บทที่ 104: เกาะนูบรา
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 104: เกาะนูบรา
“โรงแรมลาร์วิสเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย?!” ซุนเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
แม้ว่าเขาจะหลับตาพักผ่อนระหว่างทางมาที่นี่ แต่เขาก็เคยมองออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราวและสังเกตเห็นว่าซานโฮเซ เมืองหลวงของคอสตาริกาดูเหมือนจะไม่ได้ใหญ่กว่าเมืองระดับสามหรือสี่ในจีนมากนัก อย่างมากก็ดูแค่เจริญรุ่งเรืองกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าโรงแรมที่ถูกระบุชื่อในคำเชิญทำให้เขารู้สึกสงสัยมาก
ดังนั้นเขาจึงไม่ลงจากรถและถามคนขับ “นี่ใช่โรงแรมลาร์วิสจริงหรือเปล่า?”
คนขับเห็นความไม่เชื่อของเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้โกรธและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าตัวเองก่อนพร้อมตอบว่า “มีโรงแรมลาร์วิสแห่งเดียวในย่านซานโฮเซทั้งหมดครับ และมันก็คือที่นี่ครับ...”
ซานโฮเซเป็นย่านใจกลางเมืองที่มีความเจริญที่สุดและเป็นย่านเศรษฐกิจ ซึ่งหลังจากได้ยินคำอธิบาย ถึงแม้ซุนเฉิงจะยังคงสับสนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเชื่อคนขับอยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงจ่ายค่าโดยสาร ยกกระเป๋าเดินทางและเดินไปทางโรงแรม ที่นี่ดูแย่กว่าโรงแรมเล็ก ๆ ในเมืองระดับสี่ของจีนเสียอีก
พอเดินเข้าไปในล็อบบี้ ซุนเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบ ๆ สองสามครั้ง
การตกแต่งของโรงแรมค่อนข้างโบราณเล็กน้อย แต่ยังคงไม่เหมือนใคร โคมไฟระย้าโบราณแขวนอยู่เหนือล็อบบี้ และผนังประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังสไตล์สเปนที่สวยงาม แวบแรกเหมือนกับว่าเขาอยู่ในมาดริดเลย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซุนเฉิงก็โล่งใจและคิดกับตัวเองว่า “น่าจะใช่นะ!”
พอแน่ใจแล้ว ชายผิวขาววัยกลางคนสวมสูทเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาขอโทษและกล่าวว่า “ขอโทษครับคุณ โรงแรมถูกจองเต็มแล้ว เว้นแต่คุณจะมีบัตรเชิญเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ เราไม่สามารถรองรับแขกคนนอกได้อีกแล้ว!”
เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษแทนภาษาสเปน ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถระบุตัวตนของซุนเฉิงได้กระมังถึงเดินเข้ามาแบบนี้
“อันนี้หรือเปล่าครับ?” ซุนเฉิงหยิบบัตรเชิญจากกระเป๋าด้านในสูทของเขาอย่างใจเย็นและยื่นให้อีกฝ่าย
ทันทีที่ชายผิวขาววัยกลางคนเห็นบัตรเชิญสีทองในมือของเขา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบหยิบมันมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็โค้งตัวเล็กน้อยและทำความเคารพให้กับซุนเฉิง
“ขอโทษนะครับท่านแขกผู้มีเกียรติ ผมจะจัดให้ใครสักคนพาคุณไปที่ห้องพักผ่อนและเตรียมอาหารเย็นทันที กรุณาแจ้งให้เราทราบด้วยหากคุณต้องการอาหารประเภทอะไร สำหรับการเดินทางไปยังเกาะนูบลา เราจะรอแขกทุกคนมาถึงพรุ่งนี้ช่วงบ่ายและจึงไปครั้งเดียวครับ!”
เขาไม่ได้คืนบัตรเชิญให้กับซุนเฉิง อาจเพราะมันเป็นของแท้ล่ะมั้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ซุนเฉิงทั้งดีใจและประหลาดใจมาก เขารู้สึกดีใจเพราะเขาใกล้จะได้ไปจูราสสิคพาร์คแล้ว และประหลาดใจเพราะเขาไม่สามารถหาเบาะแสใด ๆ เกี่ยวกับคำเชิญลึกลับสองใบนี้ได้เลย
ทว่าซุนเฉิงไม่ได้แสดงความกังวลเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนอื่น เขาพยักหน้าเบา ๆ และดันกระเป๋าเดินทางไปให้พนักงานต้อนรับหญิงที่ถูกเรียกตัวมา
โรงแรมลาร์วิสดูธรรมดามากจากด้านนอก แต่องค์ประกอบภายในตกแต่งอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้หรูหราเหมือนโรงแรมระดับดาว แต่ก็สวยงามกว่าโรงแรมส่วนใหญ่ในจีน
หลังจากถูกพนักงานพาไปที่ห้องพักบนชั้นห้าเพื่อพักผ่อนเป็นการชั่วคราว ซุนเฉิงวางกระเป๋าเดินทางลงและมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพึงพอใจ
ต่อจากนั้น เขาก็เปลี่ยนร่างโน๊ตบุ๊คบางเฉียบให้กลายเป็นเซฟการ์ด รวมถึงกล้องด้วย เอาพวกมันทั้งสองวางไว้บนโต๊ะทำงาน
“เซฟการ์ด เชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหาครับนายท่าน...”
เซฟการ์ดเชื่อมต่อกับเครือข่ายอย่างรวดเร็ว รอฟังคำสั่ง “ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเอด้า หว่องและบริษัทแอทลาส เวนเจอร์ แคปปิตอลที”
แม้ว่าเขาจะเข้าพักในโรงแรมลาร์วิสอได้ด้วยบัตรเชิญลึกลับ แต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ซุนเฉิงมีอยู่ในยามนี้มีน้อยมาก ดังนั้นทันทีที่เขาค้นพบเบาะแสข้อมูลใหม่อย่างเอด้า หว่อง เขาก็พยายามสืบสวนทันที
ไฟแสดงการทำงานของเซฟการ์ดกระพริบอยู่มากกว่าสิบวินาที ก่อนที่ข้อมูลที่มันรวบรวมได้จะเริ่มปรากฏทีละรายการ
“เอด้า หว่อง อายุ 27 ปี เชื้อสายจีน-อเมริกัน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก สถาบันการศึกษาวอร์ตันแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ปัจจุบันทำงานที่กองทุนแอทลาส เวนเจอร์ แคปปิตอล ดำรงตำแหน่งในแผนกการลงทุนเสี่ยง และได้รับรางวัลสายดำบราซิลเลียน ยูยิตสู...”
การค้นหาของเซฟการ์ดนั้นละเอียดมาก ไม่เพียงแต่ค้นหาภาพถ่ายสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเอด้า หว่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาพถ่ายการเดินทางและชีวิตมากมายที่เธอถ่ายด้วย ซุนเฉิงประทับใจผู้หญิงที่สวยงามและเซ็กซี่ผิดปกติคนนี้เป็นอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะมองดูอีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะหันไปดูข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนแอทลาสเวนเจอร์แคปปิตอล
“บริษัทแอทลาส เวนเจอร์ แคปปิตอล บริษัทเงินทุนประกันภัยชื่อดังของอเมริกา...”
ข้อมูลยังคงปรากฏต่อเนื่องไปหลายหน้า ทุกหน้าล้วนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทแอทลาส เวนเจอร์ แคปปิตอล และบันทึกการลงทุนในอดีต
หลังจากอ่านอย่างอดทนแล้ว ซุนเฉิงคิดและสงสัยอีกครั้ง “ยังไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจูราสสิคพาร์คได้อีกงั้นเหรอ?...”
เขาขยี้หน้าผาก รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที จูราสสิคพาร์คมันเหมือนกับจู่ ๆ ก็ดผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่ว่าเขาจะค้นหายังไงก็หาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับมันไม่ได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขามีแต่จะต้องเสี่ยงไปที่อิสลานูบรากับคณะแขกพรุ่งนี้เท่านั้น เพื่อดูว่าจูราสสิคพาร์คที่ถูกรวมเข้ากับโลกแห่งความจริงนั้นมีสิ่งมีชีวิตพิเศษแบบไหนกันแน่!
หลังจากล้างหน้าตั้งแต่เช้าและพักผ่อนบนเตียง ซุนเฉิงก็ตื่นขึ้นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น เขายืดเส้นยืดสายง่าย ๆ ในห้องพักของโรงแรม ก่อนที่จะเดินลงไปที่ห้องอาหารชั้นสองเพื่อเตรียมรับประทานอาหารเช้า
โชคชะตาคล้ายเล่นตลก เขาเพิ่งสั่งข้าวสตูและอาหารทะเลสเปนพิเศษมาลองชิม ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างสูงและเซ็กซี่เดินเข้ามาในร้านอาหาร อีกฝ่ายคือเอด้า หว่อง
“ชาอินเดียหนึ่งถ้วย แซนด์วิชทูน่าและแซนด์วิชเนื้อหนึ่งชิ้น...”
หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว เอด้า หว่องก็หันกลับมาเห็นซุนเฉิงรออยู่ที่มุมของร้านอาหาร ซุนเฉิงสังเกตเห็นสีหน้าของเธอแข็งทื่อไปอยู่ชั่วขณะ แต่เธอก็รีบยิ้มอย่างมีเสน่ห์และเดินเข้ามาหาเขา
“คุณซุน เฉิงก็มาที่นี่เพื่องานประชุมนักลงทุนของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเจเนติกส์เช่นกันเหรอคะ?”
วันนี้เธอสวมสูทสีเทาเงิน มันรัดหน้าอกของเธอกลมกลึงมากขึ้น เนื่องจากระดับการเปิดของคอเสื้อ
“ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เจอคุณอีกที่นี่ คุณเอด้า หว่อง...”
สีหน้าของซุนเฉิงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพยายามอดใจไม่มองไปที่ผลึกแปลกประหลาดบนคอของเธอและมองไปที่เธออย่างใจเย็นแทน “เมื่อผมเห็นจดหมายเชิญบนเครื่องบินเมื่อวันก่อนนี้ ผมเลยอยากคุยกับคุณอีกสักหน่อย...”
“เรียกฉันว่าเอด้าก็ได้ค่ะ!”
เอด้า หว่องดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามเขา มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มที่ไม่มากไม่น้อย "น่าเสียดายนะคะ ฉันเลยคิดว่าคุณเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะมีอะไรกับฉันบนเครื่องบินเสียอีก...“
ตาของซุนเฉิงกระตุกเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้จะตรงไปตรงมาขนาดนี้
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อเอด้า หว่องทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะผลึกบนคอของเธอที่ทำให้เขามีอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรงเพียงแค่ได้เห็น มันจึงทำให้เขาต้องคอยระวังอยู่เนื่อง ๆ
“เทียบกับการพบปะที่โรแมนติกกันแล้ว ผมค่อนข้างอยากรู้มากกว่านะว่าทำไมคุณเอด้า หว่องถึงมาที่นี่...”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามเธออีกครั้ง
“ความลับทางธุรกิจค่ะ...”
เธอใช้ปลายนิ้วสีขาวของเธอถูขอบถ้วยชาที่เพิ่งมาถึง แล้วก็ยิ้มให้กับซุนเฉิงด้วยประกายแวววาวที่อธิบายไม่ถูกในดวงตาของเธอ “คุณก็มาที่นี่เพื่อโครงการจูราสสิคพาร์คด้วยเหรอคะ? ถึงแม้ฉันไม่แน่ใจว่าคุณมาจากบริษัทไหน แต่คุณคงเคยได้ยินข่าวแล้วว่า...เทคโนโลยีของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเจเนติกส์บรรลุผลแล้วตอนนี้ พวกเราจะถูกพาไปที่เกาะเพื่อไปเยี่ยมชมผลที่ว่าในช่วงบ่าย คุณว่างไหมคะ? บริษัทของเราได้กินโควต้าการลงทุนทั้งหมดสำหรับรอบ C แล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นแหล่งทำเงินก้อนโตเลยนะคะ!”
ดวงตาของซุนเฉิงเป็นประกาย เขารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ตรงหน้าเขามีข้อมูลบางอย่างที่เขาไม่รู้อยู่ เขาจึงแสร้งทำทีคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ยินดีให้ความร่วมมือครับ!”
“ยินดีเช่นกันค่ะ!”
ซุนเฉิงไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าเขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกจากเธอทันทีที่เขาตกลง เธอเลียริมฝีปากเหรอ?!
เธอคิดว่าเขาเป็นพวกหลอกง่ายงั้นเหรอ?
หรือ...
เขาจะตาฝาดไปเอง!