ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1054 ศัตรูของพระพุทธเจ้า (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1054 ศัตรูของพระพุทธเจ้า (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
“ปัง!” ขณะที่ความคิดเหล่านั้นไหลผ่านจิตใจของหลี่ฉิงซาน เท้าสีทองก็ตกลงมาตรงหน้าเขาทำให้แม่น้ำเลือดแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่ภูเขาพระใหญ่ก็ยังสั่นสะเทือน
เท้าสีทองมีข้อเท้าที่หนายิ่งกว่าเสาของหอพระใหญ่ หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นและพบกับใบหน้าสีทองที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาซึ่งทำให้เขาลอบสั่นไหวอยู่ภายใน นี่คือพระพุทธรูปพระใหญ่ที่ประทับอยู่บนยอดเขามานับหมื่นปี
เวลาราวกับหยุดนิ่ง พระใหญ่ราวกับยืนอยู่เหนือแม่น้ำแห่งกาลเวลา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงรูปปั้น ไม่มีการแสดงออกใดๆ แต่มันก็ดูเหมือนมีชีวิตจริงมากยิ่งกว่าแปดเทพอสูร
ใบหน้าของพระใหญ่สงบนิ่งและไม่ได้ดูหยิ่งผยอง มันกระทั่งดูอ่อนโยนยิ่งกว่ามนุษย์ เว้นเพียงมันยืนอยู่ในระดับความสูงที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้
พระใหญ่รวบรวมพลังศรัทธาจากผู้คนนับล้านมานับหมื่นปี ทุกการเคลื่อนไหวของมันทรงพลังมาก มันยิ่งใหญ่กว่าฝ่ามือทั้งสี่ของราชันผู้พิทักษ์ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพอัคคีจูหรงที่หลี่ฉิงซานเคยต่อสู้บนภูเขาเพลิงลาวา
‘นี่จึงเป็นการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดของวัดเทวนาคาที่แท้จริง ไม่ใช่นักบวช แต่เป็นรูปปั้นพระใหญ่ มันเทียบเท่ากับการโจมตีของเทพปีศาจพยัคฆ์เหินในตอนนั้น!’
คำกล่าวที่ว่า แม้ต้องฆ่าเทพเจ้าและพระพุทธเจ้าที่ขวางทาง เป็นเพียงเรื่องไร้สาระของมนุษย์ เพียงเมื่อมนุษย์เห็นการดำรงของเทพเจ้าหรือพระพุทธเจ้าด้วยตัวเองเท่านั้นที่พวกเขาจะตระหนักรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงของเทพเจ้าและพระพุทธเจ้า
สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่เทพเจ้าระดับต่ำเช่นเทพอัคคีจูหรงหรือเทพปีศาจพยัคฆ์เหินแต่เป็นพระศาสดาของศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า!
หลี่ฉิงซานไม่สามารถเก็บความแข็งแกร่งเพื่อจัดการทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาได้อีกต่อไป เขาต้องรวบรวมพลังทั้งหมด มีเพียงวิธีนั้นที่เขาจะสามารถหยุดพระพุทธเจ้าองค์นี้ได้
พระใหญ่ยกฝ่ามือหนาและกว้างขึ้นสูง มันดูหนักมากและเฉื่อยชามากขณะที่มัดกดลงบนหลี่ฉิงซานอย่างช้าๆ
ฝ่ามือของพระใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสิบเมตร แต่มันให้ความรู้สึกไร้ขอบเขตสำหรับเขา มันไม่สามารถหลีกเลี่ยง ยิ่งมันกดลงมามากเท่าใด แรงกดดันของมันก็ยิ่งมากเท่านั้น
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราชาอาณาจักรชู แม้แต่ผู้ฝึกตนแก่นวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ก็ยังสามารถตกตายภายใต้ฝ่ามือนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงความจริงที่ว่ามีแปดเทพอสูรและราชานักบวชอีกสองคนโจมตีเขาพร้อมกัน แม้จะเป็นราชาอาณาจักรชูเองที่เป็นคนรับสิ่งนี้ เขาก็ยังต้องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ผู้นำสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ต่างผ่อนคลายอยู่ภายใน หลังจากได้เห็นพระผู้กล้าถูกส่งบินออกไป พวกเขาก็ไม่เหลือจิตวิญญาณอันสูงส่งที่จะสังหารปีศาจอีกต่อไป หากการต่อสู้สามารถจบลงในลักษณะนี้ นั่นจะดีที่สุด
ก่อนที่ฝ่ามือของพระใหญ่จะมาถึง จะงอยปากทองคำของครุฑก็เกือบจิกไปที่ด้านหลังศีรษะของหลี่ฉิงซานแล้ว ทันใดนั้นมืออันไร้ที่ติของผู้หญิงก็ยื่นออกมาจากอากาศและจับจะงอยปากสีทองเอาไว้อย่างอ่อนโยน มันคือเสี่ยวอัน
ด้วยการสะบัดมือเบาๆ ลูกประคำสีทองกระจัดกระจายออกไปและกลายเป็นหัวกะโหลกสามสิบสามชิ้นที่ปล่อยเสียงอันแปลกประหลาดออกมา จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นปีศาจโครงกระดูกสามสิบสามตนซึ่งมีเปลวเพลิงสีขาวลุกไหม้อยู่ในรูเบ้าตา ร่างโครงกระดูกของพวกมันเป็นสีทอง พวกมันปลดปล่อยทั้งกลิ่นอายแห่งพุทธะและปีศาจออกมาพร้อมกัน
“ปัง!”
หมัดแห่งการรู้แจ้งและดาบแห่งการรู้แจ้งโจมตีปีศาจโครงกระดูกสองตัวในเวลาเดียวกัน พวกมันถูกส่งลอยออกไปแต่ยังพลิกตัวกลับมาได้ พวกมันลุกขึ้นยืนและคำรามเหมือนก่อนหน้า มีรอยหมัดและดาบอยู่บนกระดูกของพวกมัน แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าพวกมัน
ปีศาจโครงกระดูกไม่เคยมีชีวิตตั้งแต่แรก และทักษะทางพุทธศาสนาที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษกับปีศาจก็ดูเหมือนจะไม่มีประสิทธิภาพมากนักกับปีศาจโครงกระดูก
แต่ปีศาจโครงกระดูกอีกสองตัวกลับฉวยโอกาสนี้กวัดแกว่งกรงเล็บออกไปและบังคับให้ราชานักบวชทั้งสองล่าถอย
ปีศาจโครงกระดูกตัวอื่นๆแยกย้ายกันพุ่งเข้าหาแปดเทพอสูร เสียงสวดมนต์หยุดลงทันที ไม่ว่าการโจมตีของอสูราจะรุนแรงเพียงใด มันก็ไม่สามารถฆ่าปีศาจโครงกระดูก กลิ่นหอมของคนธรรพ์ก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าการเต้นรำของกินนรจะคาดเดาไม่ได้อย่างไร ไม่ว่ายักษาจะว่องไวเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกปิดล้อมและสกัดกั้นโดยปีศาจโครงกระดูกมากกว่าสิบตน มโหรากาสามารถกลืนปีศาจโครงกระดูกสามตนเข้าไปได้ในครั้งเดียว แต่มันก็เริ่มกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดทันที
โดยเฉพาะอยางยิ่งครุฑที่เสี่ยวอันคว้าจะงอยปากไว้ถูกปีศาจโครงกระดูกสองตนจับปีกสองข้างและกัดอย่างชั่วร้าย ขนสีทองของมันก็ปลิวไปในอากาศอย่างยุ่งเหยิง เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งดังขึ้น
ในชั่วพริบตาเดียว ความแตกต่างด้านตัวเลขก็เปลี่ยนไป และมันก็เปลี่ยนไปอย่างมากจนทำให้กลุ่มผู้ฝึกตนแก่นวิญญาณทั้งหมดตกตะลึง
โดยเฉพาะผู้นำนิกายม่อจื้อที่ภาคภูมิใจในราชาหุ่นเชิดของตนแต่มันกลับด้อยกว่าปีศาจโครงกระดูกเป็นอย่างมาก และไม่มีที่ใดเลยที่ใกล้เคียงในแง่ของปริมาณ สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาทันที
จินฝูกุ้ยและเยว่อู๋หยางมองหน้ากัน พวกเขาทั้งตกใจและสงสัย นี่ยังเป็นโลกใบเดิมของพวกเขาอยู่หรือไม่!? การต่อสู้ ไม่ สงครามระดับนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
“เยว่เอ๋อ!” ราชินีแห่งความมืดทั้งประหลาดใจและดีใจมาก แต่นางก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยกับความภาคภูมิใจของนางเช่นกัน ลูกสาวของนางไม่ต้องการการปกป้องจากนางอีกต่อไป ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายลูกสาวของนางได้อีกเช่นกัน ราชินีแห่งความมืดเย้ยหยันราชาอาณาจักรชู “เจ้ารู้สึกเสียใจหรือยัง?”
“นี่...”
ราชาอาณาจักรชูไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือลูกสาวของเขาซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตระกูลจี้มีรากฐานและมีทายาทนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีผู้ใดเทียบได้กับนาง แม้แต่จี้ซวนยื่อ
หากนางกลายเป็นราชาอาณาจักรชู บางทีนางอาจเป็นราชาอาณาจักรชูที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อรวมกับความช่วยเหลือจากหลี่ฉิงซาน พวกเขาจะสามารถยุติความคับข้องใจกับอาณาจักรเยว่ บางทีเขาอาจไม่ควรกล่าวและแสดงท่าทีที่เด็ดเดี่ยวเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามเขาละทิ้งความคิดนี้ทันที เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะระมัดระวังตัวมากเกินไปและโลเล วันนี้เขาไม่อยู่ในสถานะที่จะรู้สึกเสียใจได้
‘ผีน้อยจากตอนนั้นน่ากลัวเช่นกัน!’ กู่เยี่ยนหยินถอนหายใจอยู่ภายในและกล่าวกับเจ้าวังหลอมรวมดาบที่อยู่ใกล้ๆว่า “ท่านสามารถทำสิ่งใดก็ได้ แต่เหตุใดท่านต้องยั่วยุพวกเขาเป็นพิเศษ ตอนนี้มันคงไม่สามารถจบลงโดยง่ายแล้ว”
เจ้าวังส่งพลังให้กระบี่อิงฟ้าและโจมตีเขตแดนนรกลมร้อนขณะที่กู่เยี่ยนหยินกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น แต่ใบหน้าของเขายังกลายเป็นมืดมน เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอยู่ภายใน สัตว์ประหลาดสองตัวที่เขายั่วยุคือสิ่งใดกันแน่!?
เดิมทีแผนการจัดการหลี่ฉิงซานเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่สำคัญที่เขาทำไปโดยไม่ใส่ใจนัก หากเขาไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ เขาก็พร้อมที่จะกำจัดหลี่ฉิงซานอย่างง่ายดาย แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าตัวหมากรุกชิ้นนี้จะพลิกกระดานหมากรุกทั้งหมดในพริบตาทำให้ผู้เดินหมากรุกเกือบเสียชีวิตแทน
ทุกคนล้วนคิดเช่นเดียวกัน หากวันนี้ทั้งสองไม่ตายอยู่บนภูเขาพระใหญ่ แล้วผู้ใดบนโลกใบนี้จะยังหยุดพวกเขาได้
ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานพลันรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะการโจมตีจากแปดเทพอสูรและราชานักบวชสองคนถูกขัดขวาง มันเป็นเพราะฝ่ามือสีทองที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเปลี่ยนเป้าหมายโดยฉับพลัน มันพุ่งไปที่เสี่ยวอัน ดวงตาของพระใหญ่เปิดขึ้นอีกเล็กน้อยและจ้องมองไปที่นาง
เสี่ยวอันไม่แยแส ด้วยการสะบัดธงทะเลเลือดอย่างอ่อนโยน นางดูดพระใหญ่เข้าไปในครั้งเดียว
ธงทะเลเลือดมีพื้นที่มิติของมันเองมาโดยตลอด และแตกต่างจากทุ่งอสูรกายตรงที่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อกักขังศัตรูโดยเฉพาะ แม่น้ำเลือดไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้เลย
ราชานักบวชคำรามด้วยความโกรธจัด “จิตมั่น ศัตรูของพระพุทธเจ้า!”