ตอนที่ 4 น่าสนใจกว่าเมื่อหลายปีก่อน
ตอนที่ 4
น่าสนใจกว่าเมื่อหลายปีก่อน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับขึ้นมายังห้องชั้นบน
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งเข้ามากอดขาเธอทันที เงยหน้าขึ้นและถามว่า “หม่ามี้ งานเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ราบรื่นดีจ๊ะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก้มหน้าลงแล้วลูบผมสีดำนุ่มสลวยของเสี่ยวเป่าเบา ๆ ยิ้มและพูดว่า “เมื่อกี้หนูทำอะไรอยู่?”
“วาดรูปอยู่ฮะ”
เสี่ยวเป่าตอบคำถามและดึงถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้มานั่งลงบนโซฟา “หม่ามี้ รอผมอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวผมไปเอามาให้ดู”
เขาปล่อยมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวและรีบวิ่งไปที่โต๊ะ
“หม่ามี้ ดูซิผมวาดสวยมั้ย? นี่หม่ามี้ ส่วนนี่คือเสี่ยวเป่า”
เสี่ยวเป่าเปิดสมุดวาดภาพราวกับกำลังส่งมอบขุมทรัพย์ เขาชี้นิ้วไปที่ภาพวาดและมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาคาดหวัง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูลวดลายบนสมุดวาดภาพขณะที่พยายามกลั้นหัวเราะ
มันคือภาพวาดนามธรรม
แต่เธอกลับไม่รู้สึกว่าลวดลายบนนั้นมันคล้ายคลึงเธอกับลูกชายสักนิด
ถึงอย่างนั้นก็เอ่ยปากชมอย่างมีมโนธรรมอยู่ดี “เสี่ยวเป่าวาดรูปสวยจังเลย”
“ผมก็ว่าผมวาดสวยเหมือนกันฮะ”
เสี่ยวเป่ายิ้มแย้มเมื่อมองดูสมุดวาดรูป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหัวเราะ เธอมองดูเวลาและพูดขึ้นว่า “ดึกแล้ว ไปอาบน้ำเข้านอนเถอะ”
“ฮะ งั้นผมไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนก่อน หม่ามี้ไปรอที่ห้องน้ำนะ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าและก้าวขาสั้น ๆ ออกไปหยิบเสื้อผ้า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินหันหลังกลับเข้าไปเตรียมน้ำในห้องน้ำให้เสี่ยวเป่า
เธอมองดูระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นขณะที่ความคิดค่อย ๆ ล่องลอยไปไกล
จริง ๆ แล้วเธอยังควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้
เธอคิดว่าเธอสามารถสงบสติอารมณ์และทำตัวไม่แยแสได้
เธอประเมินตัวเองสูงเกินไป
และผู้ชายคนนั้นยังคงทำลายเกราะป้องกันของเธอได้เหมือนเช่นเคย
ภายในปากรู้สึกขมขื่นขึ้นเมื่อนึกถึงซ่งอวี่ซีที่ตามมาทีหลัง
ผู้ชายคนนั้นน่าจะแต่งงานกับซ่งอวี่ซี
เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ลูกของพวกเขาน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับเสี่ยวเป่า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดเรื่องนี้ในใจ กำหมัดแน่นและพูดสาบานกับตัวเอง
เธอจะไม่มีวันให้คนคนนั้นรู้ถึงการมีอยู่ของเสี่ยวเป่า
ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องแย่งชิงเสี่ยวเป่าไปจากอ้อมอกเธอแน่ ๆ
เสี่ยวเป่าที่หอบหิ้วเสื้อผ้าออกมามองดูแม่ยืนเหม่อลอยอยู่ข้าง ๆ อ่างน้ำ ขณะที่น้ำในอ่างกำลังจะล้นออกมา
เขารีบร้องเตือนแม่ “หม่ามี้ น้ำล้น”
“อ๊ะ โอ้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้สติอีกครั้งและเอื้อมมือออกไปปิดก๊อกน้ำ
...
มู่อวี้เฉิงเดินออกมาจากร้านอาหารทั้งที่สีหน้ายังเรียบนิ่ง
ซ่งอวี้ซีไม่เข้าใจอารมณ์ของเขา แต่ทำใจกล้าสู้เสือเดินตามเขาไป
ลู่หมิงนำรถยนต์มาจอดรอที่ประตูชั้นล่างแล้ว
เขารีบลงจากรถทันทีเมื่อเห็นมู่อวี้เฉิงเดินออกมา จากนั้นจึงเดินอ้อมไปที่นั่งเบาะหลังและเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม
มู่อวี้เฉิงที่กำลังจะก้าวขึ้นรถหันหน้ากลับมาขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง “มีอะไรอีก?”
น้ำเสียงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
จนซ่งอวี่ซีแทบจะฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว
เธอกระตุกมุมปากและพยายามพูดจานุ่มนวล “เมื่อกี้ฉันเห็นนายยังไม่ค่อยได้กินอะไรเลย เราไปกินข้าวด้วยกันไหม?”
“ฉันไม่ว่าง เธอไปกินเถอะ”
มู่อวี้เฉิงปฏิเสธอย่างเย็น ก่อนจะเดินขึ้นรถและโบกมือออกคำสั่งให้ลู่หมิงขับรถออกไป
ซ่งอวี่ซีมองดูรถยนต์ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปด้วยความตื่นตระหนก
มู่อวี้คอยตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวมาโดยตลอด และถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกรำคาญเธอมากแค่ไหน แต่ตราบใดที่เธอไม่ขอร้องมากจนเกินไป มู่อวี้เฉิงก็แทบจะไม่ปฏิเสธเธอเลย
แต่พอวันนี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาปรากฏตัว มู่อวี้เฉิงก็ปฏิเสธเธอขึ้นมาทันที
ทำให้ซ่งอวี่ซีโกรธเคืองถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาก
“ให้ตายเถอะ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว แกจะกลับมาทำไม!”
“ก็เห็น ๆ อยู่ว่าไล่ไปแล้ว ยังจะกลับมาทำซากอะไรอีก!”
เธอกัดฟันและก่นด่าอย่างดุเดือด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอพยายามสุดความสามารถเพื่อให้มู่อวี้เฉิงหันกลับมามองเธอ
แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่เคยมีเธอในสายตาเลย
ตอนนี้ทั้งสองครอบครัวกำลังวางแผนจะให้พวกเขาแต่งงาน แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับมาซะได้!
ซ่งอวี่ซีคิดเรื่องนี้ขณะที่ดวงตาแดงฉานราวกับกำลังจะระเบิดออกมา!
เธอจะไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงอย่างถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาพรากความสุขของเธอไปเด็ดขาด!
ใบหน้าของเธอมืดหม่นลงราวกับน้ำหมึก เอื้อมมือออกไปคว้าโทรศัพท์และกดโทรออก “หาคนไปสืบดูซะ!”
...
รถยนต์เมอร์เซเดสมายบัคสีดำคันเรียบหรูกำลังแล่นไปตามบนท้องถนนที่กว้างขวาง
ลู่หมิงมองผ่านกระจกหลังและถามอย่างนอบน้อมว่า “ท่านประธานจะไปไหนครับ?”
มู่อวี้เฉิงคลี่ริมฝีปากออกเล็กน้อยขณะทำทีว่ากำลังตอบรับ แต่จู่ ๆ ใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา
“ไปทะเลครามฟ้าใส”
ลู่หมิงชะงักด้วยความประหลาดใจ
ตลอดช่วงห้าปีที่ผ่านมาท่านประธานไม่เคยไปที่นั่นเลย ทำไมจู่ ๆ ถึงคิดจะไปขึ้นมา?
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่ได้ถามอะไรออกไป พยักหน้าและเปลี่ยนเส้นทาง
ภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความเงียบงัน
หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ เสียงของลู่หมิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ท่านประธาน ถึงทะเลครามฟ้าใสแล้วครับ”
ทันใดนั้นชายคนที่เอนกายอยู่บนเบาะหลังลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียง ดวงตาเย็นชายังคงชัดแจ๋วเหมือนเดิม
เขาเหลือบมองวิลล่าด้านนอกหน้าต่าง และก้าวลงจากรถยนต์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พรุ่งนี้แปดโมงมารับฉันด้วย”
เขาพูดและเดินเข้าประตูบานใหญ่ไป
เพียงชั่วพริบตาห้องนั่งเล่นที่เคยมืดสลัวก็สว่างไสวขึ้นราวกับตอนกลางวัน
ห้องนั่งเล่นหรูหราถูกตกแต่งอย่างประณีต เฟอร์นิเจอร์ยังคงเหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนและดูเงียบเหงาเป็นพิเศษ
มู่อวี้เฉิงยืนอยู่หน้าทางเข้าย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
น้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนของผู้หญิงคนนั้นยังดังก้องอยู่ในหูของเขา “มาแล้วเหรอคะ”
เขาส่ายหัวราวกับต้องการสลัดภาพยุ่งเหยิงในหัวให้ออกไป
เขาเม้มริมฝีปากบาง สวมรองเท้าแตะและเดินขึ้นไปชั้นบน
ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงเดินตรงไปยังห้องที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเคยอยู่
กวาดสายตามองดูห้องที่ว่างเปล่าด้วยความรู้สึกเลือนราง
สำหรับสถานที่แห่งนี้ เขาคงเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า
เขาเคยแวะมาที่นี่แค่สองสามครั้งเท่านั้น และทั้งหมดก็ล้วนมาเพื่อเยี่ยมถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ในตอนนั้นคงเป็นเพราะผู้หลักผู้ใหญ่บ้าน เขาถึงได้จัดแจงให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาอยู่ที่นี่
เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาแวะมาที่นี่คือตอนที่ผู้หญิงคนนั้นหายตัวไป
เขามองดูห้องที่ยังคงรูปลักษณ์เหมือนกับห้าปีที่แล้วไม่มีผิด มีเพียงแค่ข้าวของของผู้หญิงคนนั้นที่หายไป
สีหน้าของเขามืดหม่นลงทั้งที่อยู่ใต้แสงไฟ
เดิมทีเขาเคยคิดว่าเมื่อถึงเวลา เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะหนีไปเสียก่อน
เดาว่าคงทนไม่ไหวถึงได้ย้ายออกไปสินะ
แต่เขากลับต้องประหลาดใจเมื่อผู้หญิงคนนั้นกลับมาปรากฏตัวหลังจากห้าปีผ่านไป
และยังมีหน้ามาเจอเขาในลักษณะแบบนั้น
เขาหรี่ตาลงเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่พูดจาฉะฉานในร้านอาหาร ท่าทางของเธอแข็งกร้าว และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่อ่อนโยนและเชื่อฟังเมื่อห้าปีที่แล้ว
หญิงสาวที่มีท่าทางแข็งกร้าวเมื่อหัวค่ำทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเธอทำให้เขาลำบากใจทันทีที่มาถึง
ไม่รู้ว่าห้าปีที่ผ่านมาอะไรทำให้ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
มู่อวี้เฉิงหัวเราะเบา ๆ “ถงเหมี่ยวเหมี่ยว เธอน่าสนใจกว่าเมื่อหลายปีก่อนอีกนะ”
เขามองดูห้องเป็นครั้งสุดท้ายและหันหลังกลับไป