ตอนที่ 47 มีใครอีกคนอยู่ในใจเสมอ
ตอนที่ 47
มีใครอีกคนอยู่ในใจเสมอ
เสี่ยวเป่าร้องไห้หนักมากจนมู่อวี้เฉิงไม่ต้องการทำให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหนักใจอีกต่อไปและเดินเข้าไปในคอนโดกับพวกเขา
คอนโดมีเนียมที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเช่าอยู่นั้นมีขนาดพอเหมาะสำหรับเธอและเสี่ยวเป่า ถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากแต่กลับดูอบอุ่นเรียบร้อยเป็นระเบียบ
มู่อวี้เฉิงมองดูรอบ ๆ และรู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อไม่พบร่องรอยของผู้ชายอีกคน
“คุณกับเสี่ยวเป่าเข้าไปนอนกันในห้องใหญ่นะคะ ส่วนฉันจะเข้าไปนอนในห้องเสี่ยวเป่า”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสี่ยวเป่าแล้วหันกลับไปมองมู่อวี้เฉิงที่ไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนนอกแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้ามานั่งลงที่โซฟาในบ้านเธอ
มู่อวี้เฉิงเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรเมื่อได้ยินข้อเสนอแนะของเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดว่าเขาไม่เข้าใจจึงพูดอธิบายเพิ่มเติม
“เตียงเสี่ยวเป่าเล็กเกินไปสำหรับคุณ แต่น่าจะพอดีสำหรับฉัน”
เธอพูดและหันหน้าไปมองทางห้องนอนของเสี่ยวเป่าจนเผยให้เห็นแก้มที่บวมเป่งปะทะเข้ากับสายตาของมู่อวี้เฉิง
“รู้แล้ว คุณไปกินยาเถอะ ไม่กินยาแบบนี้เดี๋ยวหน้าก็บวมเหมือนหมูเอาหรอก”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึง ดวงตาจับจ้องไปที่ใบหน้าบวมแดงอย่างไม่ลดละจนเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา
เขาควรจะมาให้ถึงเร็วกว่านี้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลืมอาการบาดเจ็บบนใบหน้าไปชั่วขณะ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเขาความเจ็บปวดใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณนั่นแหละหัวหมู” เธอจ้องมู่อวี้เฉิงและตอบโต้กลับเบา ๆ
* หัวหมู(猪头) เป็นคำสแลงที่มีความหมายว่าโง่หรือซื่อบื้อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบรับและไม่ปล่อยโอกาสให้มู่อวี้เฉิงตอบโต้กลับ เธอหันหลังเดินไปหยิบถุงน้ำแข็งออกมาจากตู้เย็นแล้วนำมาประคบเข้ากับใบหน้า
ขณะที่เธอกำลังนั่งประคบน้ำแข็งอยู่บนโซฟา เสี่ยวเป่าก็เดินออกมาจากห้องนอนอย่างมีความสุข
“หม่ามี้ ผมจัดห้องเสร็จแล้ว!”
เสี่ยวเป่ายกชุดเครื่องนอนจากห้องเล็กไปยังห้องใหญ่ เขาจัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงหันมาขอคำชมเชยจากถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ความไม่พอใจของถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่มีต่อมู่อวี้เฉิงจางหายไปทันทีเห็นท่าทางที่น่ารักของเสี่ยวเป่า จนรอยยิ้มอ่อนโยนค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้น
“เสี่ยวเป่าสุดยอด ตอนนี้ไปอาบน้ำได้แล้วจ๊ะคนเก่ง”
เสี่ยวเป่าที่ได้รับการอบรบเลี้ยงดูจากเธอเติบโตขึ้นมาเป็นคนมีเหตุมีผลและมีความรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่แต่เขาก็สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง
เสี่ยวเป่าพยักหน้าหงิกหงักและไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อยที่ต้องไปอาบน้ำเพียงลำพัง ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ลืมพูดเตือน มู่อวี้เฉิงกก่อนเดินเข้าห้องน้ำ
“คุณลุงสุดหล่อ เสี่ยวเป่าไปอาบน้ำแป๊บเดียวห้ามหนีไปไหนนะ!” พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากนั้นจึงเหลือเพียงถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงนั่งตรงข้ามกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบมากมีเพียงเสียงน้ำกระเซ็นเป็นครั้งคราว เงียบจนพวกเขาได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกมือข้างหนึ่งคนมากดถุงน้ำแข็งขณะที่สายตากวาดมองไปรอบห้อง อุณหภูมิบนฝ่ามือกำลังร้อนผ่าวช่างแตกต่างกับก้อนน้ำแข็งในมือเธอนัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องอยู่กับมู่อวี้เฉิงเพียงลำพัง แต่ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
จู่ ๆ มู่อวี้เฉิงก็ปริปากพูดทำลายความเงียบระหว่างพวกเขา
“คุณบอกว่าคุณแต่งงานแล้ว แต่จากที่ผมมองดูในห้องนี้ไม่มีของอะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นเลย” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการแต่งงานที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เรื่องโกหก
“ทำไมต้องโกหกผมด้วย?” เขาพูดเข้าประเด็นและหันไปจ้องตาถงเหมี่ยวเหมี่ยวโดยไม่กะพริบตา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ไม่ทันระวังตัวดวงตาสั่นเทาเล็กน้อยระหว่างที่พวกเขาจ้องหน้ากัน ถึงอย่างนั้นเธอพยายามที่จะไม่หลบสายตาเขา
“ก็ถ้าฉันบอกว่าฉันแต่งงานแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาไร้สาระ”
“เช่น?” มู่อวี้เฉิงถามเสียงทุ้ม
เช่นใครบางคนค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวเป่า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดตอบเงียบ ๆ ในใจขณะที่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง
“ก็ถ้าฉันบอกว่าฉันแต่งงานแล้ว คุณซ่งจะได้ไม่เข้าใจเรื่องระหว่างเราผิดไป”
คุณซ่ง?
มู่อวี้เฉิงตกตะลึง ผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ข้างกายเขาและมีนามสกุลว่าซ่งคือซ่งอวี่ซี
“คุณแต่งงานแล้วแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
ฟังจากน้ำเสียงของถงเหมี่ยวเหมี่ยวแล้วดูเหมือนว่าเธอจะสนใจซ่งอวี่ซีมาก
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วและมองดูเธอด้วยความสับสน
เหตุการณ์ในปีนั้นยังคงปรากฏชัดเจนอยู่ในใจของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ซ่งอวี่ซีผู้เย่อหยิ่งมาเยี่ยมเธอถึงหน้าประตูบ้าน แสดงภาพถ่ายบนเตียงและใบเสร็จการตรวจครรภ์ให้เธอดู
จู่ ๆ ความไม่พอใจที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่งสมมาตลอดทั้งห้าปีก็ระเบิดออกมา ร่างกายเธอเปล่งรัศมีความเย็นชาตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก
“นั่นแหละที่ฉันอยากถามคุณ”
หากมู่อวี้เฉิงไม่นอกใจระหว่างที่พวกเขาหมั้นหมายกัน เธอคงจะไม่อุ้มท้องเสี่ยวเป่าหนีไป
มู่อวี้เฉิงมองดูด้วยความสับสนมากขึ้น
เขากับซ่งอวี่ซีไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปเอามาโยงหากันได้อย่างไร?
นอกจากนี้...
“ในเมื่อคุณยังไม่ได้แต่งงาน แล้วเรื่องเสี่ยวเป่าเป็นมายังไง?”
เมื่อพิจารณาจากอายุของเสี่ยวเป่าแล้วมันใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหนีหายไป
มู่อวี้เฉิงยังคงให้ความสนใจในเรื่องนี้
ทำไมปีนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวถึงตัดสินใจหนีไป?
“คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคอยระมัดระวังเรื่องราวเกี่ยวกับเสี่ยวเป่าเสมอ
“ที่คุณหนีไปเพราะเสี่ยวเป่าใช่มั้ย? ระหว่างที่เราหมั้นกันอยู่ คุณมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นเหรอ?”
ในเมื่อมีโอกาสได้ถามแล้ว มู่อวี้เฉิงจึงถามทุกอย่างภายในครั้งเดียว
คำพูดของเขาชัดเจนมากว่าตอนนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวนอกใจไปมีผู้ชายอื่น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่โดนกล่าวหากลับใบหน้ามืดมนลงทันที
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับมัน แต่มันเป็นความจริงที่ว่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยตรงหน้าเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตของเธอ
แล้วเขามาพูดจาแบบนี้กับเธอได้ยังไง?
เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นคนทรยศหักหลังก่อน
เธอกัดปากอยากจะถามมู่อวี้เฉิงกลับ
คำพูดบางอย่างกำลังหลุดออกจากปากแต่จู่ ๆ ก็เงียบไปอีกครั้ง
ในเมื่อเขาเข้าใจผิดไปแล้วก็ปล่อยให้เข้าใจผิดแบบนี้ไปเสียจะดีกว่า
นอกจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแย่งลูกไปอีก
“ก็เป็นอย่างที่คุณคิดนั่นแหละค่ะ” หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็พูดคำตอบกำกวมออกไป
คำตอบดังกล่าวทำให้คนขี้หึงหงุดหงิดได้สำเร็จ
มู่อวี้เฉิงโกรธมากจนไม่ทันได้สังเกตเห็นความคลุมเครือในคำตอบของเธอ และบรรยากาศรอบตัวเขาดูกดดันมากขึ้นจนน่าตกใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชี้กระจ่างความสงสัยของเขาด้วยตัวเธอเอง
และกลับกลายเป็นว่าระหว่างที่เธอหมั้นหมายกับเขา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีใจให้ชายอื่นเสมอมา! เธอถึงกลับปล่อยปละละเลยงานหมั้นและตั้งท้องลูกของชายคนนั้น!
“ถ้างั้นทำไมคุณถึงหมั้นกับผม? อยู่กินกับผู้ชายคนนั้นไม่ดีกว่าเหรอ?”
ทำไมต้องให้เราสองคนมาเสียเวลา และทิ้งเขาไว้กับเรื่องยุ่งเหยิงพวกนี้ด้วย?
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลง
“ทำไมคุณถึงยอมปล่อยมือจากผู้ชายคนนั้น? เพราะทรัพย์สินของตระกูลมู่เหรอ คุณกะจะให้ตระกูลมู่ช่วยพยุงตระกูลถงใช่มั้ย?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเม้มปาก ตอนนี้ต่อให้พูดอธิบายอะไรออกไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ตามจริงแล้วเป็นอย่างที่มู่อวี้เฉิงคิด เหตุผลเธอตัดสินใจเข้าพิธีหมั้นกับเขาก็เพราะว่าทรัพย์สินของตระกูลมู่
แต่เธอไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองเลย เป็นถงกัวฮุยต่างหาก
ตั้งแต่ต้นจนจบมันเป็นแผนการของถงกัวฮุย และเขายอมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ถงกัวฮุยไม่เคยลังเลแม้แต่น้อยที่จะบีบบังคับให้ลูกสาวตัวเองหมั้นหมายกับคนอื่น
ความเงียบของเธอเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการกระตุ้นอารมณ์โมโหของมู่อวี้เฉิง
“ในเมื่อคุณท้องลูกของเขาแล้ว และยังหักหลังทรยศตระกูลมู่ก็แล้วทำไมไม่แต่งงานกับเขาซะเลยล่ะ?”
สายตาเฉียบคมของมู่อวี้เฉิงที่จ้องมองมาทาง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นดั่งโซ่กุญแจที่ล็อกตัวเธอเอาไว้ไม่ให้เธอหันหนีไปทางอื่น