บทที่ 155 ขับออกจากวงศ์ตระกูล
หลังหยางเสี่ยวเทียนเดินลับสายตาพวกเขาไป หูซิงจึงหันมากล่าวกับหยางจง “ศิษย์น้องหยางจง หยางเสี่ยวเทียนมันทำร้ายองค์หญิง ซึ่งนั่นนับว่าเป็นกบฏ โทษสำหรับผู้ทรยศเช่นนี้ควรให้ปู่เจ้าขับเขาออกจากตระกูลเสีย!”
“ขับเขาออกจากวงศ์ตระกูลงั้นรึ” หยางจงกล่าวทวน น้ำเสียงดูสะเทิ้นกลัว
“ใช่ ให้ปู่เจ้าขับเขาออกจากลำดับวงศ์ตระกูลเสีย!” เฉิงเป้ยเป้ยก็เอ่ยเสริมวาจาของหูซิงอย่างเห็นด้วย
จากนั้นกล่าวต่อ “จริงสิ ให้ปู่เจ้าขับพ่อของเขาออกจากลำดับวงศ์ตระกูลด้วย หรือทั้งครอบครัวเขานั้นเลย”
“เรื่องนี้มัน!” หยางจงหน้าซีดเซียวจนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“ทำไม หรือเจ้าไม่ต้องการเช่นนั้น” ใบหน้าของเฉิงเป้ยเป้ยมืดลงอย่างเย็นชา เมื่อเห็นความหวาดหวั่นในแววตาของหยางจง
“ไม่ ไม่ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ศิษย์พี่หญิงโปรดใจเย็นลงก่อน” เมื่อเห็นสีหน้าไร้ความกรุณาของเฉิงเป้ยเป้ย หยางจงก็โบกมืออย่างรวดเร็ว
“เมื่อเจ้ามิได้ปฏิเสธ เช่นนั้นก็เร่งส่งคนรายงานเรื่องนี้ต่อปู่ของเจ้าเสีย แค่บอกว่ามันเป็นความตั้งใจของข้า!” เฉิงเป้ยเป้ยกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
อีกด้านหนึ่ง
ครั้นหยางเสี่ยวเทียนกลับถึงจวน มันก็เป็นช่วงเวลาพลบค่ำ แต่เขายังคงปรี่ไปยังลานฝึกยุทธ์ ทดสอบสิ่งที่ได้มาวันนี้
เขายืนนิ่งหยุดกลางลานฝึก ก่อนยื่นมือออกไปด้านหน้า ปลดปล่อยเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณให้ลุกโชติช่วง
ทันทีที่มันบินโฉบออกจากฝ่ามือหยางเสี่ยเทียน ภาพธรรมหงส์เพลิงขนาดใหญ่ พร้อมเปลวไฟทั้งเก้าที่ล่องลอยรายล้อมรอบตัวมันก็ปรากฏขึ้น ทำลานฝึกยุทธ์ส่องสว่างไปทั่ว
หงส์เพลิงบินวนรอบลานอยู่ครู่ ก่อนร่อนลงมารายล้อมกายของหยางเสี่ยวเทียนผู้เป็นนายเหนือหัวมัน เขามองตามขณะมันสยายปีกอันอ่อนช้อยสะบัดพลิ้วคลอเคลียไปมา ประหนึ่งอวดโฉมให้เขาได้ประจักษ์ว่ามันงดงามน่าตราตรึงเพียงใด
หากมองจากระยะไกล หยางเสี่ยวเทียนบัดนี้ ก็มิต่างอันใดกับเทพผู้อยู่บนสรวงสวรรค์ ที่ถูกรายล้อมไปด้วยเปลวสีทองอันรุ่งโรจน์คล้ายพาหนะเซียนรอบกาย
หยางเสี่ยวเทียนกระโดดปราดขึ้นสูง แล้วร่อนลงบนหลังมัน จากนั้นใช้ทักษะควบคุมไฟเพื่อบังคับให้หงส์เพลิงเหินขึ้นเหนือนภากาศ
ทันใดนั้น หยางเสี่ยวเทียนที่ยืนอยู่บนหลังของหงส์เพลิงสีทองขณะมีเปลวเพลิงทั้งเก้าลอยเวียนรอบกายเขา ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสวราวกับจันทรา ก่อนบินโฉบลงมาวนรอบลานฝึก
เมื่อรับรู้ว่าตนลอยบนอากาศได้ หยางเสี่ยวเทียนก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างสำราญยิ่ง เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ท่องเวหารวดเร็วเช่นนี้
โดยปกติแล้ว มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น ที่สามารถบินบนนภากาศได้ แต่ตอนนี้ แค่อาศัยพลังของเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณ ก็ทำให้หยางเสี่ยวเทียนท่องบนเวหาได้เช่นกัน
หลังควบคุมหงส์เพลิงล่องนภากาศอยู่ครู่หนึ่ง หยางเสี่ยวเทียนก็ควบคุมมันลงสู่พื้นลานฝึก จากนั้นคืนเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณกลับเข้าร่าง ก่อนเดินกลับจวนหลักเข้าห้องแล้วเริ่มบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่ม
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางเสี่ยวเทียนก็หยุดบ่มเพาะแล้วออกจากจวนหลัก เมื่อถึงลานด้านหน้าก็พบว่าเลี่ยวคุนและจางจิงหรงมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
ไม่กี่วันก่อน พวกเขาทั้งห้าออกไปซื้อสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการตามคำสั่งของหยางเสี่ยวเทียน อีกทั้งพวกเขายังกลับมาพร้อมทาสหนึ่งร้อยสิบคน ที่อยู่ในขั้นนักยุทธ์ระดับสิบขั้นปลาย
ครั้นหยางเสี่ยวเทียนมองไปยังกองสมุนไพรจำนวนมาก ที่กองรวมอยู่เบื้องหน้าราวกับภูเขาขนาดย่อม ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเป็นที่สุด
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
สมุนไพรในการหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการเหล่านี้นั้น นับว่าหาพบได้ยากมาก หยางเสี่ยวเทียนไม่คาดคิดว่าทั้งห้าจะสามารถซื้อสมุนไพรกลับมาได้มากถึงเพียงนี้
ด้วยสมุนไพรจำนวนนี้ มันคงเพียงพอสำหรับใช้หลอมโอสถเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ต่อจากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็มอบโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ให้กับเลี่ยวคุน จางจิงหรง และอีกสามคน
เมื่อเลี่ยวคุนและอีกสี่คน เห็นว่ามันคือโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ ก็ต่างพากันรู้สึกตื่นเต้นด้วยความปิติยินดียิ่ง พวกเขารีบโค้งคำนับหยางเสี่ยวเทียนเพื่อเป็นการขอบคุณ
หลังจากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ทำการตรวจสอบทาสทั้งร้อยสิบคนอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าทาสทั้งหมดล้วนอยู่ในขั้นนักยุทธ์ระดับสิบขั้นปลาย มิต่างอันใดกับทาสชุดที่แล้ว ดูท่าทางแต่ละคนค่อนข้างมีความสามารถอยู่ไม่น้อย
ผลงานของทั้งห้า ทำให้หยางเสี่ยวเทียนไว้วางใจกับความสามารถของเลี่ยวคุนและกลุ่มของเขาเป็นอย่างมาก
เขาก็ให้ทาสเหล่านี้กลืนยาพิษควบคุม แล้วจึงชี้แนะเคล็ดวิชาฝึกปราณ พร้อมสั่งให้อัตและอาลี่จัดเตรียมที่พักให้กับทาสใหม่เหล่านี้
โดยปราศจากสมาคมผังเมืองคอยขัดขวาง จวนทั้งสามหลังก็ประสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งจวนทั้งสองฝั่งซ้ายขวา ล้วนได้รับการปรับปรุงกระทั่งงดงามขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนคนที่เพิ่มอีกร้อยสิบชีวิต นั่นทำให้หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกว่าจวนหลังนี้ค่อนข้างคับแคบทีเดียว เขาจึงสั่งอัตและอาลี่ออกติดต่อหาซื้อจวนที่อยู่รอบข้างให้หมด เพื่อขยายให้จวนหลังนี้กว้างขึ้นอีก
เมื่อมอบหมายงานให้ทั้งสองเสร็จสรรพ หยางเสี่ยวเทียนก็เริ่มหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์
ยามใดก็ตาม ที่เขาพลันนึกถึงการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์จำนวนร้อยสิบชุดให้ทาสใหม่กลืนเพื่อฝึกฝน เขาก็ถึงกับปวดหัวเนื่องจาก ต้องเสียเวลาการฝึกฝนของตนมากทีเดียว
ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องเลือกใครสักคนที่ไว้วางใจ ฝึกทักษะหลอมโอสถเพื่อให้คนผู้นั้นเป็นนักปรุงโอสถประจำจวน ช่วยแบ่งเบาภาระงานอันเริ่มหนักขึ้นทุกวันเสียแล้ว
ไม่เช่นนั้น หากวันใดที่ผู้ใต้บัญชาเขาต้องการใช้โอสถ เขาก็จะต้องเอาเวลาฝึกฝนของตนมาใช้ในการหลอมโอสถเหล่านี้
หลังพยายามอย่างไม่หยุดหยอนอยู่สองวัน ในที่สุด โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ร้อยสิบชุดก็เสร็จสมบูรณ์