ตอนที่ 34 ปฏิบัติพราวเสน่ห์ของโรงพยาบาล
ตอนที่ 34
ปฏิบัติพราวเสน่ห์ของโรงพยาบาล
เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามายังคงดังอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าซีดเผือดของถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูรถยนต์ที่แล่นเข้ามาด้วยความหวาดกลัว พยายามตะเกียกตะกายเคลื่อนตัวให้พ้นทาง
แต่เธอกลับไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน ร่างเธอถูกชนเข้าอย่างแรงจนลอยขึ้นไปกลางอากาศและตกลงมากระแทกกับพื้น
ความเจ็บปวดที่ทวีคูณขึ้นทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นลมหมดสติไป
“ตายแล้ว... ตายแน่ ๆ...” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งเสียงร้องตะโกน
ขณะเดียวกันเจ้าของรถยนต์เดินลงมาจากรถยนต์ด้วยสีหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวนอนหมดสติอยู่บนพื้น
ริมฝีปากสั่นเทาพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจชน เธอวิ่งออกมาเอง”
“อย่าเพิ่งตกใจ รีบเรียกรถพยาบาลก่อน” ใครบางคนที่มีสติรีบร้องตะโกน
“ใช่ ๆ โทรเรียกรถพยาบาล”
“แจ้งตำรวจด้วย ฉันเห็นกับตาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนผลักเธอออกมา!” ใครบางคนชี้ไปที่ถงอวิ๋นเหยียนท่ามกลางความชุลมุน
โจวเฟ่ยฮวากับถงอวิ๋นเหยียนรู้สึกหวาดกลัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถงอวิ๋นเหยียน หล่อนคิดว่าทุกคนพากันสนใจถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับพวกผู้คุ้มกัน และไม่คิดว่าจะมีคนเห็นเธอลงมือทำ!
“แม่ ทำยังไงดี? หนูไม่อยากไปโรงพัก หนูไม่อยากติดคุก”
เธอตกใจมากจนรีบคว้าแขนโจวเพ่ยฮวาเอาไว้แน่น
“ไป!” โจวเพ่ยฮวารู้ซึ้งถึงความร้ายแรงดังกล่าว ดังนั้นหล่อนจะอยู่ต่อให้ปล่อยให้ลูกสาวถูกจับกุมไม่ได้
“แม่ลูกคู่นั้นจะหนีไปแล้ว ไปจับเร็ว!”
ใครบางคนพบว่าทั้งสองกำลังจะหลบหนีไปจึงรีบร้องตะโกนขึ้น
“อย่าปล่อยให้พวกเธอหนีไปได้!”
“ตามไปหยุด!”
กลุ่มคนไล่ตามแม่ลูกโจวเพ่ยฮวาไป
ขณะที่คนบางคนวิตกกังวลเป็นพิเศษ
และคนคนนั้นคือเจ้าของรถยนต์ที่ขับรถชน ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เขารู้ดีว่าถ้าสองคนนี้หนีหายไป เขาจะถูกเจ้าทุกข์เรียกร้องให้เข้ารับผิดชอบทางอาญาแทนและเขาจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย
โจวเพ่ยฮวากับถงอวิ๋นเหยียนตื่นตระหนกมากเมื่อเห็นกลุ่มคนวิ่งไล่ตามมา
“หยุดคนพวกนั้น หยุดคนพวกนั้นเอาไว้!” โจวเพ่ยฮวากังวลมากจนออกคำสั่งให้พวกผู้คุ้มกันหยุดกลุ่มคนเอาไว้
ผู้คุ้มกันที่เข้ามาขวางทางเอาไว้สามารถซื้อเวลาให้แม่ลูกสองคนได้มาก
ทั้งสองคนตะเกียกตะกายวิ่งเข้าไปในรถยนต์
และกำลังจะเคลื่อนตัวหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
ไม่นะ จะปล่อยให้พวกหล่อนหลบหนีไปไม่ได้!
กลุ่มคนโกรธเคืองกันมากเมื่อเห็นว่ารถยนต์แล่นออกไป
โดยเฉพาะเจ้าของรถยนต์ที่บังเอิญขับชนกำลังตื่นตระหนก
“จบแล้ว จบเห่ แม่ลูกคู่นั้นหนีไปแล้ว ความผิดทางอาญาจะมาตกอยู่ที่ผมใช่มั้ย?”
“ไม่ต้องห่วง ยังไม่จบหรอก”
“ที่นี่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่รอบอาคาร รอให้ทางตำรวจมาสืบสวนก่อนแล้วเขาจะรู้ว่าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์”
“อีกอย่างพวกเราอีกหลายคนเป็นพยานให้คุณได้”
ทุกคนต่างพากันพูดปลอบใจเจ้าของรถยนต์
จนสีหน้าของเจ้าของรถยนต์ดีขึ้นมาก
ขณะเดียวกันตำรวจกับรถพยาบาลเพิ่งเข้ามาถึง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถูกนำตัวขึ้นรถและนำตัวส่งโรงพยาบาล
ตำรวจเริ่มทำการสืบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
เสี่ยวเป่าที่อยู่ภายในคอนโดมีเนียมไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหม่ามี้
เขารออยู่ที่บ้านเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่เห็นหม่ามี้กลับมาสักที
จนกระทั่งนาฬิกาบนผนังเลื่อนไปถึงเลขเจ็ดที่เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม
เดิมทีหม่ามี้จะต้องกลับมาบ้านแล้ว
แต่เมื่อคิดเรื่องนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ย กระโดดลงจากโซฟา สวมรองเท้าแตะเล็ก ๆ และวิ่งเข้าไปในห้องครัว ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงแบบเด็ก ๆ ว่า “คุณยายซุน ทำไมหม่ามี้ยังไม่กลับมาอีก?”
แม่ซุนหันกลับมาและก้มหน้ามองดวงตาสีดำที่มีขนาดเท่าลูกองุ่นของเสี่ยวเป่า
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มตอบ “คงจะทำงานล่วงเวลาอยู่จ๊ะ”
เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วและพึมพำ “แต่ปกติถ้าหม่ามี้ทำงานล่วงเวลาจะต้องโทรมาบอกกันก่อนสิ”
แม่ซุนลูบหัวปลอบประโลมเขา “อาจจะมีอะไรที่ทำให้เลิกงานช้าน่ะ”
รถพยาบาลที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำลังวิ่งไปยังจุดหมายปลายทาง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถูกส่งตัวไปยังห้องฉุกเฉิน
เนื่องจากการเข้าโรงพยาบาลจะต้องมีญาติเจ้าของไข้มาด้วย นางพยาบาลจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของถงเหมี่ยวเหมี่ยวออกมาจากกระเป๋าและค้นหารายชื่อผู้ติดต่อ
แต่รายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์ของเธอกลับมีน้อยมาก และไม่มีชื่อไหนที่แสดงความสนิทสนมกันเลย
สุดท้ายนางพยาบาลจึงโทรศัพท์ไปหาคนที่เธอคุยด้วยบ่อยครั้ง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวติดต่อกับ มู่อวี้เฉิงบ่อยมากที่สุดเพราะต้องติดต่อกันเรื่องเซ็นสัญญาโครงการใหม่
เมื่อเห็นเช่นนั้นทางนางพยาบาลจึงโทรหามู่อวี้เฉิง “สวัสดีค่ะคุณมู่ โทรเข้าจากทางโรงพยาบาลนะคะ คุณถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้ารับการรักษาฉุกเฉินอยู่ที่โรงพยาบาล ต้องให้สมาชิกในครอบครัวมาดูด้วย ไม่ทราบว่าคุณพอจะสะดวกมามั้ยคะ?”
“เกิดอะไรขึ้นกับถงเหมี่ยวเหมี่ยว?” มู่อวี้เฉิงที่อยู่ปลายสายประหลาดใจ
“คุณถงเหมี่ยวเหมี่ยวประสบอุบัติเหตุถูกรถชนค่ะ คุณมู่ช่วยมาที่นี่ตอนนี้เลยได้มั้ยคะ? มีขั้นตอนที่ต้องให้คุณช่วยเซ็นหน่อย”
“...” มู่อวี้เฉิงเงียบไปสองสามวินาทีและตอบรับว่า “เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมรีบไป”
เขาพูดและกดวางสายโทรศัพท์
สิบนาทีต่อมามู่อวี้เฉิงสั่งลู่หมิงให้พาไปที่โรงพยาบาล
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถูกย้ายออกจากห้องฉุกเฉินไปยังห้องผู้ป่วย
มู่อวี้เฉิงไม่ได้เข้าไปพบถงเหมี่ยวเหมี่ยวเลยทันที แต่เข้าไปหาแพทย์ที่ทำการรักษาในห้องทำงานก่อน
เขาเคาะประตูและเดินเข้าไปถาม “สวัสดีครับ ตอนนี้อาการของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นยังไงบ้างครับ?”
คุณหมอเงยหน้ามองมู่อวี้เฮฉิงที่อยู่ในชุดสูทสีดำ “ผู้ป่วยได้รับรอยถลอกหลายแห่งจากถูกกระแทกเข้าใส่ ตอนนี้ต้องพักดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน แต่ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตครับ”
มู่อวี้เฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ราวกับว่าก้อนหินที่แขวนอยู่ในหัวใจของเขาได้หลุดลงมา
คุณหมอพูดต่อว่า “คุณเป็นสามีของผู้ป่วยใช่มั้ยครับ ค่าธรรมเนียมเข้ารีบการรักษาของผู้ป่วยยังไม่ได้รับการชำระ ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้วหมอก็รบกวนไปจัดการให้เรียบร้อยนะครับ”
“แน่นอนครับ” มู่อวี้เฉิงไม่สนใจว่าคุณหมอจะเข้าใจผิดและพาลู่หมิงออกมาจากห้องคุณหมอ
หลังจากออกมาเขาสั่งว่า “เดี๋ยวนายลงไปจัดการตามขั้นตอนให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับ” ลู่หมิงตอบรับคำสั่งและเดินไปที่ชั้นล่าง
แต่ในความเป็นจริงเขายังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ทำไมทางโรงพยาบาลถึงติดต่อมาที่ท่านประธานของเขา
ถึงให้เหตุผลว่าต้องมีญาติคนไข้มาด้วย แต่มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับท่านประธานอยู่ดีหรือเปล่า?
เขาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะถามออกไป
มู่อวี้เฉิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังนอนหลับตานิ่งอยู่ในห้อง
หน้าผากของเธอมีผ้าก๊อซพันอยู่ ใบหน้าขาวซีดราวกับอะไรบางอย่าง
มู่อวี้เฉิงเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียงพยาบาล
เขามองดูเจ้าหญิงนินทาบนเตียงด้วยดวงตาที่สับสน
อันที่จริงเขารู้สึกสงสัยเหมือนกับลู่หมิง
ผู้หญิงคนนี้แต่งงานมีลูกมีสามีแล้ว แต่ทำไมทางโรงพยาบาลถึงไม่โทรศัพท์ติดต่อไปหาสามีเธอแทนที่จะติดต่อมาหาเขา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยังคงหลับใหลอยู่ไม่รู้ว่าใครบางบางคนกำลังยืนอยู่ข้างเตียง
บรรยากาศเงียบสงบมาก
สุดท้ายแล้วมู่อวี้เฉิงไม่ได้นึกถึงปฏิบัติการพราวเสน่ห์ของทางโรงพยาบาลอีกต่อไป
เขาละสายตาออกและจ้องมองโทรศัพท์ของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง คิดอยู่ครู่หนึ่งและเอื้อมมือออกไปหยิบมัน
เขาคิดจะโทรศัพท์หาสามีของถงเหมี่ยวเหมี่ยวและขอให้คนคนนั้นมาเฝ้าเธอที่โรงพยาบาล
แต่เมื่อเปิดโทรศัพท์ดูเขาพบว่าบนโทรศัพท์ของเธอมีรายชื่อผู้ติดต่อน้อยมาก
ไม่มีแม้แต่ข้อความส่วนตัวจนทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกดสุ่มโทรออกตามรายชื่อที่ดูมีความสนิทสนมมากที่สุด
เสียงตู้ด ๆ ดังขึ้นสามครั้งจนกระทั่งมีคนรับสาย
น้ำเสียงเด็ก ๆ ที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้น “หม่ามี้จะกลับหรือยัง?”