ตอนที่ 45 โง่จริงหรือแกล้งโง่
ตอนที่ 45
โง่จริงหรือแกล้งโง่
แม่ซุนที่นอกตัวบ้านหลังเก่ากอดเสี่ยวเป่าด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ด้วยความลังเลว่าจะกดโทรแจ้งตำรวจดีหรือไม่
แต่ขณะที่เธอกำลังกดหมายเลขโทรออก เสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นมาจากไม่ไกล
รถยนต์เบนท์ลีย์ขับมาจอดข้างบ้านหลังเก่าของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
แม่ซุนกลัวว่าคนที่มาใหม่จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดจึงวางเสี่ยวเป่าลงและคอยไปยืนป้องกันเสี่ยวเป่าอยู่ทางด้านหน้า
หลังจากประตูรถเบนท์ลีย์เปิดออก ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น
ก่อนที่แม่ซุนจะตอบสนองอะไร เสี่ยวเป่าที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็วิ่งออกไป
“คุณลุงสุดหล่อ! ช่วยหม่ามี้ด้วย! หม่ามี้โดนจับตัวไป!”
เสี่ยวเป่าจับขามู่อวี้เฉิงแล้วจ้องมองตั้งแต่ปลายเท้าจรดใบหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
ตอนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโทรมาขอความช่วยเหลือจากเขาเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสี่ยวเป่าอยู่ที่ไหน
แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอกลับช่วยเสี่ยวเป่าออกมาได้ และตกอยู่ในอันตรายเสียเอง
เขาเริ่มไม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดหรือโง่กันแน่
“ท่านประธานครับ?” ลู่หมิงที่ลงมาจากรถยืนรอคำสั่งการจากเขา
มู่อวี้เฉิงมองดูท่าทางที่น่าสงสารของเสี่ยวเป่าและสั่งการว่า “ขึ้นไปดู”
เสี่ยวเป่าวิตกกังวลมากขณะมองดูลู่หมิงเดินขึ้นไปข้างบน เขาร้องไห้และดึงขากางเกงของมู่อวี้เฉิงเอาไว้แน่น
มู่อวี้เฉิงไม่รู้จะจัดการกับเสี่ยวเป่าอย่างไรจึงจับมือเขาและเดินตามเข้าไป
ลู่หมิงเดินเข้าไปในบ้านหลังเก่าและเห็นว่าผู้คุ้มกันกำลังพยุงถงเหมี่ยวเหมี่ยวขึ้นไปที่ชั้นบน
ดูเหมือนว่าอาการของถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะแย่มากแทบไม่สามารถยืนทรงตัวได้
ลู่หมิงไม่สามารถยืนลังเลได้นาน เขาพุ่งทะยานเข้าไปข้างหน้าผู้คุ้มกัน เตะต่อยจนผู้คุ้มกันทั้งสองล้มลงในคราวเดียว จากนั้นจึงหันกลับมาประคองถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังจะล้มลง
“ใครวะ!” ถงกัวฮุยที่ได้ยินเสียงดังรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน เขาเห็นผู้คุ้มกันสองคนนอนนิ่งอยู่บนพื้นขณะที่คนแปลกหน้ากำลังประคองถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่
“วางมันลง! ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนแก!” ถงกัวฮุยตะคอกและกำลังจะเรียกหาใครสักคน
ลู่หมิงวางถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้บนโซฟา จากนั้นจึงขมวดคิ้วและหันหน้ากลับมา
“คุณถงคุยกับผมอยู่เหรอครับ?”
ถงกัวฮุยหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นเขา
“ผู้... ผู้ช่วยลู่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?” ถงกัวฮุยพูดและหันกลับไปมองประตูบ้านหลังเก่าด้วยสายตาเหลือเชื่อ
เสี่ยวเป่าเดินจูงมือมู่อวี้เฉิงเข้ามาอยู่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“คุณมู่ ทำไมถึงมาอยู่นี่นี่...” ถงกัวฮุยไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างไร
เสี่ยวเป่ารีบสะบัดมือมู่อวี้เฉิงทิ้งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเมื่อเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่บนโซฟา และรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ
“หม่ามี้! เสี่ยวเป่ามาช่วยแล้ว!”
เสี่ยวเป่าที่วิ่งเข้าไปหาถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นรอยบวมแดงบนใบหน้าของเธอชัดเจน ขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ
“ไอ้คนชั่ว! แกตีหม่ามี้! แกตีหม่ามี้! เสี่ยวเป่าเกลียดแก!” เสี่ยวเป่าหันหลังกลับวิ่งเข้าไปทุบตีถงกัวฮุยทั้งที่กำลังร้องไห้อยู่
ทว่าเรียวแรงของเด็กน้อยไม่ได้ทำให้ถงกัวฮุยรู้สึกเจ็บปวดเลย กระนั้นการเห็นมู่อวี้เฉิงยืนอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขาตื่นตระหนก
“คุณมู่ ผม...” ถงกัวฮุยเพียงพูดออกมาได้แค่ครึ่งเดียว คนตรงหน้าก็เดินผ่านเขาไปโซฟาทำราวกับว่าหูหนวก
มู่อวี้เฉิงได้ยินเสี่ยวเป่าตะโกนร้องว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวถูกตี เขาจึงมองดูใบหน้าของคนบนโซฟาแล้วจู่ ๆ ก็โมโหขึ้นมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้
บรรยากาศภายในบ้านหลังเก่าดูกดดันจนน่าตกใจ
มู่อวี้เฉิงเดินเข้าไปหาคนบนโซฟาและจ้องมองด้วยสีหน้ามืดมน
“เป็นยังไงบ้าง? เดินไหวมั้ย?” เขามองดูรอยสีแดงสดบนใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้หันไปมองเขา เพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เป็นไร ฉันยังไหว”
เธอพูดและเอื้อมมือออกไปจับโซฟาเพื่อพยุงตัวขึ้น
เธอยังไม่หายจากอาการป่วยดีและต้องวิ่งเต้นตลอดทั้งคืน หนำซ้ำยังถูกถงกัวฮุยตบถึงสองครั้ง การลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองจึงดูยากลำบากมากสำหรับเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก้าวขาออกมาได้เพียงก้าวเดียวและแทบจะล้มชนโต๊ะกาแฟ
จู่ ๆ มู่อวี้เฉิงก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเธอระมัดระวังตัวแล้วแต่ก็ยังล้มลงอยู่ดี
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดว่าตัวเองกำลังจะล้มลง แต่จู่ ๆ มือแกร่งก็ยื่นเข้ามาประคองเอวเธอไว้
หลังจากนั้นเธอก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นวนเวียนอยู่รอบกาย
“มู่อวี้เฉิง” เธอรับรู้ได้ถึงเจตนารมณ์ของเขาและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ทันทีที่เธอพูดจบ เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาโดยไม่รีรอให้เธอปฏิเสธ
“คุณทำอะไร!” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตื่นตระหนกแต่สีหน้ายังคงดูโกรธจัด
ทว่าเขากลับไม่ได้สะทกสะท้านถึงความโกรธของเธอเลย ยังคงอุ้มเธอออกไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“เดี๋ยวผมพาคุณออกไปก่อน อย่าดิ้น”
การปรากฏตัวของมู่อวี้เฉิงนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ ดังนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
ขณะที่เขาเดินมาถึงปากประตู ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน”
มู่อวี้เฉิงงุนงงแต่ฝีเท้ากลับหยุดลง
จู่ ๆ คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาก็แข็งแกร่งขึ้น
“ถงกัวฮุย ฉันจะจดจำสิ่งที่แกทำลงไปในวันนี้ให้ขึ้นใจ แล้วแกจำเอาไว้เลยว่าวันหนึ่งจะฉันเอาคืนแกเป็นสองเท่า!” ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวมืดมนลงขณะที่น้ำเสียงเย็นชาขึ้น
ถงกัวฮุยที่อยู่ไม่ไกลนักได้ยินเสียงเธอชัดเจน เขาเหลือบมองคนที่อุ้มเธออยู่และอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน
กว่าเขาจะได้สติคืนมา พวกเขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งเดินมาถึงตีนเขา
“ขอบคุณค่ะ ช่วยวางฉันลงที” เธอเหนื่อยและอยากกลับบ้าน
หลังจากเธอพูดจบ เขาคนนั้นยังคงไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอลงและยังคงอุ้มพาเธอเดินไปข้างหน้า
“รถฉันจอดอยู่ตรงนั้น” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดเตือนเขาเมื่อเหลือบเห็นเบนท์ลีย์ที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
มู่อวี้เฉิงยังคงเงียบเหมือนเดิม เขารอให้ลู่หมิงเปิดประตูรถแล้วจึงเข้าไปนั่งโดยที่ยังมีถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ในอ้อมกอด
เสี่ยวเป่ารีบปีนตามขึ้นไปบนรถทันทีเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเข้าไปในรถยนต์คันเดียวกัน
ขณะที่แม่ซุนกับลู่หมิงยืนอยู่ข้างนอกรถ
เสี่ยวเป่าปีนขึ้นไปรถและเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว มองดูเธอทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า
“หม่ามี้เจ็บมั้ย เสี่ยวเป่าเป่าฟู่ ๆ ให้ จะไม่เจ็บอีก...” เสี่ยวเป่าพูดขณะที่น้ำตายังไหลลงมาไม่หยุด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเช็ดน้ำตาให้เขาด้วยความทุกข์ใจ
มู่อวี้เฉิงเฝ้าดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเงียบ ๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำเย็นออกมาจากตู้เย็นขนาดเล็ก
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่หิว” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปฏิเสธขวดน้ำเย็นที่มู่อวี้เฉิงมอบมาให้โดยไม่แม้แต่จะคิด
ทันทีที่พูดจบ ถงมู่อวี้เฉิงก็กดขวดน้ำเย็นลงบนใบหน้าของเธอ
มู่อวี้เฉิงไม่ได้ออกแรงมากนัก ถึงอย่างนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ยังสะดุ้งโหยงและเผลอครางออกมาเบา ๆ
เสี่ยวเป่าร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงร้องของหม่ามี้
“หม่ามี้ เสี่ยวเป่าผิดเอง! เสี่ยวเป่าซื่อบื้อจนถูกคนร้ายจับตัวไป...”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวว้าวุ่นใจมากจนไม่มีเวลาสนใจมู่อวี้เฉิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอรีบหันไปกอดปลอบเสี่ยวเป่า
“เสี่ยวเป่าคนเก่ง หม่ามี้ไม่เป็นอะไร หยุดร้องไห้ได้แล้วโอเคมั้ย?”
มู่อวี้เฉิงออกแรงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกัดฟันแน่นและหันไปจ้องเขา แต่กลับได้ยินเสียงเยาะเย้ยว่า “เกือบจะเสียโฉมอยู่แล้วยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก นี่คุณโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่”