ตอนที่ 123: ความคาดหวังของสาวน้อย!
จากนั้นหลินซวน ก็เล่นกับบุตรสาวของเขาอยู่พักหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าการชุมนุมวิถีกระบี่ผู้เยาว์ใกล้เข้ามา เขาและมู่โหย่วชิงจึงพาเด็กกลุ่มหนึ่งไปที่ภูเขาเทียนเจียน
เมื่อมาถึงยอดเขาเทียนเจียน
ก็พบว่าจัตุรัสหยานหวู่ขนาดใหญ่มีรัศมี 100 ลี้เวลานี้นั้นเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
มองดูแล้วไม่ต่ำกว่าแสนคนแน่นอน
ในจัตุรัสหยานหวู่ มีเวทีประลอง 11 แห่ง
มีสนามประลองขนาดเล็กสิบแห่งล้อมรอบ สนามประลองขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง.
ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของจัตุรัสหยานหวู่ มีคนแถวหนึ่งที่รับผิดชอบในการลงทะเบียน
มู่โหยวชิง เอ่ยว่าคนเหล่านี้ทั้งหมดมาจากพันธมิตรกระบี่ของ เป่ยเสวียนเทียน, ซีเซียวเทียน และตงหยวนเทียน
และการชุมนุมวิถีกระบี่ผู้เยาว์ครั้งนี้จัดโดยสมาคมกระบี่แห่งสามดินแดน
จุดประสงค์คือเพื่อเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนฝีมือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างลูกหลานของมือกระบี่ของสามแดนโลก
ด้วยวิธีนี้เหล่าผู้เยาว์จะได้รับการฝึกฝนขัดเกลาตัวเองเพื่อก้าวสู่เส้นทางกระบี่
หลินซวน และ มู่โหยวชิง พาเด็ก ๆ ไปลงทะเบียน
ตงหวงเห่าหยู ซึ่งมาก่อนได้ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว
เมื่อพวกเขามาถึง เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่ ที่ก้าวเข้าไปลงทะเบียน ทว่าผู้รับผิดชอบกลุ่มพันธมิตรกระบี่ก็ยืนขึ้นและทักทายหลินซวน: "คุณชาย โปรดรอสักครู่!"
เมื่อเขาเห็นท่าทางที่ไม่ธรรมดาของหลินซวน จึงได้ตัดสินใจเอ่ยอธิบายบางอย่างออกมา.
นั่นก็เพราะเสวียนจู่ และเหล่าน้องสาวยังเด็กเกินไป ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานการลงทะเบียนขั้นต่ำอายุสิบปี
และเขาเองก็ไม่กล้าปฏิเสธหลินซวนแบบซึ่ง ๆ หน้าด้วย เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการลงทะเบียนให้กับเด็กตัวเล็ก ๆ จริง ๆ รึ?
ดังนั้นจึงคิดที่จะหาคนมาเจรจากับหลินซวนก่อน.
ในเวลาเดียวกันเขาจึงได้นำชายวัยกลางคนหนึ่งในชุดคลุมสีเขียวหัวหน้าเจ้าหน้าที่งานชุมนุมมา.
โจวไป๋ชวนนิกายกระบี่จากเป่ยเสวียนเทียนที่มาถึงก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับ:
“นิกายกระบี่เสวียนจิว เป่ยเสวียนเทียน โจวไป๋ชวนทักทายตี้ฟู่!”
ครั้งสุดท้ายที่เขาติดตามหยวนเซียวไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น โจวไป๋ชวนเห็นท่าทางอันไร้ที่ติของหลินซวนมาก่อนแล้ว.
ดังนั้นเขาจึงยังคงจำหลินซวนได้ในทันที.
เหล่ากลุ่มมือกระบี่รอบ ๆ เองก็เร่งรีบแสดงความเคารพออกมาเช่นกัน.
“เป็นตี้ฟู่นี่เอง โปรดอภัยให้ข้าด้วย สถานะของข้าต่ำต้อยเกินไป จึงไม่กล้าตัดสินอะไร จึงได้เชิญผู้นำโจวมา”
หลินซวน พยักหน้าอย่างไม่แยแส: "ไม่เป็นไร"
โจวไป่ชวน ยิ้มและเอ่ยว่า: "หากเป็นตี้ฟู่ สามารถพาเด็ก ๆ เข้าร่วมได้ นี่จะเป็นการเพิ่มความรุ่งโรจน์ให้กับการชุมนุมครั้งนี้อย่างแน่นอน"
“พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ยินดีต้อนรับองค์หญิงน้อยทั้งสี่ ให้เข้าร่วมเช่นกัน!”
ผู้นำสองนิกายกระบี่เองก็ตามหลังมาเช่นกัน หลังจากทราบตัวตนของหลินซวน ก็เอ่ยเช่นเดียวกับโจวไป่ชวน.
หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว เสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ก็มีคุณสมบัติที่จะแข่งขันได้
โจวไป่ชวนเอ่ยออกมาว่า: "ตี้ฟู่ องค์หญิงน้อยทั้งสี่ยังเด็กอยู่ ข้าเกรงว่าพวกนางไม่เหมาะจะแข่งขันตั้งแต่รอบแรก ท่านคิดว่าพวกนางจะเหมาะเข้าประลองรอบจริงเลยหรือไม่?"
ตามกฎของการแข่งขันผู้เยาว์วิถีกระบี่
มือกระบี่รุ่นเยาว์ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องผ่านรอบคัดเลือกก่อนเข้าสู่รอบแข่งขันจริง.
ตั้งแต่เริ่มต้นด้วยรอบคัดเลือก ทุกคนจะเข้าแข่งขันบนเวทียุทธขนาดเล็ก ๆ สิบเวทีรอบ ๆ.
คัดให้เหลือสามสิบสองคนเพื่อจะสามารถผ่านเข้าไปแข่งขันบนเวทีประลองใหญ่ตรงกลาง.
รอบต่อสู้จริง ก็คัดสามสิบสองเหลือสิบหก,คัดสิบหกเหลือแปด และคัดแปดเหลือสี่ คัดสี่เหลือสองคน และท้ายที่สุดก็เป็นคนสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นผู้ชนะเลิศ
ด้วยเหตุนี้การจะคัดให้เหลือสามสิบสองคนนั้น การต่อสู้คัดเลือกก็ต้องแข่งขันคัดออกจากสิบสนามรอบ ๆ ซึ่งต้องผ่านการต่อสู้ไม่น้อยทีเดียว.
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเสวียนจู่ และคนอื่น ๆ แล้ว ผู้เข้าร่วมทั้งหมดยังเป็นผู้เยาว์ที่โตแล้วมีอายุมากกว่าสิบปีแล้ว.
โจวไป่ชวนคิดว่าเมื่อหลินซวนปล่อยให้บุตรสาวของเขาเข้าแข่งขัน ทักษะกระบี่ของพวกนางจะต้องไม่อ่อนแอเช่นกัน
ทว่าก็เพียงเท่านั้น.
ในฐานะเด็กอายุสามหรือสี่ขวบ ยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ในด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายกับเด็กโต
เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ ต่อสู้ตั้งแต่รอบแรกจนจบ.
หลินซวนเอ่ยอย่างเฉยเมย:
“พวกนางมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์หลักในการเพิ่มประสบการณ์ ขอเพียงแค่ได้ประลองกับยอดฝีมือก็พอแล้ว”
“ไม่มีความจำเป็นต้องมีลำดับใด ๆ ก็ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวไป่ชวนก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว: "สิ่งที่จักรพรรดิเอ่ยเป็นความจริงอย่างยิ่ง!"
มู่โหยวชิง กล่าวเสริม: "เช่นนั้นก็ให้พวกเสวียนจู่ได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่สุดสี่คนก็พอแล้ว ในเมื่อพวกนางต้องการเก็บประสบการณ์ ก็ควรจะได้รับประสบการณ์ประลองกับคนที่มีฝีมือที่สุด!"
ผู้จัดงานทั้งสามคนรวมทั้งโจวไป่ชวนพยักหน้าเห็นด้วย: "องค์หญิง เข้าใจแล้ว!"
เรื่องนี้ก็ยุติลงโดยสมบูรณ์
เมื่อได้ยินว่าพวกนางจะได้ต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เยาว์ พวกเสวียนจูที่ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.
“พี่ชายและพี่สาวทุกคนดูแข็งแกร่งมาก มันน่าทึ่งมากที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้!”
"ใช่แล้ว เสด็จแม่บอกว่า แข็งแกร่งขึ้นโดยการเรียนรู้จากยอดฝีมือ และวันนี้ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน!"
“ข้ารออยู่จริง ๆ!”
“เสี่ยวจิ่ว ข้าจะต้องต่อสู้กับยอดฝีมือจากนี้ เจ้าเองก็ต้องเรียนรู้ด้วย!”
หลินซวน และ มู่โหยวชิง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นการแสดงออกที่น่ารักและร่าเริงของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ
ใช้ประโยชน์จากการแข่งขันที่ยังไม่ได้เริ่ม
มู่โหย่วชิงพาตงหวงเห่าหยูและคนอื่น ๆ ไปสื่อสารและพูดคุยกับผู้เยาว์คนอื่น ๆ
หลินซวน พาบุตรสาวทั้งสี่คนของเขาและเดินไปข้างหลังพวกนาง
ผู้คนในจัตุรัสพูดคุยกันดังโขมงโฉงเฉง
ใครก็ตามที่มีความสามารถในการเป็นผู้นำจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ผู้เยาว์ทุกคนอย่างรวดเร็ว
“สำนักเพียวเหมียวและคฤหาสน์ซือเฟิง ของตงหยวนเทียน วิถีกระบี่ของพวกเขานั้นมีเอกลักษณ์และครอบงำมาก ดังนั้นข้าคิดว่าฮานซือเหวินและสวีเหว่ยเฉิง นายน้อยของสองนิกายนี้มีแนวโน้มที่จะได้อันดับหนึ่ง.”
“เป่ยเสวียนเทียนเองก็มีมือกระบี่ ลูกหลานของราชวงศ์ตงหวงล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญวิถีกระบี่ โดยเฉพาะตงหวงเห่าหยู ที่ได้ก้าวสู่ขอบเขตแรกแดนกระบี่แล้ว!”
“ในความเห็นของข้า จ้าวหยูเจี่ยและหยูอู่เซิ่งของซีเซียวเทียน โดยเฉพาะจ้าวหยูเจี่ยที่เป็นทายาทจักรพรรดิ ย่อมได้ความได้เปรียบโดยธรรมชาติ ทักษะกระบี่ยอดเยี่ยม กล่าวได้ว่าเป็นผู้เยาว์ที่ไร้เทียมทาน.
-
เหล่าผู้เยาว์ชายหญิงที่โต้เถียงกันไปมา พร้อมกับชื่นชมอัจฉริยะวิถีกระบี่ที่พวกเขารู้จัก.
แม้นว่าพวกเขาจะเข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ด้วย แต่ก็เพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น.
วิถีกระบี่นั้นไม่ใช่แค่พยายามเพียงอย่างเดียวก็จะประสบผลสำเร็จได้.
พรสวรรค์ ทรัพยากร แม้แต่โชคก็ล้วนแต่เป็นตัวแปรที่ทำให้ก้าวไปได้ไกลเท่าไร.
ดังนั้นโลกที่พวกเขาอยู่ เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ จึงเป็นภูเขาใหญ่ที่ยากที่พวกเขาจะก้าวผ่านได้.
ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ชื่นชมอัจฉริยะที่พวกเขาชื่นชอบเป็นอย่างมาก.
ด้วยเหตุนี้.
เหล่ามือกระบี่กระบี่รุ่นเยาว์ของ เป่ยเสวียนเทียน, ซีเซียวเทียน และ ตงหยวนเทียน เหล่าตัวเก็งทั้งหลายพวกเขาย่อมเอาใจช่วยคนจากดินแดนเดียวกัน.
อย่างไรก็ตามหัวข้อพูดคุยของพวกเขา.
เหล่าตัวเก็งนั้นมาจากคนห้าคน.
ตงหวงเห่าหยูจากเป่ยเสวียนเทียน จ้าวหยูเจี่ย หยูอู๋ซ่างจาก ซีเซียวเทียน ฮานซือเหวินและสวีเหว่ยเฉิงจากตงหยวนเทียน.
เพราะจ้าวหยูเจี่ยคือบุตรของจักรพรรดิซีเซียวเทียน จ้าวไป่ชุน ที่เข้ามาทักทายหลินซวนจึงได้แนะนำให้เขารู้จักตงหวงเห่าหยู.
ตงหวงเห่าหยู และจ้าวหยูเจี่ย ทักทายกันอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นจ้าวหยูเจี่ยก็เผยยิ้มเต็มไปด้วยความมั่นใจ.
“เราเป็นเพื่อนกันนอกเวทีได้ แต่อยู่บนเวที ถ้าเจ้าพบข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ดีที่สุด เพื่อที่ข้าจะได้รู้สึกถึงความสำเร็จเมื่อข้าชนะ!”
ตงหวงเห่าหยูพยักหน้า: "ข้าก็ต้องการบอกกับเจ้าเช่นนั้นเหมือนกัน!"
"ฮ่าฮ่า ดี!" จ้าวหยูเจี่ย ยิ้มแล้วหันหลังและจากไป
จากระยะไกล หยูอู๋ซ่าง ฮานซือเหวินและสวีเหว่ยเฉิง หลีองมองตงหวงเห่าหยูและจ้าวหยูเจี่ยอย่างไม่ได้ตั้งใจ.
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองถือว่าเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับพวกเขา.
เสวียนจู,เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู กระพริบตาโตสีเข้มของพวกนางและมองดูตงหวงเห่าหยูและจ้าวหยูเจี่ยเผชิญหน้ากัน.
เด็กสตรีตัวเล็ก ๆ ต่างแสดงท่าทีคาดหวัง พวกนางไม่รู้ว่าพวกนางจะได้สู้กับพี่ใหญ่คนไหน?