ตอนที่ 50 สายตาดุเดือดของเด็กน้อย
ตอนที่ 50
สายตาดุเดือดของเด็กน้อย
เช้าวันรุ่งขึ้นเสี่ยวเป่าเข้ามาปลุกถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยังคงหลับใหล
“หม่ามี้ คุณลุงสุดหล่อหายไปแล้ว”
เสี่ยวเป่ามักจะตื่นนอนแต่เช้า เขาเดินวนรอบห้องแต่กลับไม่พบร่องรอยของมู่อวี้เฉิงเลยจึงเข้ามารายงาน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทั้งที่กำลังเศร้าใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเสียงเขาขยี้ตาตื่นลุกขึ้นมาจากเตียงเด็กแคบ ๆ เหยียดแขนขาที่ขดเข้าหากันทั้งคืน
เธอบิดตัวจนรู้สึกดีขึ้น จากนั้นจึงค่อย ๆ ลุกจากเตียง
เสี่ยวเป่าบอกว่ามู่อวี้เฉิงกลับออกไปแล้ว
เธอคาดเดาว่าเช่นนั้นในใจแต่ขาทั้งสองข้างกลับก้าวเข้าไปมองในห้องนอนใหญ่ตามสายตาที่คาดหวังของเสี่ยวเป่า
เตียงภายในห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีใครนอนอยู่ในห้อง
“หม่ามี้ คุณลุงไปแล้วเหรอ?” เสี่ยวเป่าถามเธออย่างไร้เดียงสา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าพูดปลอบใจเขาสองสามคำและหันกลับเข้าไปอาบน้ำ
แม่ซุนไม่อยู่ที่นี่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงต้องแบ่งเวลามาทำอาหารเช้า แต่หลังจากกินอาหารเสร็จก็จวนจะสายแล้ว
“เสี่ยวเป่า วันนี้ไปบริษัทกับหม่ามี้มั้ย?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเวลาและถามความคิดเห็นของเสี่ยวเป่า
พิจารณาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เธอกังวลว่า ถงกัวฮุยจะลงมือทำอะไรเสี่ยวเป่าอีก เพราะฉะนั้นเธอจะรู้สึกสบายใจได้ก็ต่อเมื่อมีเขาอยู่ข้างกาย
เสี่ยวเป่ารับรู้ได้ว่าหม่ามี้กำลังเป็นห่วงจึงพยักหน้าตอบตกลง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวประหยัดเวลาในการไปส่งเสี่ยวเป่าและมาถึงบริษัทก่อนเวลา ตอนนี้ยังมีพนักงานจำนวนมากที่ยังเดินทางมาไม่ถึง
“คุณถง นี่...” พนักงานคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินจูงเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้ามา
“ลูกชายฉันเองค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบรับเบา ๆ และมองไปที่เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่า สวัสดีทุกคนสิลูก”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าไปที่บริษัทด้วย คราวเมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ต่างประเทศ เสี่ยวเป่าเข้ามานั่งเล่นในบริษัทถงเหมี่ยวเหมี่ยวทุกวัน
ทำให้ตอนนี้เสี่ยวเป่าสามารถกล่าวทักทายกลุ่มคนแปลกหน้าได้โดยไม่เกรงกลัว
“สวัสดีครับ ผมชื่อเสี่ยวเป่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียง นอบน้อมแบบเด็ก ๆ และโค้งคำนับ
หลังจากเขาพูดแนะนำตัวเองเสร็จ เสียงร้องอุทานก็ดังก้องมาจากทั่วทุกสารทิศ
น่ารักเกินไปแล้ว!
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มและพาเจ้าคนเก่งที่ห้องทำงาน แต่กลับบังเอิญเจอฉินลู่เข้า
ฉินลู่มองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาเฉียบแหลมและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณถงไม่รู้เหรอคะว่าที่นี่มันคือที่ไหน? การพาลูกมาบริษัทด้วยแบบนี้คงกะจะให้เป็นแบบอย่างกับพวกพนักงานสินะคะ”
เธอพูดและมองดูเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญมากและจ้องกลับด้วยสายตาดุเดือด
ฉินลู่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณถงสอนลูกมายังไงคะถึงเจอผู้ใหญ่ไปไม่ลามาไม่ไหว้แบบนี้ เขาไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยเหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ถือโทษหากหล่อนจะวางตัวเป็นศัตรูกับเธอ แต่เธอทนไม่ได้หากอีกฝ่ายแพร่ความน่ารังเกียจไปถึงเสี่ยวเป่า
“หัวหน้าฉินก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรนักหรอก เผลอ ๆ ไม่รู้เท่าเด็กด้วยซ้ำ” เธอตอกกลับด้วยความน้ำเสียงเย็นชา
ฉินลู่ช่างกล้ากล่าวหาว่าเด็กไม่มีการศึกษาต่อหน้าโต้ง ๆ ได้อย่างไร
ถงเหมี่ยวพูดและลดระดับสายตาลงเพื่อมองดูเวลา
“อีกอย่างตอนนี้ฉันเป็นผู้จัดการรับผิดชอบบริษัทนี้แล้ว และฉันก็ยินดีจะพาลูกมาที่นี่ ยังไงซะฉันก็อยากให้หัวหน้าฉินคอยระลึกถึงตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ด้วยนะคะ”
ฉินลู่โกรธมากและนึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดจี้จุด
“ถึงฉันจะสั่งเธอไม่ได้ แต่สำนักงานใหญ่สั่งเธอได้ เธอพาลูกมาที่นี่เธอได้แจ้งสำนักใหญ่แล้วหรือยัง?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้ว เธอเคยทำแบบนี้มาก่อนยังจำเป็นต้องแจ้งด้วยเหรอ?
ฉินลู่มองดูภาพลักษณ์ภายนอกของเธอ และคิดว่าเธอกำลังรู้สึกผิดจึงพูดเยาะเย้ยว่า “ในเมื่อผู้จัดการถงไม่ฟังคำแนะนำของฉัน ฉันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรไปแจ้งสำนักงานใหญ่”
“แล้วแต่” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเกียจคร้านเกินกว่าจะโต้เถียงกับเธอจึงระเบิดออกไปสองคำและจูงมือเสี่ยวเป่าเดินผ่านเธอไป
เหลือเพียงฉินลู่เท่านั้นที่ยืนอยู่บนทางเดิน
ฉินลู่กัดฟันเมื่อเห็นสองแม่ลูกเดินผ่านไป จากนั้นจึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออก
เธอไม่เชื่อว่าทางสำนักงานใหญ่จะปล่อยปละละเลยแบบนี้!
รอจนถึงเวลานั้นก่อนหล่อนจะถูกลงโทษและตำแหน่งจะตกมาเป็นของเธอ!
เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคอยเก็บเกี่ยวกองขนมที่กระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า
เสี่ยวเป่ามองเหม่อไปที่กองขนมขณะรู้สึกอารมณ์เสีย ดูกลัดกลุ้มมาก
“หม่ามี้ เสี่ยวเป่าไม่ชอบป้าคนนั้นเลย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสี่ยวเป่าพูดแบบนี้
“เสี่ยวเป่าเคยไปทำงานกับแม่ ลุงซีจวี๋กับคุณปู่ท่านประธานไม่เห็นว่าอะไรเลย ซื้อขนมให้เสี่ยวเป่ากินด้วยซ้ำ แต่ป้าคนนี้กลับมาบอกว่าเสี่ยวเป่าไม่รู้เรื่อง ป้าแกน่ารำคาญจริง ๆ” เสี่ยวเป่านั่งเตะขาขณะพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องราวในต่างประเทศ
เธอมักจะพาเสี่ยวเป่าไปนั่งเล่นที่สำนักงานใหญ่อย่างที่เสี่ยวเป่าพูด แต่กลับนึกไม่ถึงว่าลู่ซีจวี๋จะชอบเขา และแม้แต่ท่านประธานยังให้ความสนใจแก่เสี่ยวเป่า
ด้วยเหตุผลเช่นนี้เธอจึงไม่กลัวการร้องเรียนของฉินลู่
ขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับมาได้สติอีกครั้ง เธอมองดูรายชื่อผู้ติดต่อและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เสี่ยวเป่ามาดูสิว่าใครโทรมา”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารีบกระโดดลงมาจากโซฟาวิ่งแจ้นมาที่โต๊ะทำงาน
“คุณลุงซีจวี๋!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกดเปลี่ยนเป็นวิดีโอเมื่อเสี่ยวเป่ากดรับสาย
ใบหน้าที่เหมือนรูปปั้นแกะสลักปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
ลู่ซีจวี๋เป็นหลานชายสุดที่รักของท่านประธานสตีเฟนกรุ๊ป และการมีเชื้อชาติหลากหลายจึงทำให้รูปลักษณ์หน้าตาของเขาเหนือกว่าคนอื่น ๆ อย่างมาก
ใบหน้าของเขาออกไปทางแนวตะวันตก มีผิวขาวนวลดั่งหิมะ รูปลักษณ์หน้าตาเปรียบเสมือนงานแกะสลักของสรวงสวรรค์ ดวงตาสีเทาอมฟ้ากำลังอมยิ้ม
“ทำไมรุ่นพี่ถึงโทรมาหาฉันได้ล่ะคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มและพูดคุยอย่างคนกันเอง
ตั้งแต่เธอเดินทางกลับมายังประเทศจีน ครั้งล่าสุดที่ เสี่ยวเป่าโดนลักพาตัวไปจากโรงเรียนคือการติดต่อเพียงครั้งเดียวของพวกเขา
เนื่องจากลู่ซีจวี๋ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอยู่ หน้าที่การงานของเขาจึงยุ่งวุ่นวายมาก
“ก็ฉันไม่ได้เจอเสี่ยวเป่ามานานแล้ว พอได้ยินว่าเธอพาเสี่ยวเป่าไปบริษัทด้วยก็เลยโทรมาหา”
ลู่ซีจวี๋พูดและมองไปรอบ ๆ โต๊ะทำงานแต่กลับไม่เจอเสี่ยวเป่า
“เสี่ยวเป่าอยู่ไหน? ฉันว่าฉันได้ยินเสียงหลานเมื่อกี้นี้นะ”
“ลุงซีจวี๋ ผมอยู่นี้!” เสี่ยวเป่าสูงไม่ถึงหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่เมื่อเขาได้ยินลู่ซีจวี๋เรียกหาเขาก็รีบเอื้อมมือออกไปทันที