินเมื่อวันก่อนใช่ไหมครับ? ดีหรือเปล่าครับ?”
“ดีมากเลยครับ ฟอร์มการแสดงของเขามีการพัฒนาขึ้นมาก”
“โชคดีจัง คุณมาหาเขาเพื่อคัดเลือกนักแสดงในผลงานเรื่องต่อไปของคุณสินะ?”
“ถูกต้องครับ แต่มันยังเก็บเป็นความลับอยู่นะครับ”
“ผมเข้าใจ เดี๋ยวผมจะรูดซิบปากไว้เอง”
ผู้กำกับควอนกีแท็กพยักหน้าช้า ๆ พลางยิ้มบาง ๆ
“แต่นักแสดงหน้าใหม่คนนั้นเมื่อวันก่อนนี้ ชื่ออะไรนะครับ คังวูจิน?”
ราวกับว่า PDซงมันวูกำลังรออีกฝ่ายถามอยู่ เขาตอบทันทีว่า
“ใช่ครับ คุณคังวูจิน คุณเองก็คงแปลกใจสินะครับ”
“แปลกใจ? ไม่เลย พอคิดถึงเด็กคนนั้น เมื่อคืนนี้ผมแทบนอนไม่หลับเลยต่างหาก เหตุผลที่ผมอยากเจอกันวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องคังวูจิน คุณเจอเขาที่ไหน? โรงภาพยนตร์เหรอ? แม้แต่แผนกคัดตัวนักแสดงของเราก็ยังไม่มีใครรู้เลย”
“ผมไม่ได้ไปเจอเขาหรอกครับ เขาแค่ตกลงมาจากฟ้าเฉย ๆ”
“···ตกลงมาจากฟ้าเหรอ? จริงหรือ? งั้นคุณหมายความว่าคุณไม่ได้ไปหาเขาเลยงั้นเหรอ?”
"ใช่ครับ เหมือนเขามาปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมเองเลย"
“เอ่อ ถ้าไม่เป็นการรบกวน คุณให้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กคนนั้นกับผมได้ไหม?”
“ผมก็ไม่รู้มากนักหรอก ตัวคังวูจินเองน่ะเลือนลางคล้ายถูกปกคลุมไปด้วยหมอก”
“ขอนิดหน่อยก็พอครับ”
ในไม่ช้า PDซงมันวูก็มองหน้าผู้กำกับควอนแท็กสักพัก แล้วจึงเอ่ยปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ก่อนอื่นเลย คังวูจินแสดงละครคนเดียวมาตลอดโดยไม่มีใครช่วยเหลือ ตัวคนเดียว”
"...หืม? หมายความว่ายังไง? แสดงคนเดียวเหรอครับ?”
ดูเหมือนจ้าวแห่งละครจะติดเชื้อความเข้าใจผิดให้แก่จ้าวแห่งภาพยนตร์เสียแล้ว
“คุณจะรู้เองถ้าคุณไปสืบ แต่ว่าคังวูจินไม่มีเส้นสายในวงการแสดงของเกาหลีเลย เป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าเขาเรียนรู้ด้วยตนเอง”
“···?”
จากนั้นPDซงมันวูก็เริ่มสาธยายตำนานต่อไป
ในขณะเดียวกัน บนรถตู้ของคังวูจิน
รถตู้ที่บรรทุกคังวูจินและทีมงานของเขา มีซีอีโอชเวซองกุนร่วมอยู่ด้วย แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือกองถ่ายขนาดใหญ่ของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’
ภายในรถตู้ คังวูจิน000
“……..”
ภายในใจเขาเหนื่อยล้า สายตาจะมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉยชา อาจเพราะเขาอดหลับอดนอนมา แต่ถึงกระนั้น ซีอีโอชเวซองกุนที่นั่งเบาะข้างคนขับและฮันเยจุงสไตลิสต์ก็ดูจะมีแรงใจมากมาย พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับการถ่ายทำในวันนี้อยู่อย่างเดียวเลย
จากนั้น
“อ๋อ จริงสิ คังวูจิน”
ซีอีโอชเวซองกุน ที่เบาะข้างคนขับได้หันกลับมาเรียกคังวูจิน
“ขอโทษนะที่รบกวนนายตอนที่กำลังคิดบทละครอยู่ แต่ฉันได้อันนี้มา”
เขาส่งกระดาษปึกหนึ่งให้คังวูจิน คังวูจินรับกระดาษปึกนั้นมาแล้วถามด้วยเสียงเบา
"ขอบคุณครับ แต่นี่มันอะไรกัน?”
ซีอีโอชเวซองกุนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสให้คําตอบง่าย ๆ
“คุณขอให้ผมไปหามาไม่ใช่เหรอ? บทภาพยนตร์ญี่ปุ่นไง”
*****