เขาพูดอย่างใจเย็นไปว่า : “บุคลิกของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ผมไม่ชอบเปิดเผยตัวตนของตัวเองมากนัก ดังนั้นเลยปิดบังตัวตนของตัวเองไว้ ผมเองก็เรียบง่าย และไม่ซับซ้อนยุ่งยากเช่นนี้..”

“ฮ่าฮ่า ไม่ชอบเปิดเผยตัวตนของตัวเอง!”

“การที่ คุณชายซู มีความคิดแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเปรียบเทียบได้จริงๆ ฉัน จาง เอี๋ยนป๋อ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกด้อยกว่าแล้ว”

ประธานจาง พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง

โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาก็พูดประจบ ซูเหวิน ไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว

พูดได้แค่ว่า คนผู้นี้สมแล้วที่เป็นประธานบริษัทใหญ่ เขาพูดได้เก่งมาก

ทันใดนั้น ประธานจาง ได้มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง พลันดวงตาเขาเปล่งประกายขึ้นมา เหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ และเขาพูดด้วยความดีใจไปทันทีว่า : “ซู... ประธานซู ปาร์ตี้ครั้งที่แล้วฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบเจอคุณ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณ”

“ต่อมาได้ข่าวว่าคุณลงทุนในหลายบริษัท ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่?”

ประธานจาง กล่าวถามอย่างระมัดระวัง

ดูเหมือนว่าเขามีอะไรอยากจะพูด

ซูเหวิน ไม่ได้คิดปิดบัง และเขาพยักหน้า : “อืม ผมเคยลงทุนในหลายบริษัทจริงๆ”

“แต่หากพูดถึงเรื่องการลงทุน มีบริษัท และโครงการมากมายที่ Worster Group ของเราได้ลงทุน และเอาเข้าจริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

ซูเหวิน เพียงแค่พูดตามมารยาท

“เอ่อ.. คืองี้ ประธานซู จริงๆ แล้ว จินเหิง กรุ๊ป ของเราในปีหน้า…”

จากนั้น ประธานจาง ก็พูดความคิดของตัวเองออกมา

ที่แท้ จินเหิง กรุ๊ป ของพวกเขาเตรียมที่จะพัฒนาโครงการใหม่

โครงการนี้มีขนาดใหญ่มาก ต้องการเงินทุนมาก และมีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน

เพียงแต่เมื่อทำสำเร็จแล้วนั้น อนาคตย่อมไม่มีที่สิ้นสุด

หากทําไม่ดี แน่นอนว่าคุณย่อมต้องประสบกับความสูญเสีย(ขาดทุน)ครั้งใหญ่

ในฐานะที่ จินเหิง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกในประเทศ แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้เพียงลำพัง โดยยอมรับความเสี่ยงนี้ได้

ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มมองหาหุ้นส่วน และพันธมิตร

ขณะนี้มีหลายบริษัทที่มีเจตนาให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

แต่ จาง เอี๋ยนป๋อ คิดมาตลอดว่ามันยังไม่เพียงพอ..

แต่ตอนนี้ คนตรงหน้าเขาคนนี้ เขาไม่ใช่หุ้นส่วนที่ดีที่สุดหรอกเหรอ?

ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ของ Worster Group โครงการใหม่ของพวกเขายิ่งมีอนาคตมากขึ้น!

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาพูดความคิดของตัวเองออกไป

หลังจากฟังคำอธิบายของอีกฝ่ายแล้ว ซูเหวิน ก็เข้าใจแล้ว

อีกฝ่ายต้องการขอความร่วมมือ

แต่ ซูเหวิน รู้สึกว่าโครงการที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นเป็นโครงการที่มีแนวโน้มที่ดีจริงๆ

แต่ความเสี่ยงนั้นก็สูงมากจริงๆ เช่นกัน

บริษัทใหญ่ๆ ธรรมดาๆ คงแบกรับความเสี่ยงนี้ไม่ไหวจริงๆ

ดีไม่ดีบริษัทก็อาจเจ๊งล้มละลายได้เลย

แน่นอนว่านี่ไม่รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทชั้นนำ 100 อันดับแรกของโลก

สําหรับ Worster Group การลงทุนในโครงการดังกล่าวสิบโครงการในเวลาเดียวกันย่อมไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ ซูเหวิน กําลังจะตอบรับข้อเสนอนี้ของอีกฝ่าย คุณชายตู้ ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“คุณลุงครับ สำหรับโครงการนั้น ทำไมคุณถึงไม่ขอความร่วมมือจาก หลิ่งเทียน กรุ๊ป ของเราล่ะ แล้วทำไมคุณถึงต้องไปมองหาจากคนอื่นด้วย?”

คุณชายตู้ ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวมันออกมา

น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนไม่พอใจอยู่บ้าง

นี่คือพวกเขาไม่เห็น ตระกูลตู้ อยู่ในสายตาเลย?

ประธานจาง ย่อมได้ยินถึงความไม่พอใจจากในคําพูดของอีกฝ่าย

เขาส่ายหน้า และมองไปที่ คุณชายตู้ ก่อนพูดว่า : “เสี่ยวตู้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากร่วมมือกับ ตระกูลตู้ ของคุณ ถ้า หลิ่งเทียน กรุ๊ป เต็มใจยอมร่วมมือกับ จินเหิง จริงๆ นั่นคงเป็นสิ่งที่ฉันคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง”

“เพียงแต่คุณ กับเสี่ยวเหล่ย ใกล้จะหมั้นหมายกันแล้ว ถ้าฉันขอความร่วมมือจากพวกคุณในเวลานี้ ครอบครัวของคุณจะคิดยังไง เมื่อพวกเขารู้?”

“พวกเขาคงต้องคิดว่า ตระกูลจาง ถือโอกาสใช้ประโยชน์จากการหมั้นหมาย โลภมาก โดยเปิดเงื่อนไขให้กับ ตระกูลตู้ ของพวกคุณ!”

ประธานจาง พูดอย่างช้าๆ

ต้องบอกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

หากเวลานี้พวกเขาขอความร่วมมือจาก ตระกูลตู้ จริงๆ

เมื่อนั้น ตระกูลจาง ของพวกเขาราคาในใจของทุกคนใน ตระกูลตู้ จะลดลงไปอย่างมาก

พอฟังคำอธิบายของคุณลุง คุณชายตู้ ก็พยักหน้าเช่นกัน โดยรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล..

เอาจริงๆ แล้วเขาไม่ได้คิดถึงขั้นนี้

ความโกรธในใจของเขาก็หายไปไม่น้อยเลย

แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป งั้น ซูเหวิน ย่อมจะต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนไปทั้งหมดไม่ใช่หรือ?

คุณชายตู้ จึงพูดอีกครั้งว่า : “คุณลุง เรื่องความร่วมมือคุณไม่ต้องกังวล ผมจะช่วยคุณแก้ไขปัญหานี้ให้เอง”

“ในเมื่อคุณกลัวว่าการไปขอความร่วมมือจาก ตระกูลตู้ แล้วจะทำให้ ตระกูลตู้ ของเราไม่พอใจ ดังนั้นเรื่องนี้ผมจะพูดคุยกับพ่อ และขอให้เขาตกลงให้ความร่วมมือ…”

“แน่นอน คุณวางใจได้เลย ผมจะไม่พูดว่าคุณลุงเป็นคนสั่ง ผมมีวิธีพูดอ้อมค้อม(แถ) และมันช่วยคุณลุงได้แน่ๆ”

คุณชายตู้ พูดพลางยกยิ้มขึ้นอย่างมั่นใจ

ดูเหมือนว่าเขาจะคิดหาวิธีได้แล้ว

“มัน.. มันจะดีหรือ?”

ประธานจาง ตกตะลึงจริงๆ

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวของเขา กับคุณชายตู้, ตอนนี้เป็นช่วงที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก

ไม่ว่าจะพูดคุยกับ ตระกูลตู้ อย่างไรในเวลานี้ก็ดูไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย!

“ไม่มีอะไรที่ไม่ดีหรอกครับ คุณลุง, ครั้งนี้พวกคุณยังขาดเงินทุนอีกเท่าไรสำหรับโครงการนี้?”

คุณชายตู้ กลับกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว และยังยืนกรานที่จะถาม

“เอ่อ.. เรายังต้องการเงินอีกอย่างน้อย 8 พันล้าน”

“นี่ไม่ใช่เงินจํานวนเล็กน้อยเลย เสี่ยวตู้ คุณต้องคิดให้ดี และคิดให้รอบคอบ”

ประธานจาง กล่าวต่อ

พูดตามตรง เขายังรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม

แต่ คุณชายตู้ ตัดสินใจแล้ว เขาแค่ไม่อยากให้ ซูเหวิน เป็นที่สนใจเท่านั้น

ทันใดนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรออกไปหาพ่อของเขา แล้วบอกเล่าถึงเรื่องนี้

ผู้ชายคนนี้ฉลาดจริงๆ

เขาไม่ได้บอกพ่อของเขาทันทีถึงเรื่องความร่วมมือนี้

กลับบอกว่า ตระกูลตู้ มีโครงการความร่วมมือที่มีคนสนใจ เขารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดี และมีผลประโยชน์มหาศาลในอนาคต ดังนั้นเขาจึงต้องการคว้ามันไว้

โดยถามพ่อของเขาว่ายินดีให้ความร่วมมือหรือไม่

ต้องบอกว่า ในแง่ของวิธีการพูดนี้เขาทำได้ดีจริงๆ

แต่น่าเสียดายที่ พ่อของ คุณชายตู้ กลับปฏิเสธความร่วมมือนี้

ไม่ว่า คุณชายตู้ จะว่ายังไง พ่อของเขาก็ไม่เห็นด้วย

และปฏิเสธลูกชายของตัวเอง โดยอ้างว่า หลิ่งเทียน กรุ๊ป ไม่ใช่ของเขาคนเดียว

ในความคิดของ พ่อของ คุณชายตู้ ความร่วมมือสามารถทำได้ในเวลาอื่น แต่ต้องไม่ใช่ในเวลานี้

ให้ความร่วมมือในเวลาที่ใกล้จะหมั้นหมาย ผลกระทบของมันย่อมเลวร้ายมาก

นอกจากนี้ยังเป็นโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้

เขามั่นใจได้ว่าตราบใดที่เขาตกลงกับคําขอนี้ มันจะส่งผลเสียอย่างมากต่อ ตระกูลจาง

ในสายตาของคนนอก พวกเขาจะคิดว่า ตระกูลจาง ใจร้อนเกินไป

นี่ยังไม่ทันได้หมั้นเลย พวกเขาก็เต็มไปด้วยความโลภแล้ว

ต่อให้ไม่สนใจสายตาของคนนอก แต่สมาชิกคนในครอบครัวล่ะ?

หากยอมรับคําขอนี้ นับจากนี้ ตระกูลตู้ ของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อ ตระกูลจาง ไปอย่าง.. หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วทำไมเขาต้องเห็นด้วย?

“แต่ คุณพ่อ…”

คุณชายตู้ ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเพิ่มเติม แต่กลับถูกพ่อของเขาขัดจังหวะ

“โอเค เซียวจึ เรื่องความร่วมมือ อย่าเพิ่งพูดถึงเลย”

“หลังจากแต่งงานแล้วเราค่อยยกเอาเรื่องนี้มาพูดคุยอีกทีก็ยังได้ ..แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ โอเค ฉันจะวางสายแล้ว”

พูดจบ พ่อของ คุณชายตู้ ก็วางสายไป ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ลูกชายได้พูดอีก

เหลือเพียงลูกชายของเขาที่พูดไม่ออก เขาดูมีสีหน้างงๆ สับสน

“ฮ่าฮ่าๆ เสี่ยวตู้ เรื่องนี้อย่าได้เอามาใส่ใจเลย ในเมื่อพ่อเธอไม่เห็นด้วย งั้นก็ช่างเถอะ เดิมทีฉันไม่ได้คิดจะร่วมมือกับ ตระกูลตู้ ของพวกคุณในเวลานี้อยู่แล้ว”

“เอาเป็นว่ารอให้เราสองครอบครัวเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว และไม่จริงหรือว่าต่อจากนี้เรายังมีโอกาสให้ร่วมมือกันอีกมากมาย?”

พอเห็นสีหน้าของ คุณชายตู้ ประธานจาง ก็รู้ดีแล้วว่าความร่วมมือกับ ตระกูลตู้ ในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นเขาจึงพูดเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย

แต่ในเวลานี้ สีหน้า คุณชายตู้ นั้นกลับดูน่าเกลียดไม่น้อย…

0 0 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด