Balti
หวังหยวนที่ออกมาจากห้องของหวังหลินแล้วนั้นไม่ได้ตรงไปบริษัททันทีเขาได้ออกกำลังกายก่อนเนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าตัวเขานั้นบางเกินไปกล้ามเนื้อแทบไม่มีเขาจึงเดินไปยิมส่วนตัวทันทีโดยยิมนี้จะเป็นยิมที่แยกกับพวกบอดีการ์ดอีกทีเป็นยิมที่พ่อเขาชอบมาออกกำลังกายโดยที่เขาลิสต์การออกกำลังกายไว้ดังนี้
pushups 100 ครั้ง
situps 75 ครั้ง
squats 100 ครั้ง
pullups 100 ครั้ง
lunges 50 ครั้ง
วิ่ง 4.8 กิโลเมตร
shadow boxing 30 วินาที x burpees 30 วินาที x shadow boxing 30 วินาที x jump squats 30 นาที (ทำทั้งหมด 5 เซ็ต)
โดยที่หวังหยวนใช้เวลาไปกว่าสามชั่วโมงจนเขาสามารถทำทั้งหมดนี้ได้และได้นอนแผ่ราบลงไปกับพื้นทันทีเพราะความเหนื่อยล้าตอนนี้สภาพเขาไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำเลยแม้แต่น้อย
“แฮ่ก แฮ่ก”เสียงหอบของเขาดังไปทั่วโรงยิม
“ถ้ามันจะเหนื่อยขนาดนี้นะฉันละอยากมีเทคโนโลยีที่มันสามารทสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ทีละนิดๆจริงๆแต่คงขายให้คนธรรมดาไม่ได้ทางกองทัพคงเข้ามาขัดขวางแน่นอน”หวังหยวนส่ายหัวออกมาก่อนที่เขาจะเดินไปข้างหลังโรงยิมเพราะตรงนั้นมีห้อองอาบน้ำและมีเสื้อผ้าพร้อมให้เขาเปลี่ยนถึงมันจะเป็นสูทของพ่อเขาเองก้เถอะแต่หวังหยวนก็รู้สึกว่ามันพอดีตัวเขา
โรงจอดรถหลี่หมินที่อึ้งมองนายน้อยของตนที่ใส่ชุดสูทเป๊ะเนียบแบบนี้คงไม่เข้าบริษัทหรอกมั้งไม่งั้นตอนนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทิศตะวันออก
“หลี่หมินนายช่วยไปตามพิกัดนี้ทีที่นั้นจะเป็นอณาจักรใหม่ของฉัน”หวังหยวนกล่าวออกมาเพราะพ่อเขาทำเรื่องการโอนหุ้นเรียบร้อยหมดแล้วและได้แจ้งเกี่ยวกับการที่เขานั้นจะเขาไปดูบริษัทกับรองประธานแล้วพูดให้ถูกคืออดีตประธานบริษัท
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็เดินทางมาถึงทางเข้าบริษัทเนื่องจากนี้เป็นเพียงบริษัทน้องใหม่และเป็นบริษัทเกรดสองตึกสำนักงานจึงมีเพียงยี่สิบชั้นเท่านั้นและทางเข้าก็ดูเรียบง่ายมาก
“สิ่งแรกที่ควรปรับปรุงด่วนๆเลยก็คือทางเข้านี้แหละนะ”หวังหยวนพรึมพรำออกมาเพาระสำหรับเขาแล้วมันดูว่างๆและดูเรียบง่ายเกินไป
หลังจากหลีหมินจอดรถเสร็จโดยรถเขานั้นจอดทางเข้าบริษัทเลยเขาก็เดินมาเปิดประตูรถให้นายน้อยตน
หวังหยวนขยับเน็คไทของตัวเองให้เข้ารูปเล็กน้อยก่อนก้าวขาลงไปแน่นอนถ้ามีกล้องคอยถ่ายและแสงแฟลชสาดส่องคงเพอเฟล็คกว่านี้แต่นั้นคงอีกไม่นาน
หวังหยวนเดินเข้ามาที่ลอบบี้ต้อนรับก็เจอกับชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันไม่เหมาะที่จะทำแบรนด์เสื้อผ้าเลยแม้แต่น้อยบอกตามตรงเห็นแว็ปแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นทหารผ่านศึกโดนปลดประจำการมา
“คุณคงเป็นนายน้อยหวังหยวนไม่สิตอนนี้คุณเป็นประธานของที่นี้แล้วขอโทษด้วยที่การต้อนรับไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรถึงยังไงผมก็เป็นทหารที่โดนปลดประจำการมาไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”หลินเป๋ยกล่่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแต่สำหรับหวังหยวนแล้วนี้มันไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มฝืนๆเลยแม้แต่น้อยและอะไรนะหวังหยวนคิ้วกระตุกเล็กน้อยกับที่อีกฝ่ายบอกเป็นทหารปลดประจำการมา
“เอาละคุณไม่ต้องฝืนยิ้มหรอกผมไม่ซีเรียสขนาดนั้นช่วยแจ้งดีไซน์เนอร์มาพบผมที่ห้องประธานด้วยอ้อบอกเขาเอาผลงานทั้งหมดของเขามาให้ผมดูด้วย”หวังหยวนกล่าวออกมาแบบตรงประเด็นเลยทันที
“ตกลง”หลินเป๋ยก็กลับมาตีหน้านิ่งตามเดิมทันทีแต่ถ้าสังเกตดูดีๆมุมปากเขาจะมีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากเพราะเขาค่อนข้างพึงพอใจกับทัศนคติของหวังหยวนถ้าอีกฝ่ายต้องการเพียงให้เขาพาเดินรอบๆบริษัทละก็เขาจะลาออกทันทีเพราะบริษัทนี้คงเจ๊งแน่นอน
“ผมให้เวลาเขาสิบนาทีคุณรู้ไหมเวลาผมมีค่ามาก”หวังหยวนกล่าวทิ้งท้าย
“ครับ”หลินเป๋ยสขบในใจแต่ไอ้เด็กเวรนี้หยิ่งไปหน่อย!!
ใช้เวลาเพียงไม่นานหลินเป๋ยก็พาชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอายุก็ไม่ได้แตกต่างจากหวังหยวนมากนักแต่เขาไม่ได้ดูฝีมือคนจากหน้าตาเขาดูจากผลงานและแต่ละแบบที่เขาได้ดูผ่านๆตานั้นส่วนมากจะเป็นเกรดสองดาวคือระดับอิมแพคมีแค่ภูมิภาคหนึ่งเท่านั้นส่วนสามดาวก็มีอิมแพคต่อประเทศสี่ดาวระดับทวีปห้าดาวทั่วโลกหกดาวนั้นจะเป็นระดับอิมแพคหรือเป็นกระแสไปช่วงหนึ่งคนจะแห่กันซื้อมาใส่ส่วนหกดาวจะเป็นประวัติการณ์เจ็ดดาวจะขึ้นหิ้งตำนานทันทีซึ่งการแบ่งแบบนี้นั้นระบบได้บอกเขาออกมา
เพื่อง่ายต่อการคัดสรร
“เซี่ยงยี่ผมพูดตรงๆนะผลงานของคุณถือว่าพอใช้ได้แต่มีแค่บางชิ้นเท่านั้นที่ผมพอใจอย่างเสื้อตัวนี้และกระเป๋าใบนี้”หวังหยวนกล่าวออกมาตรงๆ
เพราะเขาพอใจแค่สองชิ้นงานนี้จริงๆเพราะทั้งสองมีระดับสามดาวแต่ข้อมูลของเซี่ยงยี่นั้นกับทำให้เขาตั้งความหวังไว้กับอีกฝ่ายมาก
ชิื่อ: เซี่ยงยี่
อายุ: 24 ปี
ความสามารถ : ดีไซต์เนอร์ 3ดาว(5ดาวยังไม่เติบโตเต็มที่)
ถึงความสามารถของอีกฝ่ายจะมีเพียงอย่างเดียวแต่หวังหยวนก็พอใจมากเพราะเขาต้องการดีไซเนอร์ไม่ได้ต้องการอะไรอื่นอีก
“ขอบคุณมากครับท่านประธาน”เซี่ยงยี่กล่่าวออกมาอย่างดีใจเพราะเขาพึ่งเข้ามาทำงานที่นี้เขายังไม่อยากโดนไล่ออกรู้ไหมการเป็นดีไซเนอร์นั้นยากแค่ไหนและส่วนใหญ่บริษัทไม่ค่อยรับเด็กจบใหม่แบบเขาเลยเพราะฉะนั้นการหางานจึงยากเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้คุณรับเงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่”หวังหยวนกล่าวถามขึ้นมาแบบไม่มีปีมีขลุย
“เออ…สองหมื่นหยวนครับ”เซียงยี่กล่าวออกมาอย่างกังวลเขาคงไม่โดนลดเงินเดือนหรอกใช่ไหม
“ดีงั้นต่อจากนี้เงินเดือนของนายกลายเป็นห้าหมื่นหยวนต่อเดือนและฉันหวังว่านายจะผลิตชิ้นงานใหม่ๆที่ดียิ่งกว่าให้กับบริษัทเรา”หวังหยวนกล่าวออกมา
เซี่ยงยี่อึ้งไปแล้วเรียบร้อยเพราะสำหรับคนธรรมดาแล้วเงินห้าหมื่นหยวนนั้นไม่น้อยเลยจริงๆแถมเขายังพึ่งทำงานได้่เพียงสองปีเท่านั้น!
“ขอบคุณมากครับท่านประธาน”เซี่ยงยี่กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นใช่แล้วการมัดใจคนนั้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดมันก็ต้องเงินอยู่แล้ว!
หวังหยวนไม่กลัวเงินเขาไม่พอเลยแม้แต่น้อยเพราะในบัญชีของเขามีเงินมากกว่าพันล้านหยวนสะอีกแถมไม่พอเขายังของพ่อสุดที่รักเขาได้อีกด้วยแต่ตามการคาดการณ์ของเขาแล้วนั้นมันควรเพียงพอแล้ว
“เอาละนายออกไปก่อนเถอะ”หวังหยวนพูดออกมา
“ครับท่านประธาน”เซี่ยงยี่กล่าวออกมาในการเพิ่มเงินเดือนครั้งนี้ทำให้เขาได้ไอเดียใหม่ๆมากมายเลยละ
“เอาละคุณรองประธานสายการผลิตของเรานั้นสามารถผลิตเส้นไยได้ต่อวันเท่าไหร่”หวังหยวนถามออกไป
“ถ้าตีเป็นตัวเสื้อผ้าก็คงประมาณพันตัวต่อวันถ้าเป็นกระเป๋าคงห้าร้อยใบต่อวันและต่อเดือนก็จะเป็นเสื้อ30,000ตัวต่อเดือน กระเป๋า 15,000 ใบต่อเดือน”หลินเป๋ยตอบกลับไป
“อืมเยอะกว่าที่คิด”หวังหยวนพรึมพรำออกมาด้วยขนาดบริษัทที่เล็กแบบนี้นั้นมีกำลังผลิตขนาดนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วเพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังผลิตตอนนี้
“นายจะเปลี่ยนวิธีการผลิตเส้นไยสะโดยที่การผลิตแต่ละครั้งให้ใส่วัตถุดิบตามสัญลักษณ์พวกนนี้”หวังหยวนกล่าวออกมไปก่อนที่หลินเป๋ยจะรับไปและเปิดอ่านดูมันมีมากกว่าวสิบสัญลักษณ์สะอีกแต่ลำดับขั้นการผลิตก็ชัดเจน
“ตกลง”เขาไม่ได้ขัดอะไรแต่คิดในใจว่านี้คงเป็นนวัตกรรมใหม่ของตระกูลหวังเกี่ยวกับเส้นไยพิเศษนี้แต่พวกเขาไม่อยากให้ข้อมูลรั่วไหลเท่านั้นเลยทำแบบนี้ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใดเพราะหลายๆบริษัทก็ทำแบบนี้
“ส่วนแบบแปลนการผลิตเราจะยึดสองสิ่งนี้ในเดือนหน้าเป็นคอลเลคชั้นฤดูร้อนส่วนการโปรโมทคุณไม่ต้องห่วงผมจะจัดการเองขอเพียงคุณคุมการผลิตก็เพียงพอแล้ว”หวังหยวนกล่าวออกมาอย่างจริงจังก่อนที่เขาจะอธิบายแนวทางต่าง ๆของบริษัทต่อไปส่วนเรื่องชื่อบริษัทที่จะเปลี่ยนเป็น Balti หลินเป๋ยก็ไม่ได้มีความเห็นอื่นใดเนื่องจากเขาไม่ได้ถือหุ้นแล้วสักเปอร์เซ็น!!!
จนเวลาล่วงเลยไปถึงเย็นเขาก็ได้ขอตัวกลับก่อน…