ตอนที่ 122: กระแสสัตว์อสูรฟื้นคืน!
ในหมู่พวกเขา กงซุนจีประหลาดใจที่สุด
ในหมู่แม่ทัพอสูรแห่งเผ่าแมงป่องลำดับที่ 7 ร่างอันใหญ่โตและน่าสะพรึงกลัวของเขา เกิดมาพร้อมพลังกดขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้
ตามเหตุผล.
ตอนนี้อยู่ในวัง ใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้าเขา ควรจะต้องรู้สึกวิตกกังวล
อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าพ่อและบุตรสาวด้านหน้ากับไม่รู้สึกอะไรต่อเขา ไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย.
แม้แต่กองทัพเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรนับหมื่นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ไม่สนใจเลย
แนวคิดนี้แทบจะล้มล้างทัศนคติทั้งหมดของกงซุนจีไป.
“ดูไม่เหมือนว่าพวกเขาจงใจเสแสร้งรึ?”
“อีกนัยหนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาในชุดขาวคนนี้ เขาไม่อาจละสายตาได้เลยจริง ๆ”
กงซุนจีเหล่ตา ภายในหัวที่เต็มไปด้วยความคิดที่วุ่นวาย: "คนเช่นนี้ต้องมีความสามารถพิเศษ!"
ในเวลานี้ เมื่อเห็นหลินซวนปรากฏตัว หัวใจที่สั่นไหวของเซียวเฟยก็กลับมามั่นคง.
เขาดีใจมาก และรีบทักทายหลินซวน: "ตี้ฟู่ ท่านยังอยู่ที่นี่!"
ตอนนี้จักรพรรดิปรากฏตัวขึ้น และไม่มีเซียวหลิงเอ๋ออยู่ในห้องโถงใหญ่
เซียวเฟยสรุปอย่างกล้าหาญว่า เขาต้องรักษาหลิงเอ๋อให้หายขาดได้แล้ว จากนั้นก็เล่นเกมซ่อนหากับบุตรสาว.
ตี้ฟู่?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ กงซุนจีก็อดไม่ได้ ที่ดวงตาของเขาจะสั่นไหวและตื่นตัวขึ้นมา.
มีจักรพรรดินิเพียงคนเดียวในอาณาจักรอมตะเก้าสวรรค์ นั่นก็คือจักรพรรดินิเสวียนปิง ตงหวงจื่อโหยว.
เขาจ้องมองไปที่หลินซวนอย่างเคร่งขรึม และเอ่ยอย่างลับ ๆ ว่า "เช่นนั้น บุรุษคนนี้ ก็คือสามีของจักรพรรดินีเสวียนปิง!"
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กงซุนจีก็แอบขบฟัน
ถ้าเป็นบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิงจริง ๆ โอกาสที่พวกเขาบุกมาในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ.
“เหลิ่งหยุน เจ้าออกไปลองเชิงบุรุษชุดขาวคนนั้น!”
กงซุนจีสั่งให้แม่ทัพอสูรลำดับที่สี่ลองทดสอบอีกฝ่ายทันที.
จุดประสงค์ของเขาคือให้เหลิ่งหยุนตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของอีกฝ่าย.
นี่คือแผนการที่ดีที่สุด.
เพื่อป้องกันไม่ให้เซียวเฟยจงใจหลอกลวงตัวเอง
เขารู้สึกว่าตัวเองต้องระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นหลอกลวงเช่นกัน.
“รับทราบ!”เหลิ่งหยุนที่รับคำสั่ง เขากระตุ้นแก่นแท้ในร่างกาย ยกกระบองขึ้นก่อนที่จะฟาดไปยังทิศทางของหลินซวน.
เซียวเฟยอดไม่ได้ที่ดวงตาของเขาจะสั่นไหว
การโจมตีของแม่ทัพอสูรระดับสี่นั้นอันตรายเป็นอย่างมาก ทำให้อากาศรอบ ๆ สั่นสะเทือนไปมาเล็กน้อย.
ทว่าขณะเขาจ้องมองไปยังเหลิ่งหยวนก็อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทางเยาะเย้ยอีกฝ่ายออกมา.
อยากทดสอบความแข็งแกร่งของตี้ฟู่ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ยาวนัก!
ปัง
กระบองในมือของเหลิ่งหยุนระเบิดร่างกายของเขาก็พุ่งกระเด็นออกไปทันที.
ยังไม่ถึงตัวของหลินซวนด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็พุ่งกระเด็นออกมาครูดไปกับพื้นหมดสภาพไปในทันที.
แฮก ๆ~
เมื่อเห็นหลินซวนตบเหลิ่งหยุนราวกับตบแมลงวัน กงซุนจีและสัตว์อสูรตนอื่น ๆ ก็ตื่นตกใจ.
“แม่ทัพอสูรระดับสี่ถูกตบลอยกระเด็นง่าย ๆ เช่นนี้รึ?”
กงซุนจีอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัวอย่างลึกซึ้ง
เมื่อเขาเห็นหลินซวนลงมือเมื่อครู่นี้ เขาได้ยินเสียงกระดูกของเหลิ่งหยุนแตกหักอย่างชัดเจน
การตบนี้ดูสงบและอ่อนโยนแต่กลับมีพลังมหาศาล
เดิมทีกงซุนจี คิดว่าบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิงควรอยู่ในอาณาจักรจักรพรรดิ
แต่ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า จะต้องเป็นอาณาจักรมหาปราชญ์อย่างแน่นอน.
เพราะเขาเคยเห็นพลังของจักรพรรดิอสูรมาก่อน เทียบกับหลินซวนที่อยู่ข้างหน้า นับว่าด้อยกว่ามาก.
“บุรุษผู้นี้จะต้องเป็นสามีของจักรพรรดินิเป่ยเสวียนเทียนอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซียวเฟยถอยกลับมาที่พระราชวัง ปรากฎว่าจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนเป็นคนร้ายกาจมาก!”
กงซุนจีที่เร่งเร้าแก่นแท้ทั่วร่างพร้อมกับตะโกนดังลั่น.
"ทุกคน ถอย!"
ด้วยเสียงตะโกนของกงซุนจี เหล่าอสูรก็แตกฮือ หวาดกลัวหนีออกไป.
เหล่าทหารอสูรที่กำลับทุบกำแพงวังแต่ละตนต่างก็ตื่นตระหนกเมื่อเห็นสัตว์อสูรกลุ่มหนีวิ่งหนีตายออกมา.
ปัง
พลังมหาศาลกระแทกเข้าที่ร่างกงชุนจีอย่างรุนแรง ทำให้กระดูกส่วนใหญ่ของเขาแตกหักโดยตรง
กงซุนจีเพียงรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ตกลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าภูเขาหลายร้อยล้านได้ทับร่างของเขา.
แม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพอสูรระดับเจ็ด แต่ภายใต้แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขายังคงเปราะบางเหมือนมด
ไม่ อาจต่ำกว่ามดด้วยซ้ำ!
“แน่นอนอยู่แล้ว มันคืออาณาจักรมหาปราชญ์!” กงชุนจี มั่นใจอย่างยิ่งในเวลานี้ว่า หลินซวน เป็นยอดฝีมือขอบเขตอาณาจักรมหาปราชญ์จริง ๆ
แรงกดทับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขอบเขตจักรพรรดิจะเทียบได้!
ในเวลานั้น หลินซวน ได้เหยียบไปที่หน้าอกของกงชุนจี แล้วโดยจับเสวียนซีไว้ในมืออีกข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเฉยเมย.
ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แม่ทัพอสูรระดับเจ็ด แต่เป็นก้อนกรวด
“เท่าที่ข้ารู้ ชนเผ่าแมงป่องแอบเข้ามาในดินแดนอมตะเก้าสวรรค์เมื่อ 300,000 ปีก่อน และซ่อนตัวอยู่ใกล้ภูเขาจงจิ่ง”
“เหตุใดเจ้าจึงโจมตีประเทศเยว่ชางอย่างบ้าคลั่ง?”
หลินซวน ถามอย่างเฉยเมย ขณะเสวียนซีกล่าวเลียนแบบด้วย
เซียวเฟยที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็ต้องหรี่หูตั้งใจฟังเช่นกัน.
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ชายแดนของประเทศเยว่ชางถูกพวกอสูรคุกคามมาโดยตลอด
ในหมู่พวกเขายังเป็นทหารของเผ่าอสูรแมงป่องซะส่วนใหญ่.
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรเหล่านี้จึงดุร้ายขนาดนี้.
กงซุนจีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ยินคำเอ่ยดังกล่าว เขาไม่ได้คาดหวังว่าจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจเท่านั้น ยังมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย.
เผ่าแมงป่องซ่อนตัวเก่งมาก โดยธรรมชาติพวกเขาจะชอบเจาะผืนดิน.
สิ่งก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของพวกเขาเองก็อยู่ใต้พื้นดิน.
ทุกอย่างซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน แต่กับอยู่ในการรับรู้ของหลินซวนไปจนหมด
เรื่องนี้ทำให้กงซุนจีสั่นสะท้านหวาดกลัวขึ้นมาทันที.
การได้พบกับอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่เขาที่โชคร้าย แต่กลายเป็นเผ่าแมงป่องทั้งหมดที่โชคร้าย.
ภายใต้พลังเหนือธรรมชาติของหลินซวน กงซุนจีไม่กล้าปกปิดมันแม้แต่น้อย เขากลืนน้ำลายและเอ่ยออกมาว่า
“มีข่าวลือภายในเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรของพวกเราว่า ในไม่ช้า กระแสสัตว์อสูรจะฟื้นตัวอีกครั้งในรอบแสนปี”
“เท่าที่ข้ารู้ การฟื้นคืนของสัตว์อสูรนี้คือวงจรครั้งใหญ่ของธรรมชาติ เวลานั้นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมายจะถือกำเนิดขึ้น”
“ด้วยเหตุนี้ ราชาอสูรของเผ่าเราและเผ่าอื่น ๆ ได้ตัดสินใจที่จะยึดดินแดนก่อนที่กระแสสัตว์อสูรจะฟื้นตัว เพื่อที่พวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากการเกิดกระแสสัตว์อสูรอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่ง”
“เป้าหมายของเราคือการยึดอาณาจักรเยว่ชางก่อน จากนั้นใช้สิ่งนี้เป็นศูนย์กลางในการแทรกซึมกองกำลังเป่ยเสวียนเทียน ชิเซียวเทียน และตงหยวนเทียน ที่อยู่รอบ ๆ!”
กระแสสัตว์อสูรฟื้นแล้วเหรอ?
หลินซวนจับคำเอ่ยที่สำคัญที่สุดได้
ตามบันทึกของหนังสือสวรรค์เสวียนเจี่ย
สิ่งที่เรียกว่ากระแสสัตว์อสูรคือ ปราณอสูรที่เป็นพลังงานของเหล่าสัตว์อสูรที่หลงเหลือในสวรรค์และปฐพีจากการสะสมและทิ้งเอาไว้ของเหล่าสัตว์อสูรโบราณ.
คล้ายกับพลังงานทางจิตวิญญาณระหว่างสวรรค์และปฐพี ของเผ่ามนุษย์ ที่พัฒนาความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตน.
เมื่อกระแสสัตว์อสูรฟื้นตัว
ไม่เพียงแค่ปราณสัตว์อสูรจำนวนมากจะแพร่กระจายไปทั่วสวรรค์และปฐพี มันยังยกระดับความแข็งแกร่งของพวกมันอีกด้วย.
ในเวลานั้นทุกหนแห่งจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน.
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอีกมากมายของเผ่าอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในสามพันโลกก็จะเดินทางมายังโลกแห่งนี้ด้วยเช่นกัน.
ดังนั้นก่อนที่กระแสสัตว์อสูรจะเกิดขึ้นพวกเขาจึงต้องการยึดแผ่นดินเอาไว้ให้มากที่สุด.
ใครก็ตามที่สามารถครอบครองแผ่นดินไว้มากที่สุด ก็จะสามารถรับสมัครกลุ่มสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเพื่อมารับใช้ตัวเองได้.
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรซึ่งถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ดินแดนอมตะเก้าสวรรค์ปราบปรามมาโดยตลอดกำลังเผยตัวออกมา”
“ถ้าเจ้าต้องคุกคามแดนอมตะเก้าสวรรค์ ดูเหมือนว่าชนเผ่าอสูรจะต้องถูกกำจัด…”
หลินซวนคิดถึงสิ่งนี้ เขาจึงตัดสินใจไปที่เทือกเขาจงจิงหลังจากสิ้นสุดการชุมนุมกระบี่ผู้เยาว์
“จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน โปรดไว้ชีวิต!” กงซุนจีตกใจมาก "หลังจากกลับมาครั้งหน้า ข้าจะหาวิธีเตือนจักรพรรดิอสูรและปล่อยให้พวกเขาหยุดรุกรานอย่างแน่นอน!"
หลินซวน เผยยิ้มเล็กน้อย "เจ้าไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้"
"นี่..." ดวงตาของกงซุนจีสั่นไหว เป็นไปได้ไหมที่จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนจะไปเยี่ยมกลุ่มแมงป่องด้วยตนเอง?
เขาไม่สงสัยเลยว่าด้วยความสามารถของหลินซวน เขาสามารถค้นหาที่ซ่อนของกลุ่มเผ่าแมงป่องได้อย่างง่ายดายและกวาดล้างพวกเขาได้ด้วย
แม้ว่าราชาอสูรจะปรากฏตัว มันก็ยากที่จะปกป้องเผ่าแมงป่องเอาไว้ได้.
คลิก!
เท้าของ หลินซวน กดแน่นขึ้น เหมือนเหยียบก้อนหินให้แหลก
อย่างไรก็ตาม บนร่างกายของ กงชุนจี กระดูกของเขาแตกกระจายราวกับว่าถูกภูเขานับพันล้านลูกบดขยี้
“ลากเขาออกไป น่ารำคาญ” หลินซวน เหลือบมองที่ เซียวเฟย เบา ๆ
"รับด้วยเกล้า!" เซียวเฟยปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
กงซุนจีหมดสภาพโดยสิ้นเชิง.
และกองทัพอสูรเหล่านั้นที่หลบหนีอย่างเร่งรีบ ภายใต้กลุ่มมังกรไร้หัวที่ล้อมรอบด้วยกองทัพของประเทศเยว่ชาง ย่อมไม่มีทางที่จะหลบหนีได้!
เซียวเฟยมองดูแผ่นหลังของหลินซวนที่อุ้มเด็กไว้ด้วยความตื่นตะลึง!
ในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ สถานการณ์ตรึงเครียด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาอยู่ต่อหน้า ตี้ฟู่ กลับง่ายดายเป็นอย่างมาก.
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอย่างลับ ๆ ว่าชีวิตนี้คุ้มค่าจริง ๆ ที่ได้ติดต่อกับตี้ฟู่