ตอนที่ 41 แกมันไอ้สัตว์เดียรัจฉาน
ตอนที่ 41
แกมันไอ้สัตว์เดียรัจฉาน
“เสี่ยวเป่า? อยู่ไหน? ออกมาเร็ว เลิกเล่นซ่อนหากับคุณครูได้แล้ว!” คุณครูสาววางสายโทรศัพท์และเดินกลับมาแต่กลับไม่เห็นเสี่ยวเป่าอยู่ที่เดิม
หลังจากเดินตามหาอยู่นานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ คุณครูจึงเริ่มตื่นตระหนก
แม่ซุนถูกลูกน้องของถงกัวฮุยสกัดขาจนสะดุดล้มระหว่างทาง เมื่อเธอมาถึงเธอเห็นคุณครูสาวกำลังตะโกนร้องหาเสี่ยวเป่าจึงเริ่มใจคอไม่ดี
ทั้งสองไม่อยากเสียเวลานานจึงเดินเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงเรียน
หัวใจของแม่ซุนเจ็บปวดนักเมื่อมองดูกล้องวงจรปิดแล้วเห็นเสี่ยวเป่าเดินถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าเธอมาถึงเร็วกว่านี้ เสี่ยวเป่าคงจะไม่...
“คุณยายซุน เหมือนว่าเสี่ยวเป่าจะรู้จักเขานะคะ” คุณครูมองดูกล้องวงจรปิดและสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเป่าหยุดอยู่กับที่
แม่ซุนที่ได้ยินเช่นนั้นมองพิจารณาดูรูปร่างของชายบนหน้าจอ
นี่คือผู้ชายที่เข้ามาก่อปัญหาทุกวันไม่ใช่เหรอ?
พ่อของคุณถง!
แม่ซุนที่รู้ข่าวรีบเดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลและบอกกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวว่าถงกัวฮัวลักพาตัวเสี่ยวเป่าไป
“เสี่ยวเป่าถูกลักพาตัวไปเหรอ?”
แม่ซุนเล่ารายละเอียดถึงสถานการณ์ดังกล่าว จนทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยววิตกกังวลขึ้น
ไอ้สารเลวถงกัวฮุย ไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวเล็ก!
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รีรอให้แม่ซุนตอบคำถามรีบคว้าโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาถงกัวฮุย
“ว่าไงลูกสาวคนดีของพ่อ ทำไมคิดถึงพ่อขึ้นมาล่ะ?” น้ำเสียงของถงกัวฮุยที่อยู่ปลายสายดูอารมณ์ดีมาก
จนถงเหมี่ยวเหมี่ยวอดไม่ได้ที่จะคลื่นไส้
“แกทำอะไรเสี่ยวเป่า! ส่งเขามาคืนฉันเลยนะ!”
ถงกัวฮุยหัวเราะเยาะ “ฉันก็แค่ทำหน้าที่ต้อนรับหลานในฐานะตาเท่านั้นเอง ตราบใดที่แกให้ความร่วมมืออย่างดี ฉันก็จะไม่ทำอะไรมัน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหวนนึกถึงคำพูดของถงกัวฮุยเมื่อหลายวันก่อนแล้วรู้สึกรังเกียจเกินกว่าที่จะสนทนากับเขาต่อได้
“เสี่ยวเป่าไม่มีตา! ถงกัวฮุย แกกล้าลงไม้ลงมือกับเด็กแบบนี้ แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
“คืนเสี่ยวเป่ามาให้ฉัน! ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”
ถงกัวฮุยเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงทันทีเมื่อได้ยินคำขู่ของเธอ
“ถ้าแกโทรแจ้งตำรวจงั้นฉันจะไม่รับประกันความปลอดภัยของไอ้เด็กนี่ หรือไปสถานีตำรวจกับฉันตอนนี้เลยมั้ยล่ะ แล้วค่อยมาแลกเปลี่ยนกัน”
จนถึงสุดท้ายเธอยังต้องไปถอนแจ้งความที่สถานีตำรวจและแลกเปลี่ยนตัวสองแม่ลูกโจวเพ่ยฮวาถงอวิ๋นเหยียนกับเสี่ยวเป่าอยู่ดี
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำโทรศัพท์แน่น กัดฟันด้วยความโกรธจนแทบคลั่ง “ถงกัวฮุย! แกนี่มันไอ้สัตว์เดียรัจฉาน!”
ถงกัวฮุยที่อยู่อีกด้านหนึ่งกดวางสาย
แม่ซุนมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากด้านข้างและเดินเข้าไปหาเธอหลังจากวางโทรศัพท์แล้ว
“คุณหนู อยากให้ป้าโทรแจ้งตำรวจมั้ย? นายถงจะทำอะไรเสี่ยวเป่าหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยฉันออกจากโรงพยาบาลก็พอ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่มีเวลาพูดอธิบาย เธอรีบเก็บข้าวของและเตรียมจะออกไปจากโรงพยาบาลทันที
เธอกำลังวางแผนจะออกจากโรงพยาบาลในอีกสองสามวันอยู่พอดี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าสาเหตุที่ต้องออกจากโรงพยาบาลกะทันหันจะมาจากการที่ถงกัวฮุยลักพาตัวเสี่ยวเป่าไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขับรถไปที่วิลล่าตระกูลถงโดยไม่มีความรู้สึกคิดถึงแม้แต่น้อย
นี่คือสถานที่ที่เธอเติบโตมาและเป็นสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ
และวันนี้เธอกลับมาเพื่อเป็นปรปักษ์กับคนในบ้านตระกูลถง
ประตูวิลล่าถูกเปิดออกราวกับรอการมาถึงของเธอ
“มาได้แล้วเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้ามาในประตูรั้วและได้ยินเสียงของถงกัวฮุยดังขึ้น
“เสี่ยวเป่าล่ะ?” เธอหยุดและหันไปมองรอบ ๆ แต่กลับไร้วี่แววของเสี่ยวเป่า
“แกเอาเสี่ยวเป่าไปซ่อนไว้ที่ไหน! แกจะทำข้อแลกเปลี่ยนกับฉันก็แสดงความจริงใจให้ฉันเห็นหน่อย! ให้ฉันเห็นว่าเสี่ยวเป่ายังสบายดีมั้ย!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ้องมองชายในบ้านด้วยความวิตกกังวล
ทว่าถงกัวฮุยกลับไม่มีทีท่าว่าจะทำตามคำเรียกร้องของเธอ
ถงกัวฮุยมองดูท่าทางกังวลของเธอและยิ้มเยาะเย้ย
“แกคิดว่าตอนนี้แกอยู่สถานะที่จะเจรจากับฉันได้งั้นเหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงียบไป ก่อนจะกัดฟันและพูดขึ้นว่า “ไอ้คนด้านหน้า!”
“แกมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ฉันจะรอแกอยู่ที่นี่ อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะต้องได้เห็นแม่เลี้ยงกับน้องสาวแกกลับมา”
“ไม่อย่างงั้นแกจะไม่มีวันได้เจอหน้าไอ้เด็กเหลือขอคนนั้นอีก” ถงกัวฮุยทำหูทวนลมใส่คำสาปแช่งของเธอ เขาพูดและหันหลังกลับเข้าบ้านไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย
เธอเคยคิดว่าชายตรงหน้าจะมีหลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง
แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะประเมินไอ้สัตว์เดียรัจฉานนี้สูงเกินไป
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่า ฉันจะไม่มีวันปล่อยตระกูลถงไป!” ถึงแม้ว่าเธอจะยังเหนื่อยล้า แต่น้ำเสียงกลับชัดเจนและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ไม่นานนักรถยนต์ก็เร่งความเร็วเคลื่อนตัวออกจากวิลล่าตระกูลถงไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหยียบคันเร่งมิดไปจนถึงสถานีตำรวจ
“คุณถงแวะมาที่อะไรหรือครับ?” ตำรวจสองนายที่ไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลบังเอิญเข้าเวรอยู่และตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงียบไปครู่หนึ่งและหรี่ตาลง “ฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ”
“อะไรนะครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจงง
“ฉันให้อภัยแม่เลี้ยงกับน้องสาวแล้ว ช่วยปล่อยตัวพวกเธอได้มั้ยคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกคลื่นไส้กับคำพูดแต่ละคำที่เธอพูดออกมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายรู้สึกลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แต่พวกเธอทำกับคุณถึงขนาดนั้น...”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอดกลั้นอาการคลื่นไส้และพูดขัดจังหวะ
“พวกเธอคือครอบครัวของฉันค่ะ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายสังเกตเห็นว่าเธอมีความลับบางอย่างและสีหน้าดูไม่สบอารมณ์อย่างมากจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
“ครับ งั้นรบกวนเซ็นชื่อตรงนี้ด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดและยื่นเอกสารให้เธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้อ่านเนื้อหาด้านในด้วยซ้ำ หยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายมองหน้ากัน
“จะปล่อยตัวได้หรือยังคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดเร่ง
“เอ่อ งั้นตามมาเลยครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินนำหน้าไป
โจวเพ่ยฮวากับถงอวิ๋นเหยียนถูกปล่อยตัวออกจากสถานกักกันภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยืนรอพวกเธออยู่ที่หน้าประตู ภายในใจเอาแต่นึกห่วงเสี่ยวเป่ากลัวถงกัวฮุยจะบ้าคลั่งจนเผลอทำร้ายเสี่ยวเป่า
“นังสารเลว กล้าดียังไงถึงโผล่หน้าให้พวกเราเห็นอีก?” โจวเพ่ยฮวาที่ได้รับการปลดปล่อยตัวออกจากสถานกักกันตามความปรารถนาหันมาเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ไม่ไกล สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที
ถงอวิ๋นเหยียนต้องการสอนบทเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนาย แต่เธอกลับหันขวับทันทีที่เมื่อได้ยินเสียงแม่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมินสายตาของทั้งสองที่จ้องมองมา
“อีนังบ้า! แกมาที่นี่ทำไม! หรือคิดว่าพวกเรายังน่าสมเพชไม่พอ?” ถงอวิ๋นเหยียนไม่สนใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตรงหน้า เดินสวมรองเท้าส้นสูงตรงไปหาถงเหมี่ยวเหมี่ยว ยกมือขึ้นชี้นิ้วด่าอย่างไม่ลดละ
“แกรู้มั้ยว่าฉันกับแม่ต้องทุกข์ทรมานเพราะแกกันขนาดไหน นังบ้า! ฉันก็แกผลักแกแล้วแกจำเป็นต้องตอบโต้กลับแบบนี้ด้วยเหรอ?”
สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่แยแสของเธอ
การผลักคนจนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เรียกว่าแค่ผลักได้เหรอ?
“ก็สมควรแล้วนิ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาแต่นึกถึงเสี่ยวเป่าจนไม่มีอารมณ์โต้เถียงกลับ เธอหันหลังและเตรียมจะจากไป
“หยุดนะ! แกทำให้ผู้ใหญ่ต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้แล้วแกยังทำเป็นเมินอีกเหรอ? ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงออกคำสั่งของโจวเพ่ยฮวาดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ตามด้วยน้ำเสียงหัวเราะเยาะของถงอวิ๋นเหยียน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยุดชะงัก
“ทำไม? เพิ่งรู้ตัวว่าผิดเหรอ? งั้นก็...”
แต่ก่อนที่โจวเพ่ยฮวาจะพูดจบฝ่ามือก็ตกลงมากระทบใบหน้าเธอเสียก่อน
เธอโดนตบแรงมากจนหน้าหัน และเมื่อหันหน้ากลับมาอีกครั้งเธอเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้ามืดมน
“ขอโทษแบบนี้เหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบีบมือที่แสบร้อนและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
โจวเพ่ยฮวามึนหัวจนได้ยินสิ่งทำเธอพูดไม่ชัด
ถงอวิ๋นเหยียนตกใจมากเช่นกันและต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่พักหนึ่ง
“แกกล้าดียังไง!” ถงอวิ๋นเหยียนตะคอกและก้าวเข้าไปหาเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันไปด้านข้างมองดูเธอพุ่งเข้ามาและยกฝ่ามือตบหน้าเธออีกครั้ง
“ถ้าพวกเธอจะสร้างปัญหาต่อ ฉันก็ยินดีจะส่งพวกเธอไปรื้อฟื้นความทรงจำในสถานกักกันอีกครั้ง ฉันเคยส่งพวกเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันก็จะส่งพวกเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง!”