ตอนที่ 3 คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
ตอนที่ 3
คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
เมื่อเสี่ยวเป่ากลับมาถึงถงเหมี่ยวเหมี่ยวเพิ่งจัดเตรียมเอกสารเสร็จ
เธอพูดถามทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กเดินกลับมาจากข้างนอก “ลูกออกไปวิ่งเล่นข้างนอกมาอีกแล้วเหรอ?”
“ใช่ ผมออกไปตั้งนานแล้ว หม่ามี้รู้ตัวช้าจัง จนตอนนี้ผมสงสัยแล้วเนี่ยว่าผมเป็นลูกหม่ามี้จริง ๆ หรือเปล่า?”
เสี่ยวเป่าแสร้งทำเป็นตำหนิอย่างไม่พอใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มด้วยความเอ็นดู เดินเข้ามากอดมาหอมและตอบรับว่า “ก็ลูกหม่ามี้น่ะสิ! ลูกชายหม่ามี้เก่งมาก หม่ามี้ไม่ต้องกังวลอะไรเลย”
เสี่ยวเป่าถอนหายใจ แต่กลับทำหน้าทำตายิ้มทะเล้น
เขาเหลือบมองแม่ที่กำลังหอมอยู่ และคิดในใจว่าจะเล่าเรื่องคุณลุงสุดหล่อให้แม่ฟังดีหรือไม่
แต่หลังจากคิดเรื่องนี้แล้วก็ช่างเถอะ!
เพราะว่าหม่ามี้ดูไม่ค่อยจะสนใจผู้ชายเอาเสียเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูสีหน้าครุ่นคิดของเจ้าตัวน้อย และถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรฮะ”
เสี่ยวเป่าส่ายหัว และทำสีหน้าจริงจัง “ผมไปสั่งอาหารที่ชั้นล่างมาให้หม่ามี้ น่าจะใกล้มาส่งแล้ว หม่ามี้ไปล้างมือซิ”
“ขอบใจนะจ๊ะเจ้าลูกชาย หม่ามี้หิวพอดีเลย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหอมแก้มลูกชายอีกครั้ง ก่อนจะผละตัวออก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกินข้าวเย็นกับเสี่ยวเป่าตอนหนึ่งทุ่ม และออกไปตามนัด
เธอกำชับเสี่ยวเป่าก่อนออกไปว่า “เดี๋ยวหม่ามี้กลับมา อย่าไปวิ่งเล่นที่ไหนอีกนะลูก!”
“รู้แล้วฮะ หม่ามี้ตั้งใจทำงานนะ”
เสี่ยวเป่าส่งเสียงให้กำลังใจถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่หน้าประตู
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มรับ “จ้า”
เธอเดินออกจากห้องและกดลิฟต์ไปที่ชั้นแปด
...
ด้านในภัตตาคารอาหารถูกตกแต่งอย่างอบอุ่นและสวยงาม
มู่อวี้เฉิงนั่งอยู่ริมหน้าต่างเพียงลำพัง รอลูกค้าเดินทางมาเงียบ ๆ
เขานั่งไขว้ขาอยู่ในท่าทางสบาย ๆ แต่กลับดูสง่างาม ใบหน้าลุ่มลึกและเคร่งขรึมเปล่งประกายภายใต้แสงไฟ
พนักงานบริการหญิงและลูกค้าหลายคนต่างหันมามองเขา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เพิ่งเดินเข้ามาเหลือบเห็นภาพดังกล่าว
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ทำอะไรเลยแต่กลับมีเสน่ห์เปล่งประกายจนดึงดูดผู้คนอย่างเหลือล้น
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรองเท้าส้นสูงสิบนิ้วก้าวเข้าไปตรงหน้าของชายหนุ่ม และพูดทักทายอย่างใจเย็น “สวัสดีค่ะ ฉันคือถงเหมี่ยวเหมี่ยว เป็นผู้รับผิดชอบจากสตีเฟนกรุ๊ป”
มู่อวี้เฉิงชะงักและเงยหน้าขึ้นมอง
ใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
ใบหน้าที่งดงามและอ่อนโยนของเธอถูกแต่งแต้มด้วยสีสันเบา ๆ ผมลอนใหญ่พาดยาวไปบนบ่า สวมเครื่องแบบชุดสูทสีดำสนิทที่กระชับรูปร่างของเธอจนเกิดส่วนเว้นและส่วนโค้ง
เอวของเธอตั้งตรงแสดงให้เห็นถึงความสามารถและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดตามแบบฉบับผู้หญิงมืออาชีพ
สีหน้าดูมั่นใจเต็มเปี่ยมและ... เฉยเมย!
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา ทว่าตอนนี้สีหน้าตกใจที่ยากจะเห็นได้นักกลับปรากฏขึ้น
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยว”
เขาพึมพำชื่อของเธอ คนคนหนึ่งที่ถูกผนึกมานานหลายปีปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง และกำลังซ้อนทับกับปัจจุบัน
“คุณเองเหรอ?”
น้ำเสียงของมู่อวี้เฉิงฟังดูประหลาดใจ
“ฉันเองค่ะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งลงฝั่งข้ามด้วยสีหน้าว่างเปล่า และหันหน้ามาหาเขา
อันที่จริงเธอค่อนข้างรู้สึกสับสน
เพราะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคือผู้ชายคนแรกของเธอและยังเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวเป่า
แต่เธอไม่ต้องการแสดงออกมากนัก และพูดเข้าประเด็นว่า “คุณมู่ ดิฉันจะพูดสรุปสั้น ๆ นะคะ ดิฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารจากสตีเฟนกรุ๊ปสาขาเอเชีย วันนี้ฉันมาเป็นตัวแทนบริษัทเพื่อหารือเรื่องความร่วมมือต่าง ๆ กับคุณ ส่วนแผนการทางธุรกิจที่บริษัทคุณส่งมา ฉันเห็นแล้วค่ะ... แต่ฉันคิดว่าเราควรต้องเจรจาเรื่องราคากันใหม่”
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเธอเล็กน้อย
ผู้หญิงตรงหน้าพูดจาชัดถ้อยชัดคำ มีท่าทีเฉียบขาดและดำเนินการทุกอย่างอย่างรวดเร็วจนเผยให้เห็นความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม
เปรียบเสมือนผู้หญิงที่มีความสามารถ!
แตกต่างจากคู่หมั้นที่นุ่มนวลและไม่ยิ้มแย้มของเขามาก
จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์พักหนึ่ง
ทว่ามู่อวี้เฉิงเป็นคนค่อนข้างมีสมาธิ เขาสามารถสงบสติอารมณ์และจดจ่อกับเรื่องงานได้เสมอ
เขารีบพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แล้วคุณถงมีความคิดยังไงบ้างครับ?”
หัวใจของถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่นไหวเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อ แต่ใบหน้าของเธอกลับยังเฉยเมย “ฉันอยากจะขอเรียกราคาเพิ่มอีกสักห้าสิบล้านค่ะ!”
คิ้วหนาของมู่อวี้เฉิงขมวดเข้าหากัน “คุณถง คุณคิดว่าราคานี้มันเหมาะสมแล้วหรือครับ? ผมว่าราคาสามร้อยล้านที่ขอซื้อลิขสิทธิ์เทคโนโลยีจากคุณมันก็สูงมากแล้วนะ และผมเชื่อว่าไม่มีใครหน้าไหนในวงการนี้จะจ่ายเงินได้สูงเท่านี้หรอกครับ!”
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ! เพราะเทคโนโลยีคือหัวใจสำคัญ! คุณมู่ก็น่าจะเข้าใจนะคะว่าบริษัทเราใช้ความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไปตั้งเท่าไหร่ มูลค่าของมันประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ และฉันคิดว่าการต่อรองราคานี้มันก็ไม่ได้มากเกินไปเลย”
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวแข็งกร้าวแสดงถึงความไม่ยอมแพ้
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว จ้องเธอและไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาหรี่ตาลงและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันมาห้าปี คุณเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำมือแน่นแสดงสีหน้าไม่แยแส “แล้วท่านประธานรู้จักฉันดีพอเหรอคะ?”
“...”
มู่อวี้เฉิงพูดไม่ออกอีกครั้ง
รู้จักเธอเหรอ?
ไม่เลย!
ถึงแม้ว่าเมื่อห้าปีที่แล้วเธอจะมีสถานะเป็น ‘คู่หมั้น’ของเขา แต่พวกเขาทั้งสองกลับไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก
เขายุ่งมากจนบางครั้งเผลอลืมไปว่ามีเธอคนนี้อยู่ด้วย
มีเพียงการเผชิญกันสั้น ๆ แค่ไม่กี่ครั้งและเหินห่างกันไป
ดูเหมือนว่าเขาจะจำจดได้แค่ใบหน้าที่ซีดเซียวและรูปลักษณ์ที่อ่อนแอของเธอ!
เขาไม่รู้จักเธอเลยสักนิด!
ถงเหมี่ยวเหมียวอ่านความคิดเขาออกและประชดประชันในใจ
เขาไม่รู้จักเธอเลยสักนิดจริง ๆ…
แต่เธอรู้จักเขา รู้จักเขาดีมากด้วย!
ย้อนกลับไปตอนนั้นเธอดีใจมากที่เธอจะได้หมั้นหมายกับเขา
เขาเป็นลูกชายที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลมู่ เป็นคนที่โดดเด่นและน่าจับตามองจนทำให้ทุกคนหมายปองแห่กันมาแย่งชิงตัวเขา
สาวน้อยวัยใสที่เชื่อในรักแรกมักจะชื่นชอบคนที่ดูดีที่สุดเสมอ
แม้แต่เธอเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
เธอยอมถวายตัวให้เขาในคืนที่เขากำลังเมาไม่ได้สติ!
แต่เรื่องทั้งหมดกลับพังทลายลงเมื่อผู้หญิงคนนั้นมาประกาศกล่าวว่าหล่อนตั้งครรภ์ถึงหน้าประตู!
เพราะนั้นตอนนี้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอจึงเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยในสายตาเธอเท่านั้น!
“ท่านประธาน ฉันจะถือว่าเงินอีกห้าสิบล้านเป็นขีดจำกัดของฉันแล้วกันนะคะ คุณลองคิดดูดี ๆ แล้วกัน เพราะว่าถ้าคุณไม่ต้องการ ฉันจะไปเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์เทคโนโลยีนี้กับบริษัทอื่นต่อ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดและลุกขึ้น
เธอไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายตรงหน้ามากนัก และรีบออกไปหลังจากพูดจบ
แต่หลังจากเดินออกมาได้ไม่นาน เธอกลับพบเข้ากับคนคนหนึ่ง
ซ่งอวี่ซี!
ผู้หญิงที่ชาตินี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะไม่มีวันลืม!
เธอยังคงเซ็กซี่และสวยสะพรั่งตามแบบฉบับหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์ รอยยิ้มสดใสเผยขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้ามู่อวี้เฉิงจนไม่อาจปิดบังดวงตาหลงใหลได้ “อวี้เฉิง หาตัวเจอสักที...”
เธอยิ้มและรีบเดินเข้ามา
ทว่ารอยยิ้มของเธอกลับแข็งค้างเมื่อเดินผ่าน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไป
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าประหลาดใจจดจำถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ “เธอ...”
แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับเมินเฉยและเดินผ่านไปราวกับราชินี!
ซ่งอวี่ซีมองดูแผ่นหลังของเธอด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เธอไม่เคยลืมว่าตอนนั้นตัวเองเป็นคนบีบบังคับให้ผู้หญิงคนนี้ออกไป!
แต่นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะกลับมาอีกครั้ง!
และดูเหมือนว่าเพิ่งจะมาเจอมู่อวี้เฉิง!!!
พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน?
ซ่งอวี่ซีหันไปมองมู่อวี้เฉิงด้วยสีหน้าลนลาน
มู่อวี้เฉิงแสดงสีหน้าเย็นชาและไม่ได้มองมาที่เธอด้วยซ้ำ แต่กลับจับจ้องไปที่แผ่นหลังของถงเหมี่ยวเหมี่ยวแทน
“อวี้... อวี้เฉิง...”
ซ่งอวี่ซีร้องเรียกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
มู่อวี้เฉิงละสายตากลับมาและพูดเบา ๆ ว่า “เธอมาที่นี่ทำไม?”
“เอ่อ ฉัน... ฉันมาแวะมากินข้าวเย็นน่ะ บังเอิญเห็นนายเข้าเลยแวะมาทักทาย”
ซ่งอวี้ซีฝืนหัวเราะออกไปทั้งที่สีหน้าเป็นกังวล “แล้วเมื่อกี้ใครเหรอ...?”
“ลูกค้า”
มู่อวี้เฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยเมย สีหน้าของเขาไม่ได้ตื่นตระหนกและดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการตอบคำถามอะไร
ซ่งอวี้ซีถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความรู้สึกสงสัย
ผู้หญิงคนนั้น... หล่อนคงไม่ได้พูดถึงเรื่องในอดีตให้ มู่อวี้เฉิงฟังใช่ไหม?