ตอนที่ 40 เสี่ยวเป่าถูกลักพาตัว
ตอนที่ 40
เสี่ยวเป่าถูกลักพาตัว
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงทันที
เฮ่อจิ่นเหยียนมองดูสีหน้าของเขาแล้วหุบยิ้มทันที เขานั่งหลังตรงและมองดูด้วยความเหลือเชื่อ
“ผมก็แค่เดาสุ่ม ไม่คิดว่าจะเดาถูก”
มู่อวี้เฉิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร
“เธอทำอะไรพี่? หรือว่า... อยากหมั้นกับพี่อีกเหรอ?” ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าทำไม มู่อวี้เฉิงถึงยังคงพยายามเพื่อผู้หญิงคนนั้นจนมาถึงจุดนี้
“ในหัวแกนี่มันมีอะไรบ้างมั้ย?” มู่อวี้เฉิงไม่คิดจะพูดไปมากกว่านี้ หยิบไวน์ขึ้นมารินให้เขาอีกแก้ว
เฮ่อจิ่นเหยียนมองดูท่าทางและยิ้มมุมปากอีกครั้ง
“อย่าคิดว่าไวน์จะหยุดผมได้ ถ้าพี่ไม่บอกผมก็ไม่ดื่มหรอก”
ยิ่งมู่อวี้เฉิงไม่อยากพูดมากเท่าไหร่ เรื่องราวเบื้องลึกก็ยิ่งน่าตื่นเต้นมากเท่านั้น
เฮ่อจิ่นเหยียนเร่งเร้าจะให้มู่อวี้เฉิงพูดความจริง
ทั้งสองพูดวกวนกันไปมาอยู่นาน จนมู่อวี้เฉิงทนไม่ไหววางแก้วไวน์ลงด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“ตอนที่เธอหนีไปตอนนั้น ฉันไม่คิดว่าเธอจะกลับมาอีก”
ยิ่งไปกว่านั้นเธอพาลูกกลับมาด้วย!
เฮ่อจิ่นเหยียนไม่เข้าใจ “พวกพี่เคยเจอกันแค่สองสามครั้งเองนี่ อีกอย่างผมไม่เคยพี่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
“เธอพาลูกชายกลับมาด้วย ปีนี้อายุได้สี่ขวบแล้ว” มู่อวี้เฉิงไม่สนใจคำถามของเขา และเล่าเรื่องของตัวเองต่อ
ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้เฮ่อจิ่นเหยียนสับสน
ในเมื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังไม่ได้แต่งงานกับเขา การที่เธอหอบลูกกลับมาในตอนนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
แต่เมื่อเฮ่อจิ่นเหยียนคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
สี่ขวบ?
เป็นปีเดียวกับที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหนีไปไม่ใช่เหรอ?
หรือว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะหนีไปเพราะมีคนที่ดูใจด้วยอยู่แล้ว?
“พี่คิดว่า...” ขณะที่เฮ่อจิ่นเหยียนกำลังจะเอ่ยถามเพื่อยืนยันความคิด จู่ ๆ มู่อวี้เฉิงกลับพูดขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“ฉันคิดว่าตอนที่เธอหมั้นกับฉัน เธอน่าจะคบหาผู้ชายอีกคนอยู่ด้วย” น้ำเสียงของมู่อวี้เฉิงฟังดูเย็นชาจนน่ากลัว
หลังจากรู้จักกันมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เฮ่อจิ่นเหยียนเห็นว่าผู้หญิงสามารถทำให้เขาโกรธเคืองได้สำเร็จ
“พี่หึงหรือไง?” เฮ่อจิ่นเหยียนอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก
เขาเคยเข้าร่วมพิธีงานหมั้นในตอนนั้นมาก่อนและเห็นว่ามู่อวี้เฉิงดูไม่ค่อยพอใจมากนัก
ทันทีที่เขาพูดติดตลก มู่อวี้เฉิงก็ตวัดสายตาเย็นชามาทางเขา
“ถ้าคู่หมั้นแกนอกใจไปหาชายอื่นจนคลอดลูกเขาแล้ววิ่งกลับมาขอความช่วยเหลือจากแก แกจะรู้สึกยังไง?”
เฮ่อจิ่นเหยียน “...ก็ขึ้นอยู่กับว่าผมชอบเธอหรือเปล่า”
ถ้าไม่ชอบก็แค่ปล่อยเธอไปตามทาง
ถึงอย่างนั้นเขาเหลือบมองสีหน้าของมู่อวี้เฉิงและไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป
“ถ้าพูดงั้นแกรับได้เหรอที่เธอนอกใจแก?”
เฮ่อจิ่นเหยียนเงียบไปนานและในที่สุดก็พูดเข้าข้างพี่ชายตัวเอง
“อันที่จริงวิสัยทัศน์ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวแย่มากเลยนะ เธอกล้าทิ้งคู่หมั้นที่เพียบพร้อมไปหาผู้ชายอื่นได้ยังไง”
มู่อวี้เฉิงจิบไวน์และไม่พูดอะไรต่อ บรรยากาศรอบตัวเขายังคงอึมครึมเหมือนเช่นเคย
เฮ่อจิ่นเหยียนเห็นว่าประโยคเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นจึงพยายามพูดมากกว่าเดิม
“สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือคุณชายมู่ยังมีผู้หญิงมาเข้าคิวรอแต่งงานด้วยอีกเยอะ และมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ดีกว่าเธอ”
เขาพูดจาแห้ง ๆ อยู่นานแต่กลับยังคงไร้เสียงตอบรับ จึงยอมแพ้และยอมจำนนต่อโชคชะตาด้วยการดื่มไวน์ต่อเงียบ ๆ
ทั้งสองนั่งดื่มไวน์เงียบ ๆ จนผู้คนในบาร์เริ่มกลับกันไปจนหมด
หลายวันต่อมาถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้รับการตอบรับจากมู่อวี้เฉิงอีกเลย และมันทำให้เธอรู้สึกโล่งใจมาก
แต่ว่า...
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยว! นังเนรคุณ ถ้าไม่มีตระกูลถง ป่านนี้แกก็ไม่มีอะไรหรอก!” เสียงร้องคำรามของถงกัวฮุยดังก้องมาจากปลายสาย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งถือโทรศัพท์โดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า
หากเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากจะรับสายโทรศัพท์จาก ถงกัวฮุยเช่นกัน แต่บทเรียนที่เธอเรียนรู้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้เธอต้องรับสายโทรศัพท์
ก่อนหน้านี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รับโทรศัพท์จากเขาเป็นเวลาสี่วันติดต่อกัน หลังจากนั้นภายในครึ่งชั่วโมงถงกัวฮุยจะต้องวิ่งแจ้นมาก่อปัญหาถึงที่โรงพยาบาล
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมู่อวี้เฉิง ถงกัวฮุยจะต้องมาสร้างปัญหาก่อนจากไปทุกครั้ง
ดังนั้นปล่อยให้เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟผ่านทางโทรศัพท์น่าจะดีเสียกว่า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบกลับลวก ๆ สองสามครั้ง และจบลงที่ถงกัวฮุยวางสายไปด้วยความขุ่นเคืองเหมือนเช่นเคย
ในที่สุดก็ถึงเวลาให้เข้าเยี่ยมผู้ต้องหา ถงกัวฮุยที่ได้รับแจ้งทางข้อความจึงรีบวิ่งไปยังสถานกักกัน
โจวเป่ยฮวากับถงอวิ๋นเหยียนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งผมเผ้ารกรุงรัง ราวกับว่าพวกเธอกำลังทุกข์ทรมานอย่างมาก
ถงกัวฮุยรู้สึกเจ็บปวดหัวใจจนแทบทนไม่ไหว
“พ่อคะ ไปหาถงเหมี่ยวเหมี่ยวแล้วบอกให้มันปล่อยตัวพวกเราไปที” ถงอวิ๋นเหยียนน้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสาร
“ในเมื่อมันไม่อยากแต่งงานแทนหนู งั้นหนูแต่งงานเองก็ได้ค่ะ ก็ตอนนี้หนูกลายมาเป็นแบบนี้แล้วใครจะมาชอบหนูอีก...”
กงถัวฮุยรักลูกสาวตัวน้อยของเขาสุดหัวใจ แต่ภายในใจกลับยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเมื่อเธอพูดถึงเรื่องการแต่งงาน
ลูกสาวคนเล็กของเขายังคงเป็นห่วงตระกูลถงทั้งที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ กลับกันกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ไม่สนใจไยดีตระกูลถงเลย และคิดแต่จะเอาทำร้ายกัน
“ใช่ กัวฮุย ฉันทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ไหวแล้ว คุณรีบหาทางช่วยฉันหน่อยสิคะ!” โจวเพ่ยฮวาพูดยุยง
“คุณเป็นพ่อเธอ ถ้าคุณพูดอะไรแล้วเธอไม่ฟัง ทำไมไม่สั่งสอนเธอล่ะค่ะ?”
ถงกัวฮุยที่ได้ยินเช่นนั้นทวีคูณความโกรธเคืองที่มีต่อ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ และตอบตกลงทันที
“ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้มันยอมปล่อยพวกคุณออกมาให้ได้!”
หากเขาจำไม่ผิดถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีลูกชายสุดหวงแหนอยู่คนหนึ่ง!
เขาอยากรู้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้ความสำคัญกับชีวิตของเด็กคนนั้นมากน้อยแค่ไหน หรือให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเองมากกว่ากัน!
หลังจากถงกัวฮุยเดินทางกลับไป เขารีบติดต่อลูกน้องทั้งหลายให้ค้นหาสถานที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลของเสี่ยวเป่า
ช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน คุณครูพาเสี่ยวเป่ามายืนรอแม่ซุนที่หน้าประตูโรงเรียน
“เสี่ยวเป่า เดี๋ยวคุณครูเข้าไปโทรศัพท์ก่อน หนูรออยู่ตรงนี้สักแป๊บได้มั้ยจ๊ะ?” คุณครูสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าวิตกกังวล
เสี่ยวเป่าพยักหน้าให้คุณครูอย่างเชื่อฟัง
“จ๊ะ เสี่ยวเป่ารอครูอยู่ตรงนี้นะ เสี่ยวเป่าห้ามวิ่งไปไหน คุณครูออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บเดียว!”
แต่ก่อนที่เขาจะขานรับ คุณครูสาวก็หายตัวไปแล้ว
เสี่ยวเป่าหันไปมองทางอื่น นั่งยอง ๆ นับมดบนพื้นขณะพองแก้มออกเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าวันนี้คุณยายซุนทำอะไรอยู่ ปกติคุณยายจะมารอที่หน้าประตูก่อนเวลาเสมอ...
และคุณครูก็ทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง...
เนื่องจากเสี่ยวเป่าอายุยังน้อยและบรรยากาศรอบตัวเริ่มมืดแล้ว เสี่ยวเป่าจึงหวาดกลัวเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนโดยคิดว่าจะเดินไปรอยังจุดที่มีแสงสว่างส่องถึง
เขาลุกขึ้นมาและสังเกตเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล
ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถยนต์และเดินตรงเข้ามาหาเขา
เสี่ยวเป่าพยายามก้าวถอยหลัง
“เสี่ยวเป่า ฉันมารับแกแล้ว” ชายอีกด้านหนึ่งเรียกชื่อเขา
เสี่ยวเป่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้หันหลังกลับหรือวิ่งหนีไป เพียงแต่ค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงนี้ถึงฟังดูคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ปะ วันนี้คุณยายซุนมีธุระเลยให้ฉันมารับแทน”
ชายคนที่อ้างชื่อคุณยายซุนเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เสี่ยวเป่าสูญเสียการป้องกันตัวไปชั่วขณะหนึ่ง เขายืนนิ่งและหันไปมองตามทิศทางที่คุณครูเดินจากไป
“ทำไม? จำตาไม่ได้เหรอ?” ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ตัวเขา
เสี่ยวเป่ามีปฏิกิริยาตอบสนองทันทีเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว เขาอยากจะวิ่งหนีแต่มันก็สายไปเสียแล้ว
“คุณครู! ช่วยเสี่ยวเป่าด้วย! คนชั่วจะจับตัวเสี่ยวเป่า!”
ถงกัวฮุยรีบที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบคว้าตัวเขาขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่ากำลังจะก้าวขาออกไป
“หุบปาก ตาจะได้ไม่ต้องทำให้แกเจ็บตัว!” ถงกัวฮุยพูดและเดินกลับไปที่รถยนต์
บรรยากาศภายนอกเริ่มมืดลง เสียงร้องไห้ของเสี่ยวเป่าหายไปพร้อมกับประตูรถที่ปิดลง
ขณะที่รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว