ตอนที่ 29 ล้มเหลว
ตอนที่ 29
ล้มเหลว
“แล้วทำไมฉันถึงจะบงการไม่ได้?”
ผู้เฒ่ามู่จ้องมองมู่อวี้เฉิง “หรือว่าแกอยากจะครองโสดไปตลอดชีวิต? หรือให้ฉันพูดมั้ยว่าแกยังลืมถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้?”
“...” มู่อวี้เฉิงเงียบ
ผู้เฒ่ามู่ถอนหายใจเมื่อเห็นปฏิกิริยา “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกมีความรู้สึกกับถงเหมี่ยวเหมี่ยว”
เขาหยุดชั่วคราวและพูดต่อ “แต่ในเมื่อแกยังตัดใจไม่ได้ก็ไม่สำคัญว่าแกจะแต่งงานกับใคร มันก็แค่การสืบสายพันธุ์ลูกหลาน ตระกูลซ่งกับตระกูลมู่มีฐานะใกล้เคียงกันมากที่สุดและแกกับหนูซ่งอวี่ซีเองก็เหมาะสมกัน”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว สีหน้าดูเย็นชาขึ้น
เขาไม่ชอบถ้อยคำตอบโต้ของชายชรา
และไม่ชอบที่ชายชราบังคับจับคู่เขากับซ่งอวี่ซี
หลังจากเงียบไปนาน จู่ ๆ เขาก็ปริปากพูดเบา ๆ “ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับมาแล้ว”
ผู้เฒ่ามู่ตกตะลึงเล็กน้อย
เขาถามออกไปอย่างไม่มั่นใจ “เธอกลับมาแล้วเหรอ?”
“ครับ” มู่อวี้เฉิงพยักหน้า
ผู้เฒ่ามู่ประหลาดใจและมองดูมู่อวี้เฉิงอย่างมีนัยยะ “ทำไม แกอยากคืนดีกับเธอหรือไง?”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการ
แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการจับคู่ของชายชรา เขาจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ผมยังหมั้นกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ การหมั้นยังไม่ถูกยุติลง และเธอยังเป็นคู่หมั้นของผมในนาม”
เขาหยุดชะงักชั่วคราวขณะมองดูดวงตาสีดำสนิทของชายชราและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อีกอย่างเธอยังต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังอยู่ จนกว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายลงผมจะไม่มีวันแลผู้หญิงคนอื่น!”
ผู้เฒ่ามู่สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำประกาศิต
แต่สุดท้ายกลับยอมพิจารณาความคิดของมู่อวี้เฉิง “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้เธอกลับมาหาปู่ด้วย ถึงการที่เธอหนีไปจะทำให้ตระกูลมู่เสียหน้า แต่เธอคือผู้หญิงที่เหมาะสมกับแกมากที่สุด”
มู่อวี้เฉิงประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
ตอนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหนีหายไปคุณปู่โกรธมาก แต่ทำไมตอนนี้ถึงให้อภัยผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาง่าย ๆ?
หนำซ้ำยังยอมให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาหาถึงที่!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่คุณปู่ยืนกรานขอให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแต่งงานกับเขา ทัศนคติที่แข็งกร้าวของคุณปู่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่มู่อวี้เฉิงกลับไม่ได้ถามอะไรออกไป
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเป้าหมายของเขาสำเร็จลุล่วงแล้ว
เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”
ผู้เฒ่ามู่โบกมือเป็นการตอบตกลง
ซ่งอวี่ซีเดินกลับเข้ามานั่งรอในห้องนั่งเล่นและมองดูการเคลื่อนไหวจากทางด้านบน
เธอเห็นมู่อวี้เฉิงเดินลงมาจากชั้นบนจึงรีบเดินถือจานผลไม้เข้าไปหา
“อวี้เฉิงอยากกินผลไม้สักหน่อยมั้ย?” เธอเงยหน้าขึ้นและมองดูมู่อวี้เฉิงด้วยสายตาคาดหวัง
มู่อวี้เฉิงเงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอกินเถอะ” เขาพูดและเดินผ่านซ่งอวี่ซีไป
“อวี้เฉิง...” ซ่งอวี่ซีเดินตามไปได้สองก้าว
แต่มู่อวี้เฉิงกลับเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ซ่งอวี่ซีชะงักไปทันที
เธอหันไปมองตามร่างของมู่อวี้เฉิงด้วยความไม่พอใจ
ขณะเดียวกันผู้เฒ่ามู่เดินมาจากทางด้านหลังและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรด้วยการเอ่ยถาม “อวี้เฉิงไปแล้วเหรอ?”
ซ่งอวี่ซีหันกลับมามองผู้เฒ่ามู่ที่ค่อย ๆ เดินลงมาจากบันได
เธอส่งเสียงร้องด้วยความทุกข์ใจ “คุณปู่มู่”
ผู้เฒ่ามู่มองดูเธอและรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “อวี่ซีไปต้องห่วงเขาหรอก เจ้าเด็กนั่นก็เป็นซะแบบนี้แหละ”
เขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น จากนั้นจึงโบกมือถามว่า “หนูเล่นหมากรุกเป็นมั้ย?”
ซ่งอวี่ซีไปพอใจทว่าเธอไม่สามารถแสดงอาการออกไปได้
เธอยิ้มเบา ๆ เดินถือถาดผลไม้เข้ามานั่งลงตรงข้ามชายชรา
เธอทำตัวว่านานสอนง่ายเมื่อเห็นชายชราลงไปนั่งเล่นหมากรุก “ก่อนหน้านี้หนูก็เคยเรียนรู้วิธีการเล่นหมากรุกจากคุณปู่มาบ้างแล้วล่ะค่ะ”
“โอ้ เล่นเป็นด้วยเหรอ? ตอนนี้น้อยคนนักที่จะเล่นเป็น”
ผู้เฒ่ามู่ประหลาดใจและยกยิ้ม “ถ้างั้นก็มาเล่นกับปู่สักสองตาสิ”
ซ่งอวี่ซีย่อมไม่ปฏิเสธเป็นธรรมดา
เธอช่วยผู้เฒ่ามู่จัดตารางหมากรุกและพูดติดตลกว่า “ขอแค่คุณปู่มู่ไม่อะไรกับการเล่นที่ไม่เอาไหนของหนู หนูก็ยินดีจะเล่นด้วยตลอดนั่นแหละ”
เมื่อเป็นเช่นนั้นซ่งอวี่ซีจึงเล่นหมากรุกกับชายชรา
แต่ภายในใจเธอยังหวนนึกถึงเรื่องระหว่างเธอกับมู่อวี้เฉิง
สุดท้ายเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป คอยสังเกตสีหน้าของผู้เฒ่ามู่และถามว่า “คุณปู่มู่ คุณปู่ได้พูดถึง... เรื่องของหนูกับเขามั้ยคะ?”
ดวงตาสีเข้มของผู้เฒ่ามู่วูบวาบขณะที่ถอนหายใจ “พูดแล้ว แต่เจ้าเด็กนั่นหัวแข็งมาก”
เขามองดูซ่งอวี่ซีและพูดให้กำลังใจ “หนูเองก็ต้องพยายามมากกว่านี้นะ ถ้าหนูทำให้มันชอบได้ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
ซ่งอวี่ซีรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
เธอคิดว่าชายชราจะมีอำนาจเพียงพอที่จะสามารถบีบบังคับให้มู่อวี้เฉิงแต่งงานกับเธอได้
แต่กับนึกไม่ถึงว่ามันจะล้มเหลวแบบนี้!
เธอรู้สึกหมดความสนใจกับเรื่องทุกอย่าง
เพียงแค่ยิ้มบิดเบี้ยวและเล่นหมากรุกกับชายชราลวก ๆ
เล่นหมากรุกด้วยอาการเหม่อลอย
ผู้เฒ่ามู่สังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปและส่ายหัวเบา ๆ
ไม่แปลกใจที่เจ้าอวี้เฮิงไม่ชอบนิสัยใจคอของเธอ
...
เช้าวันรุ่งขึ้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาถึงบริษัทและได้รับสายจากลู่หมิงผู้ช่วยของมู่อวี้เฉิง
“ผู้จัดการถง ร่างสัญญาความร่วมมือของบริษัทคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวท่านประธานจะเข้าไปเซ็นชื่อตอนบ่ายนี้นะครับ”
“บ่ายเหรอคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้ว
เธอจะต้องออกไปพบลูกค้าในช่วงบ่ายแต่กลับกำลังโดนนัดซ้อน
เธอคิดพิจารณาและพูดแนะนำว่า “เอาแบบนี้ได้มั้ยคะ? เรามานัดเวลากันก่อนแล้วเดี๋ยวช่วงบ่ายฉันจะเข้าไปเซ็นชื่อที่ มู่กรุ๊ปเอง จะได้ช่วยประหยัดเวลาท่านประธานของคุณด้วย”
“ผู้จัดการถงสักครู่นะครับ ผมขอถามท่านประธานก่อน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถือโทรศัพท์รอ
ภายในเวลาไม่ถึงวินาทีเสียงของลู่หมิงก็ดังขึ้นจากปลายสายอีกครั้ง “ผู้จัดการถง ท่านประธานไม่ติดอะไรครับ คุณช่วยเข้ามาเซ็นประมาณบ่ายสามได้มั้ยครับ?”
“ได้ค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบและวางสาย
หลังจากวางสายลง เธอหันมาจัดเรียงเอกสารต่อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกินอาหารกลางวันและเดินถือเอกสารออกมาจากบริษัท
เธอถึงมามู่กรุ๊ปในช่วงบ่ายสามตามเวลานัด
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอใบหน้าที่คุ้นเคย
คนตรงหน้าคือถงกัวฮุย พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ!
เธอยืนเม้มปากนิ่งและมองดูด้วยความสับสน
หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปี ถงกัวฮุยดูแก่กว่าแต่ก่อนมาก
ผู้ชายคนนี้อายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปีแล้ว สวมใส่ชุดสูทสีดำที่ดูประณีต
ดวงตาเฉียบคมยังคงขายความเป็นนักธุรกิจในตัวเขาได้ดี
ไม่รู้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตั้งใจมองเกินไปหรือเปล่า
ถงกัวฮุยจึงหันหน้ากลับมาและเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยว?”
ใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้ถงกัวฮุนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
และมองดูด้วยความไม่มั่นใจนัก
เขาจ้องมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ตอนนี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีอารมณ์และรูปแบบการแต่งตัวแตกต่างจากความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง
จนทำให้เขาจ้องอยู่พักหนึ่งและเผลอคิดว่าจำผิดคน!
แต่ต่อมาเขากลับจำได้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว!
จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ดวงตาเบิกกว้างและร้องตะโกน “ถงเหมี่ยวเหมี่ยว นังลูกเนรคุณกลับมาแล้วเหรอ!!!” เขาพูดและวิ่งเข้าใส่