ตอนที่ 25 เดินทางสู่เมืองไพศาล
ตอนที่ 25 เดินทางสู่เมืองไพศาล
ความมืดมิดปกคลุมฟ้าดิน ตระกูลไป๋ราวกับตกอยู่ในโลกแห่งความมืดหม่นและน่าหดหู่
และศูนย์กลางของโลกแห่งความมืดหม่นนี้หาใช่อื่นใดนอกจากดอกบัวเพลิงโศกา หรือก็คือซิ่นเอ๋อร์นั่นเอง!
ดอกบัวเพลิงโศกาหยั่งรากลึกในกายนาง ร่างของนางถูกพลังมืดห่อหุ้มไว้ ทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้!
แม้แต่เซียวเฉินยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดร่างกายของซิ่นเอ๋อร์จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดเช่นนี้
นางเสมือนแหล่งกำเนิดแห่งความมืด ส่งให้ความมืดปกคลุมผืนแผ่นดินนี้!
"หรือว่าซิ่นเอ๋อร์..." ความคิดห้าวหาญผุดขึ้นในใจของเซียวเฉิน เขานึกถึงกระดูกเต๋าของตน ร่างกายของซิ่นเอ๋อร์อาจแตกต่างจากคนทั่วไป!
เพียงมันแตกต่างกันเกินไป!
"ไม่ใช่ มันคือพลังที่ซิ่นเอ๋อร์ไม่สามารถควบคุมได้!" สีหน้าของเซียวเฉินเต็มไปด้วยความกังวล ซิ่นเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของฝ่ามือและหมดสติ พลังมืดนี้ถูกกระตุ้นโดยไม่ตั้งใจและระเบิดออกมาเอง!
ชายชุดเทาขมวดคิ้วมุ่น เห็นชัดว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เหนือความคาดหมายของเขา!
ดอกบัวเพลิงโศกานี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
เขารู้สึกราวกับว่าหากเข้าใกล้ดอกบัวเพลิงโศกานั้นอีกนิด เขาจะถูกความมืดกลืนกินและจมดิ่งหายไปตลอดกาล
ตูม!
ขณะชายชุดเทาคิดว่าจะล่าถอยหรือไม่ ดอกบัวเพลิงโศกาก็ปล่อยปราณน่าสะพรึงที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมาอย่างกะทันหัน คล้ายพลังมืดไร้ที่สิ้นสุดถาโถมเข้าใส่ร่างกายของเขา ดวงตาของเขากลายเป็นสีดำสนิทราวเหวลึกที่มองไม่เห็นก้น
"เขาถูกความมืดรุกรานแล้ว!"
ดวงตาของเซียวเฉินหรี่ลงขณะความมืดล่วงล้ำสู่ร่างกายอีกฝ่าย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งขอบเขตตำหนักลี้ลับยังยากจะต้านทานไหว
"ไม่!"
ชายชุดเทาตะโกนอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวราวกับกำลังทุกข์ทรมานแสนสาหัส
สัตว์ประหลาดแห่งความมืดลวงตาปรากฏขึ้นรอบตัว ค่อย ๆ กัดกินร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเลือดเนื้อที่แท้จริง ทว่ากรงเล็บคมและปากโหดเหี้ยมกลับสามารถฉีกกระชากร่างของเขาได้
สมาชิกตระกูลไป๋และชาวเมืองวายุไกลต่างตกใจ ผู้แข็งแกร่งขอบเขตตำหนักลี้ลับที่ก่อนหน้านี้ดั่งเทพเจ้าที่อยู่สูงส่ง มองลงมาที่ทุกคน ขณะนี้กลับตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้
"พลังมืดที่พันธนาการเขาเหล่านั้นมาจากไหนกัน ทำไมถึงได้ต้องโจมตีเขา" ผู้คนในฝูงชนสั่นเทา พวกเขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้เพียงเล็กน้อย และไม่รู้ว่าพลังมืดนี้มาจากที่ใด
ตูม!
โลกกระดูกเต๋าของเซียวเฉินราวกับได้รับผลกระทบจากพลังมืดด้วยเช่นกัน มันเคลื่อนไหวผิดปกติอย่างรุนแรง โดยเฉพาะดาวดวงหนึ่งที่สั่นสะเทือรราวกับกระหายพลังมืดจากภายนอก
นี่คือจ้าวราตรีผู้เคยครอบครองอำนาจยามราตรี ใกล้ชิดกับมหาเต๋ามืดมิด หมายให้จักรวาลทั้งมวลจมดิ่งลงสู่ความมืดชั่วนิรันดร์!
ปัง!
ขณะเซียวเฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสยบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของโลกกระดูกเต๋า ร่างหนึ่งก็ตกลงมาจากท้องฟ้าก่อนกระแทกลงพื้นอย่างแรงตรงหน้าเขา
แท้จริงสิ่งนี้ไม่สามารถเรียกว่าร่างได้อีกต่อไป หลงเหลือเพียงโครงกระดูกและหนังมนุษย์เท่านั้น เลือดเนื้อทั้งหมดถูกพลังมืดกลืนกินหมดสิ้น!
"ตายง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ" เซียวเฉินเหลือจะเชื่อว่าผู้แข็งแกร่งขอบเขตตำหนักลี้ลับจะตากตกด้วยพลังมืดเช่นนี้
แบบนี้นับว่าถูกซิ่นเอ๋อร์ฆ่าตายได้หรือไม่
คนตระกูลไป๋รู้สึกราวตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน พลังที่ชายชุดเทาปล่อยออกมาอย่างง่ายดายสามารถทำให้ผู้นำตระกูลของพวกเขาล่าถอยได้ เจ้าตัวกลับถึงแก่ชีวิตด้วยสภาพยากอธิบายเช่นนี้
ตูม!
หลังชายชุดเทาถูกสังหาร ดอกบัวเพลิงโศกาดูเหมือนจะเพ็งเล็งมายังเซียวเฉิน พลังมืดรุนแรงพุ่งเข้าใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด!
สีหน้าของเซียวเฉินเปลี่ยนไปโดยพลัน ยามนี้แม้แต่ยืนยังยากสำหรับเขา ไม่ต้องพูดถึงการต่อต้านพลังมืดนี้!
พลังมืดมหาศาลกลายเป็นหนวดแห่งความมืดยาวเหยียด แย่งกันพุ่งเข้าหาเซียวเฉิน ราวกับจะลากเขาดำดิ่งลงสู่ความมืด!
"ไม่นะ!"
ซิ่นเอ๋อร์ลืมตาโพลงฉับพลันในจังหวะคับขัน เสียงตะโกนออกมาจากปากของนางในทันที หนวดแห่งความมืดทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่กับที่และไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป!
"ซิ่นเอ๋อร์!" เซียวเฉินตื่นเต้นเล็กน้อย ซิ่นเอ๋อร์ฟื้นแล้วหรือ
สิ่งที่ทำให้เซียวเฉินผิดหวังคือนางลืมตาเพียงชั่วครู่ หยุดพลังมืดนั้นไว้ก่อนหลับตาลงและหมดสติไปอีกครั้ง
จากนั้นพลังมืดทั้งหมดก็ไหลกลับเข้าไปในดอกบัวเพลิงโศการาวกับน้ำทะเล
ไม่รู้ด้วยเหตุใด เซียวเฉินจึงรู้สึกราวกับว่าดอกบัวเพลิงโศกากำลังจ้องมาที่เขา ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจนัก
ในที่สุดดอกบัวเพลิงโศกาก็ค่อย ๆ สลายไป คล้ายหลอมรวมเข้ากับร่างกายของซิ่นเอ๋อร์
เซียวเฉินเดินโซเซเข้าไป นั่งลงกับพื้นและตรวจอาการของซิ่นเอ๋อร์
"นางเป็นอย่างไรบ้าง ซิ่นเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง" พลังมืดสลายไปแล้ว ไป๋เนี่ยนปิงและคนอื่น ๆ จึงสามารถเข้ามาในเรือนได้
"ชีพจรของซิ่นเอ๋อร์อ่อนมาก พลังชีวิตในร่างกายเสียหายหนัก!" สีหน้าของเซียวเฉินหม่นลงจนยากจะมองเห็น ทั้งหมดเป็นผลจากแรงรอยประทับฝ่ามือของชายชุดเทาเพียงครั้งเดียว!
"ตระกูลหวัง บัญชีนี้ข้าจะต้องสะสางให้จงได้!"
เซียวเฉินตะโกนขึ้นฟ้า เดิมทีเขาและตระกูลหวังไม่บาดหมางต่อกัน เพียงต้องการจัดการกับโจวหลิงเสวี่ยเท่านั้น ทว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาและตระกูลหวังต้องตายกันไปข้างและจะไม่มีวันยอมแพ้!
หากไม่มีพลังมืดที่แฝงอยู่ในร่างกายซิ่นเอ๋อร์ บางเขาอาจเอาชีวิตรอดไม่ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ซิ่นเอ๋อร์ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติอีกด้วย ทุกสิ่งล้วนเป็นความผิดตระกูลหวัง!
ไป๋เนี่ยนปิงสั่งให้คนนำยาฟื้นฟูมาป้อนให้ซิ่นเอ๋อร์ แต่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเจ้าตัวก็ยังอาการไม่ดีขึ้น
"เราต้องเดินทางออกจากเมืองวายุไกลในทันที" เซียวเฉินพูดกับไป๋เนี่ยนปิงอย่างกะทันหัน
"เมื่อไหร่" ไป๋เนี่ยนปิงรู้สึกประหลาดใจ
"ตอนนี้ ออกเดินทางทันที!" น้ำเสียงของเซียวเฉินเด็ดเดี่ยวไม่น้อย
"แล้วอาการบาดเจ็บของซิ่นเอ๋อร์เล่า" ไป๋เนี่ยนปิงมองซิ่นเอ๋อร์ด้วยความเป็นห่วง
"ในเมืองวายุไกลไม่มียาที่รักษาซิ่นเอ๋อร์ได้ มีเพียงการเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อหาซื้อยาฟื้นฟูขอบเขตตำหนักลี้ลับเท่านั้น จึงจะทำให้ซิ่นเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาได้ ข้าจะฝังเข็มเพื่อชะลออาการบาดเจ็บของนางกำเริบ และใช้ยาช่วยประคองอาการของนางไปอีกสักพัก"
เซียวเฉินถอนหายใจ "อีกทั้งหากตระกูลหวังไม่ได้ข่าว พวกเขาอาจจะส่งนักฆ่าชุดที่สองมา และเมื่อถึงเวลานั้น เราคงไม่โชคดีเหมือนวันนี้แล้ว"
ไป๋เนี่ยนปิงจ้องแววตาจริงจังของเขา รู้ดีว่าเขาคิดไตร่ตรองรอบคอบแล้วจึงพยักหน้าเบา ๆ "ตกลง"
"การเดินทางครั้งนี้ยาวไกล เจ้าต้องระวังทุกสิ่ง" ไป๋ชิงเฟิงให้คนเตรียมเสบียงและรถม้า พร้อมส่งพวกเขาไปนอกเมือง
"ข้าจะดูแลเนี่ยนปิงให้ดี" เซียวเฉินรับปากกับไป๋ชิงเฟิง
"ท่านพ่ออย่าลืมพักผ่อนให้มาก ห้ามหักโหมดูแลตระกูลเกินไป เรื่องงานหนักงานสกปรกอะไรก็ให้พี่ชายทำไป" ไป๋เนี่ยนปิงมองหน้าไป๋ชิงเฟิงขณะเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
ไป๋เนี่ยนซงหน้าบูดบึ้ง คำพูดนี้ฟังดูไม่รื่นหูเลย
คิดไปคิดมาเขาก็รู้สึกว่าตนเองควรพูดบางอย่าง "น้องสาว ถ้าพ่อหนุ่มนี่กล้ารังแกเจ้าก็กลับมาบอกพี่"
"แล้วอย่างไรต่อ" ไป๋เนี่ยนปิงกระพริบตาถาม
"แล้ว..." ไป๋เนี่ยนซงมองเซียวเฉิน อยากจะพูดข่มขู่แต่เมื่อนึกถึงหมัดของเซียวเฉิน คำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากก็ถูกกลืนกลับลงไป พูดสิ่งใดไม่ออก
"พอได้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมคำสั่งของพ่อ พวกเจ้าต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ!" คำพูดของไป๋ชิงเฟิงทำให้ไป๋เนี่ยนปิงหันหลังหนีทันที พ่อและพี่ชายช่างไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย
"คำพูดอะไรหรือ" เซียวเฉินถามด้วยความสงสัย
"ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ" ไป๋เนี่ยนปิงมีท่าทีอ่อนลงและไม่ต้องการให้เซียวเฉินถามต่อ
เซียวเฉินยกยิ้ม ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในจวนตระกูลไป๋ เขาเพลิดเพลินกับความอบอุ่นและความผ่อนคลายนี้มาก
ไม่ต้องวางแผน ไม่ต้องแย่งชิง ราวกับเป็นความรู้สึกของความเป็นครอบครัว
"เมื่อเดินทางไปถึงเมืองหลวง ข้าจะเปลี่ยนแคว้นไพศาลให้เป็นดินแดนแห่งฟ้าใหม่!"
พระอาทิตย์ตกดินสะท้อนเงาของผู้คนที่กำลังกลับบ้าน ทว่าเซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงกลับออกจากเมืองวายุไกลที่เติบโตมาตั้งแต่เด็ก มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
เมืองวายุไกลตั้งอยู่ในดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นไพศาล ในขณะที่เมืองไพศาลซึ่งเป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ใจกลางแคว้นไพศาล
“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์น้องหญิง!”
ขณะนี้ ณ จวนโอ่อ่ากลางเมืองหลวง ปราณพวยพุ่งออกมา จัวชิงและคนอื่น ๆ อนยู่ด้านนอก มองเงาร่างงดงามด้านในเดินออกมา ปากกล่าวแสดงความยินดีเสียงดัง
“ศิษย์พี่ถ่อมตนเกินไปแล้ว” โจวหลิงเสวี่ยยิ้มบาง หลังผ่านมาหลายวันกว่าจะเข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวา นางรับรู้ได้ว่ากระตูกเต๋าเข้ากับร่างกายตนได้มากขึ้น
ยามนี้บางคนเข้ามายื่นจดหมายให้กับนาง
“เซียวเฉิน!”
โจวหลิงเสวี่ยโมโหเมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมาย ความสุขจากการก้าวข้ามขอบเขตหมดสิ้น
วันนั้นหลังนางออกจากเมืองวายุไกล เซียวเฉินหาญกล้าจู่โจมและสังหารบิดาของนาง!
ยิ่งไปกว่านั้นผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลหวังส่งไปฆ่าเซียวเฉิน จิตของเจ้าตัวยังสูญสลายและถึงแก่ชีวิต!
“ศิษย์น้องอย่าโกรธเคืองไป ข้าคิดว่าเขาคงมาถึงเมืองไพศาลภายในเร็ววันนี้ ถึงเวลานั้นความเป็นความตายของเขาก็อยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว!” จัวชิงหัวเราะเหี้ยมเกรียม หากเจ้าเด็กนั่นคิดว่าหลังมาถึงเมืองไพศาลแล้วจะได้อาศัยการคุ้มกันของอาจารย์เหมย มันก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
เมืองหลวงเป็นถิ่นของพวกเขา!