หาเรื่องผิดคน
หวังหยวนที่เดินเข้ามาตลาดเทียนหมินนั้นตกเป็นที่สนใจทันทีไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่ดูหล่อเหลาเกินเบอร์ที่จะเป็นคนปกติธรรมดาและมีชายร่างใหญ่กล้ามเป็นมัดๆเดินประกบขนาดนั้นทุกทีที่เขาเดินไปแหวกเป็นทางให้เขาเดินสะดวกทันทีหวังหยวนไม่รังเกียจและไม่รู้สึกเขินอายเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาชินกับความรู้สึกแบบนี้แล้ว
แต่พูดตรงๆตลาดเทียนหมินนี้น่าผิดหวังจริงเขาเดินมาสิบนาทีแล้วส่วนใหญ่เป็นเพียงหยกเขียวธรรมดาๆหรือไม่ก็ของปลอมเท่านั้นไม่เห็นจะมีของ
ฮือสายตาของหวังยวนสะดุดกับของชิ้นหนึ่งโดยในร้านนี้นั้นมีชายชราและหญิงสาวรวมถึงเหล่าชายหนุ่มและชายวัยกลางคนยืนมุงดูกันไม่น้อย
“ปรมาจารย์ซางข้าก็บอกแล้วว่าของสิ่งนี้ต่อราคาไม่ได้จริงๆสิบล้านคือสิบร้าน”หลังจากหวังหยวนเดินมาถึงเขาก็ได้ยินเสียงการต่อราคาของเจ้าของร้านกับชายชรานั้นที่ดูเหมือนจะเป็นปรมาจารย์ด้านดูของโบราณที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งหวังหยวนก็ฟังจากที่พวกเขาคุยกันนั้นแหละ
“เฮ้ยเจ้าของร้านสิบล้านแพงไปรึเปล่าไม่รู้เลยว่าตรานี้จะเป็นของจริงนะถ้าเกิดเป็นของปลอมขึ้นมานายรับผิดชอบไหวไหม? นายควรรู้นะว่าปรมาจารย์ซางนั้นตามหาของวัตถุโบราณเพื่อคืนประเทศนะ”ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ิยู่ในกลุ่มที่เงียบมานานนั้น
“ฮงหมิงนายไม่ควรพูดแบบนั้นรู้ไหม”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความเหนื่อยใจเธอไม่เข้าใจจริงๆว่าปู่ของเธอจะให้หมอนนี้มาด้วยทำไม
“เออนี้ข้าก็ลำบากใจจริงๆ”เจ้าของร้านก็อับจนหนทางเช่นกันเพราะเขาก็รู้ดีว่าตรานี้นั้นเป็นของจริงจะไม่จริงได้ไงก็เขาเป็นคนปล้นมันมาเองกับมือนะ!
หวังหยวนที่เห็นเจ้าของร้านยืนกรานขนาดนั้นจึงใช้ความสามารถของดวงตาสรรพสิ่งดู
ชื่อ ฮุนหยาง
อายุ 39 ปี
ความสามารถ แยกแยะกับดัก 4 ดาว เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย 5 ดาว ความรู้ประวัติศาสตร์ 5 ดาว MMA 2 ดาว
พอหวังหยวนเห็นความสามารถแบบนี้เขาก็นึกชื่อีกฝ่ายออกทันที
มหาโจรปล้นสุสาน!
แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาไม่ว่าหมอนี้จะปล้นมาหรือไม่ก็ตามสุดท้ายแล้วตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์นี้ต้องเป็นของเขา
ตราพยัคฆ์ เป็นเสมือนใบรับรองเพื่อยืนยันคำสั่งการจัดสรรหรือเคลื่อนกำลังพล โดยตัวพยัคฆ์แบ่งออกเป็นส่วนซ้ายและส่วนขวา ส่วนขวาจะถูกเก็บรักษาไว้โดยกษัตริย์ผู้ครองแคว้น ขณะที่ส่วนซ้ายจะมอบให้แก่แม่ทัพ ซึ่งก่อนการระดมกำลังทหารนั้นจะต้องนำตราส่วนซ้ายและส่วนขวามาประกบดูก่อนว่าตรงกันหรือไม่
ตราชิ้นนี้ยาว 9.5 เซนติเมตร สูง 4.4 เซนติเมตร อยู่ในท่าเดิน เชิดหัว ม้วนหาง ด้านหลังมีร่องสำหรับประกบ และมีรูเล็กๆ รูหนึ่งที่บริเวณคอ บนลำตัวมีอักษรสีทอง 40 ตัวรวม 9 บรรทัด
อักษรเหล่านี้บ่งชี้ว่าตราดังกล่าวถูกใช้งานโดยแม่ทัพในพื้นที่ที่เรียกว่าตู้ตี้ ในสมัยฉิน จึงเป็นที่มาของชื่อ “ตู้หู่ฝู่” โดยแม่ทัพจะเป็นผู้ถือส่วนซ้ายเอาไว้
ขณะที่ผู้ครองแคว้นถือส่วนขวา นอกจากนี้อักษรยังเขียนว่าหากต้องการเคลื่อนพลทหารมากกว่า 50 นาย จำเป็นต้องได้รับการยืนยันว่าพยัคฆ์ทั้งสองส่วนสอดคล้องกัน เว้นแต่จะเกิดเหตุฉุกเฉิน
ตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์ตรงหน้าหวังหยวนนี้กับมีครบทั้งสองส่วนแล้วเขาก็ยืนยันแล้วว่าเจ้าสิ่งนี้คือของจริงจากการเปิดใช้งานดวงตาสรรพสิ่ง
“งั้นเอาอย่างงี้ไหมปรามาจารย์ไป๋ข้าลดให้….”เจ้าของร้านยังกล่าวไม่จบ
หวังหยวนก็กล่าวขัดมาก่อน
“เจ้าของร้านข้าให้สิบล้านหยวนเจ้าขายให้ข้าเถอะ”
สิ้นเสียงของเขาเหล่าชาวมุงก็หันมาเขาทันทีแต่พวกเขาก็มองไม่นานก็ต้องก้มหน้าลงไปสะก่อนเพราะเจอสายตาที่ดุร้ายของหลี่หมินจ้องมองกลับไปยกเว้นกลุ่มปรมาจารย์ไป๋
“เออเรื่องนี้”เจ้าของร้านดูลังเลเพราะเขาไม่อยากมีปัญหากับปรมาจารย์ไป๋เพราะเขามีชื่อเสียงพอสมควรในแวดวงของโบราณนี้
“เฮ้ไอ้หน้าขาวแกไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้เลยแกรู้ไหมฉันเป็นใครและเรื่องนี้สำคัญต่อประเทศมากไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”ฮงหมิงพูดออกมาไม่คิดเช่นเดิมช่วยไม่ได้ในสายตาของฮงหมิงแล้วทุกคนที่อยู่ที่นี้ก็ไม่ต่างจากสามัญชนหรอก
หลี่หมินที่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่เขาจึงจ้องไปยังอีกฝ่ายและกำลังจะลงมือทันทีแต่หวังหยวนยกมือขัดไว้ก่อน
“เรื่องนี้ไม่ยากเลยขอเพียงมีเงินเท่านั้นตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์นี้จะเป็นของพวกคุณแน่นอนถ้าไม่มีก็หลีกทางให้ฉันเถอะ”หวังหยวนพูดออกมานิ่งๆเขาไม่ถือสากับสิ่งที่ฮงหมิงพูดเลยอย่าลืมว่าเขาย้อนเวลากลับมานั้นก็มีอายุมากกว่าสามสิบแล้วคำยั่วยุใดบ้างที่ไม่เคยเจอ
คำกล่าวของหวังหยวนที่ไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อยนั้นยังทำให้ปรมาจารย์ซางมุมปากกระตุกเล็กน้อยด้วยแต่เขาก็สัมผัสได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นไม่ธรรมดาเขาเลยไม่อยากมีเรื่องโดยไม่จำเป็น
“พ่อหนุ่มนายไม่กลัวว่่านี้จะเป็นของปลอมงั้นเหรอ”ปรมาจารย์ซางกล่าวออกมา
“แล้วไง”หวังหยวนยักไหล่ตอบกลับไปอย่างไม่แยแสเพราะสำหรับเขาเงินสิบล้านนั้นน้อยนิดเกินไปจริงๆต่อให้มันจะเป็นของปลอมแต่มันจะเป็นของปลอมได้ยังไง!
“พวกอวดรวยอีกคนสินะ”หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ
หวังหยวนในยินเสียงที่แสบแก้วหูแบบนี้ถึงกับขมวดคิ้วทันที
“เฮ้เธออย่าเอาฉันไปเหมารวมกับไอ้หน้าดำนั้นสิแล้วอีกอย่างชั้นอวดรวยตรงไหนกันป้ายราคาก็บอกอยู่สิบล้านหยวนถ้าไม่มีเงินก็ควรหุปปากไปนะ”หวังหยวกล่าวออกมา
ทำให้ได้รับสายตาที่ดุร้ายจากทั้งกลุ่มทันทียกเว้นชายชราที่ตอนนี้ขมวดคิ้วจนเป็นปมแล้ว
“หลี่หมินถ้าเกิดมีคนหายไปสักสี่ห้าคนจะมีปัญหาตามมาไหม”หวังหยวนไม่ชอบปล่อยให้คนที่มีจิตสังหารต่อเขาลอยนวลไปแบบนี้เลยมันเป็นนิสัยติดตัวของเขาตั้งแต่ก่อนจะย้อนเวลามาแล้วสะอีก
“ถ้าที่อื่นอาจมีปัญหาเล็กน้อยแต่ที่นี้คือเซี่ยงไฮ้”หลี่หมินกล่าวออกมาก่อนที่เขาจะสะบัดมือและมีปืนพกอีเกิ้ลโผล่มาที่มือของเขาและเล็งไปยังอีกฝ่าย
“ขอเพียงนายน้อยสั่ง”หลี่หมินกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
ตอนนี้บรรยากาศรอบนั้นเต็มไปด้วยความกดดันแต่กลับไม่มีเสียงกรีดร้องออกมาซึ่งนั้นก็ตรงกับความคิดของหวังหยวนเช่นกันคนที่เกี่ยวข้องกับของโบราณแบบนี้ไม่มีคนที่ธรรดาสักคนหรอกก็เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่มีคนดีร้อยเปอร์เซ็นแต่ก็ไม่มีคนชั่วร้อยเปอร์เซ็นเช่นกันทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัวของตัวเองกันทั้งนั้น
“เอาละหนุ่มน้อยวางปืนลงเถอะเรื่องนี้เราสามารถยอมถอยให้นายได้”ปรมาจารย์ซางกล่าวออกมาชายหนุ่มที่ฝีปากแรงกล้าอย่างฮงหมิงก็เงียบไปเช่นกันเมื่อเขาโดนปืนจ่อหน้าแบบนี้
“ส่วนเธอระวังความคิดและสายตาของเธอหน่อยส่งจิตสังหารมาแบบนี้ฉันก็ว้าวุ่นสิคงไม่เคยโดนหักหน้าแบบนี้มาก่อนสินะแต่บอกตรงๆนะหน้าตากับหุ่นแบบนี้นะเทียบไม่ได้กับสาวๆที่อยู่ไนท์คลับพวกนัน้ด้วยซ้ำอย่ามั่นหน้าเกินไปนัก”หวังหยวนกล่าวออกมาเพราะจิตสังหารที่หญิงสาวปล่อยออกมานั้นชัดเจนจริงๆ
“เอาละฮุนหยางตรานี้ฉันขอรับไปแล้วกันและถ้านายไม่ออกจากเซี่ยงไฮ้ไปก่อนละก็เงินสิบล้านหยวนจะไปวางไว้หน้าบ้านนายแน่นอน”หวังหยวนกล่าวก่อนโบกมือลาไปแต่เขาไม่ลืมที่จะหยิบตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์นี้ไปเช่นกัน
ส่วนเจ้าของร้านหรือฮุนหยางก็ยืนหน้าซีดอยู่กับแพงขายของตัวเองเพราะเขาไม่เคยบอกชื่อตัวเองกับใครเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เขาเดินสายทางสีดำแบบนี้!
แต่เขาก็เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะจึงผ่อนคลายลงบ้างถ้าอีกฝ่ายต้องการชีวิตเขาคงไม่ปล่อยเขาไปหรอก
“วางอำนาจบาตรใหญ่โดยไม่สนสายตาคนรอบข้างแบบนี้คงมีแค่ตระกูลหวังแล้วละที่กล้าทำ”ปรมาจารย์ซางที่เห็นหวังหยวนเดินออกไปก็พูดขึ้นมา
“ท่านปู่นี้ถ้าเป็นแบบนั้นเกรงว่าเราคงต้องรีบไปจากที่นี้แล้วละ”ซางเจี๋ยกล่าวออกมาอย่างร้อยรนเพราะเธอเผลอปล่อยจิตสังหารใส่หวังหยวนไปเกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยพวกเธอไปแน่
“ไม่ต้องห่วงหรอกยังไงเด็กก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำและเขาหยิ่งผยองขนาดนั้นคงไม่เห็นหัวพวกเราและไม่สนใจพวกเราหรอก”ปรมาจารย์ซางกล่าวออกมาแต่เกรงว่าเขาคงต้องปล่อยเรื่องตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์ไปแล้วละเขาไม่มีปัญญาจะแย่งชิงมาแน่นอน
แต่ฮุนหยางที่ยืนเป็นอากาศธาตุนั้นไม่ได้คิดแบบพวกเขานะสิถ้าคนคนนั้นเป็นนายน้อยตระกูลหวังจริงๆละก็นะ
หวังหยวนที่กำลังจะกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นจราจรที่ติดขัดของถนนเบื้องล่างนั้นก็กล่าวออกมาว่า
“หลี่หมินจราจรที่ติดขัดแบบนี้ช่วยไม่ได้จริงๆที่คนเราจะอารมณ์ร้อนขึ้นมาจริงไหม?”
“แน่นอนครับนายน้อย”หลี่หมินยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่เขาจะกดโทรไปยังสายๆหนึ่ง
หน่วยเก็บกวาดของตระกูลหวัง!!
พวกเขาถือสายคุยกันอยู่สองสามนาทีหลี่หมินก็วางสายลงไป
“เรียบร้อยครับนายน้อย”