ตอนที่แล้วตอนที่ 5 ทำไมถึงต่อต้านเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 คุณข่มขู่ฉันเหรอ?

ตอนที่ 6 เธอแต่งงานแล้ว


ตอนที่ 6

เธอแต่งงานแล้ว

ช่วงเวลาแห่งการทำงานมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยุ่งอยู่ที่บริษัทตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นเตือนให้เธอไปรับเสี่ยวเป่าในตอนเย็น

เธอขับรถยนต์ยี่ห้อออดี้สีเงินที่ทางบริษัทมอบให้ขับเคลื่อนไปทางโรงเรียนอนุบาล

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนหลังเลิกเรียน ทำให้รถยนต์บนท้องถนนติดกันเป็นขบวน

“หม่ามี้~”

เสี่ยวเป่าเดินมาจากประตูโรงเรียนและสังเกตเห็น          ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชนทันที เขาส่งยิ้มสดใสและรีบวิ่งออกมา

“วิ่งช้า ๆ เดี๋ยวหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง?”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มอ่อนโยนและย่อตัวลงไปจัดแต่งทรงผมที่ผ่านการวิ่งมาจนยุ่งเหยิงของเสี่ยวเป่า

“ผมไม่ล้มหรอก”

ริมฝีปากเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าเม้มเข้าหากัน ประกอบกับใบหน้าที่อ่อนโยนของเขา มันทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวใจละลาย

“อืม เสี่ยวเป่าของเราไม่ล้มหรอกเนอะ”

เธอยิ้มเบา ๆ และพาเสี่ยวเป่าไปยังที่จอดรถ

หลังจากนั้นไม่นานรถยนต์ออดี้คันสีเงินก็แล่นไปตามท้องถนน

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองเสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ และถามขึ้นว่า “วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง?”

เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะมองถงเหมี่ยวเหมี่ยว กะพริบตาและพูดแหย่ว่า “หม่ามี้อยากฟังความจริงหรือโกหกล่ะ?”

“ทะเล้นอีกแล้วนะ หม่ามี้ก็ต้องอยากฟังความจริงซิ”

“ก็ดี แต่เพื่อน ๆ ยังอ่อนหัดกันอยู่เลยฮะ”

เสี่ยวเป่ายักไหล่ และพูดอย่างไม่พอใจ “แต่ว่าพวกเด็กผู้หญิงก็น่ารักดี”

“ทำไมว่าอย่างนั้นล่ะลูก?”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสงสัย

เสี่ยวเป่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเท้าคาง “พวกเพื่อนผู้หญิงเอาขนมกับช็อกโกแลตมาให้ผม ตอนแรกผมปฏิเสธไปแล้ว แต่พอเลิกเรียนเท่านั้นแหละถึงเห็นว่าขนมเต็มกระเป๋าไปหมดเลย”

หันไปมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่อยู่ด้านข้างและพูดว่า “หม่ามี้ ลูกชายหม่ามี้มีเสน่ห์จะตาย”

“จ๊ะ พ่อคนหล่อ!”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและยิ้มแกมหยอกล้อ “เสี่ยวเป่าของเรามีเสน่ห์ที่สุด ถ้าหม่ามี้เหนื่อยไม่อยากทำงานหาเงินขึ้นมาเมื่อไหร่ หม่ามี้จะให้เสี่ยวเป่าออกไปทำแทน ดูซิไม่ต้องทำอะไรก็ได้รับอาหารกลับมาแล้ว”

“แต่มันไม่ใช่ของมีค่า ผมจะหาเงินมาเลี้ยงดูแม่เอง” เสี่ยวเป่าไม่พอใจ

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูขณะที่มุมปากค่อย ๆ ยกสูงขึ้น “ได้เลย หม่ามี้จะรอให้เสี่ยวเป่าไปหาเงินมาเลี้ยงหม่ามี้แทนนะ”

“หม่ามี้รอก่อนเถอะ ผมจะไปหาเงินมาให้หม่ามี้เยอะ ๆ เลย”

น้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่หนักแน่นดังก้องอยู่ในรถยนต์ จนฟังดูอบอุ่น

แม่ลูกหัวเราะคิกคักกันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่รถยนต์จะขับตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้คอนโดมิเนียม

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวต้องการซื้อผักและของใช้ในชีวิตประจำวัน

เสี่ยวเป่าเดินตามแม่เข้าไปในโซนตลาดสดอย่างเชื่อฟัง

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าไปที่โซนอาหารสด

เสี่ยวเป่าเขยิบก้าวเข้าไปดูซี่โครงหมูในแผงขายเนื้อด้วยความตะกละตะกลาม “หม่ามี้ เย็นนี้เรากินซี่โครงหมูกันเถอะ ผมไม่ได้กินซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่หม่ามี้ทำมานานแล้วนะ”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบตกลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าตะกละตะกลามของเขา

พวกเขาทั้งสองซื้อซี่โครงหมูและผักบางส่วนกลับมาบ้าน

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจัดวางของใช้ในชีวิตประจำวันและถือถ้วยชามจานไหเข้าไปในห้องครัวหลังจากกลับมาถึงคอนโด

เสี่ยวเป่าหอบเอาสมุดการบ้านเข้ามาทำในห้องนั่งเล่น

จนกระทั่งทำการบ้านเสร็จแล้วจึงไปกินข้าวเย็น

กับข้าวสามอย่างกับซุปอีกหนึ่งถ้วยไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป พอเหมาะสำหรับแม่ลูกสองคน

คนตัวโตและคนตัวเล็กนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่บนโต๊ะอาหาร ก้มหน้าก้มตากินข้าวภายใต้แสงไฟที่สว่างจ้า

ถึงแม้จะมีเพียงแต่แม่ลูกสองคน แต่บรรยากาศกลับอบอุ่น

“หม่ามี้กินซี่โครงหมูสิ”

เสี่ยวเป่าตักซี่โครงหมูขึ้นมาให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยว

“เสี่ยวเป่าก็กินด้วยสิลูก”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตักซี่โครงหมูขึ้นมาหนึ่งชิ้น คลี่ยิ้มและมองเสี่ยวเป่ากินมัน

เธอมองดูเสี่ยวเป่าตักข้าวเข้าไปเต็มปากและเคี้ยวแก้มป่องเหมือนกับหนูแฮมสเตอร์ที่ชอบอมอาหารไว้ตามร่องแก้ม      ดูน่ารักน่าชังมาก

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งเล่นกับเสี่ยวเป่าอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพาเสี่ยวเป่าเข้าไปอาบน้ำ

เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปล่อยให้เสี่ยวเป่านอนเล่นโทรศัพท์ของเธอ อันเนื่องมาจากเธอยังต้องสะสางเอกสารของทางบริษัท

และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ โทรศัพท์ในมือของเสี่ยวเป่าจึงดังขึ้นและแจ้งเตือนว่าเป็นสายเรียกเข้าจากมู่อวี้เฉิง

“ฮัลโหล”

เสี่ยวเป่ารับสายโทรศัพท์

“...”

ไร้เสียงตอบรับจากโทรศัพท์

เสี่ยวเป่าจ้องมองโทรศัพท์ด้วยความสงสัย เขายังอยู่ในสายแต่อดไม่ได้ที่จะพึมพำว่า “ยังไม่วางสายอีก ทำไมไม่พูดอะไรเลย ฮัลโหล อยู่ไหม?”

หลังจากนั้นไม่นานเสียงของมู่อวี้เฉิงก็ดังขึ้น “ใช่เบอร์ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรือเปล่า?”

เสี่ยวเป่าตอบรับ “ใช่ครับ มีธุระอะไรกับหม่ามี้หรือเปล่า?”

“หม่ามี้ เธอแต่งงานแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงฟังดูประหลาดใจ

แต่หลังจากนั้นไม่นานน้ำเสียงของมู่อวี้เฉิงก็กลับมาสงบนิ่งตามปกติ

หลังจากวันเวลาผ่านพ้นไปหลายปี

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคงจะแต่งงานแล้วสินะ

“เจ้าตัวเล็ก เอาโทรศัพท์ไปให้แม่หนูคุยที”

“รอแป๊บนะฮะ”

เสี่ยวเป่ากระโดดลงจากโซฟา ถือโทรศัพท์และวิ่งเข้าไปในห้องนอน ตะโกนร้องเรียนด้วยเสียงแบบเด็ก ๆ “หม่ามี้ มีคนโทรมา”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร และถามออกไป “ใครโทรมาลูก?”

“ไม่รู้สิ เป็นเสียงผู้ชาย”

เสี่ยวเป่าตอบรับและยื่นโทรศัพท์ออกไปให้เธอ

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู “สวัสดีค่ะ ฉันถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดสาย”

“ผมเอง”

น้ำเสียงไพเราะชวนหลงใหลเหมือนกับเชลโล่ของ       มู่อวี้เฉิงดังลอดออกมาจากโทรศัพท์

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจจนเผลอทำโทรศัพท์ร่วงกระแทกกับพื้นและปิดเครื่องไป

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและหันไปมองเสี่ยวเป่าด้วยสายตาเหลือเชื่อ

เธอนึกไม่ถึงว่ามู่อวี้เฉิงกับเสี่ยวเป่าจะได้พูดคุยกัน

“หม่ามี้เป็นอะไรไป?”

เสี่ยวเป่าสังเกตเห็นว่าสีหน้าของแม่ผิดปกติ เขากะพริบดวงตากลมโตและเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเขาขณะที่พูดอะไรไม่ออก

เธอพยายามระงับอารมณ์ที่ผันผวนอยู่ในใจ ยกมือขึ้นเพื่อลูบหัวเสี่ยวเป่าและยิ้มเบา ๆ “หม่ามี้ไม่เป็นไร”

เสี่ยวเป่าเชื่อแบบนั้นจริง ๆ และช่วยเธอล้มเก็บโทรศัพท์ที่ตกหล่นขึ้นมา

เขายังคงสงสัย “หม่ามี้ ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร?”

หัวใจของถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังเต้นแรง

เธอเหลือบมองเสี่ยวเป่าขณะรับโทรศัพท์มาด้วยท่าทีสงบ และพูดตอบว่า “ลูกค้าน่ะ ลูกออกไปเล่นเถอะ หม่ามี้ต้องทำงานต่อ”

“ครับ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและเดินออกไป

บรรยากาศภายในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง แต่หัวใจของถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไม่สงบนิ่งเสียเลย

เธอพยายามสงบสติอารมณ์ลงและโทรศัพท์กลับไปหามู่อวี้เฉิงอีกครั้ง “คุณโทรมามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ผมโทรมานัดหารือเรื่องใบอนุญาตอีกรอบน่ะ”

ความหมายของมู่อวี้เฉิงค่อนข้างกระชับและชัดเจน และไม่ได้ถามอะไรมากเกี่ยวกับส่วนที่เหลือ

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถอนหายใจอย่างโล่งอก

โชคดี... ที่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้นึกสงสัยอะไร

เธอควบคุมอารมณ์และพูดตอบรับด้วยน้ำเสียงราวกับเจ้าหน้าที่พนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ “ไม่ว่าคุณมู่จะว่ายังไง    ฉันก็ขอยืนยันคำเดิมว่าต้องการเรียกราคาเพิ่มอีกห้าสิบล้านจากราคาเดิม”

สายโทรศัพท์สิ้นสุดลงหลังจากคำพูดยืนกรานของ         ถงเหมี่ยวเหมี่ยว

ถงเหมี่ยวเหมี่ยววางสายลงและนึกถึงภาพลักษณ์ที่ไม่แยแสของมู่อวี้เฉิง บางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง

ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะได้ยินเสียงเสี่ยวเป่า แต่เขาก็คงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายของเขาอยู่ดี

และตราบใดที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เจอหน้าหรือมีเสี่ยวร่วมกับเสี่ยวเป่า เขาก็จะไม่มีวันได้รู้ถึงการมีอยู่ของเสี่ยวเป่า

นอกจากนี้เขาน่าจะคิดว่าเธอแต่งงานแล้ว

เพราะวันเวลาต่างผ่านพ้นไปหลายปี

เธอพยายามพูดปลอบตัวเอง แต่กลับไม่สามารถสงบสติอารมณ์เพื่อทำงานต่อไปได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด