ตอนที่ 286 รอยต่อของการเปลี่ยนแปลง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 286 รอยต่อของการเปลี่ยนแปลง
3 วันต่อมา ที่เมืองปลายฝน
เจนแบกลุคและบินมาตลอดสามวันสามคืน เพื่อพาลุคกลับมาที่เมืองปลายฝน แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคุณตาปริศนาคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงมาช่วยลุคและยังมีความเกี่ยวข้องกับเอเชอร์อีกด้วย
แต่ในเมื่อพี่เธอรู้จักกับอีกฝ่ายก็แสดงว่าสามารถเชื่อถือได้
ชายปริศนาบอกให้เธอพาพี่ชายกลับมาที่เมืองปลายฝน นั้นหมายความว่าที่นี่น่าจะยังปลอดภัย แถมในความทรงจำผ่านองค์หญิงเทพอสูรก่อนจะรวมเข้ากับเธอก็มีเรื่องราวของประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 อยู่ด้วย
ถึงจะเห็นว่าองค์หญิงเทพอสูรเฉยเมยและดูถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะความอ่อนแอ แต่เธอไม่เคยประมาทและมักจะตรวจสอบข่าวสารสำคัญ ๆ หลายอย่าง
การมีอยู่ของกิลด์เทพศาสตราวุธก็ยังมีอยู่ในความทรงจำด้วย
ที่นั่นมีกิลด์เทพศาสตราวุธอยู่ ซึ่งเป็นกองกำลังของลุค ยังไงเธอก็ต้องพาเขากลับไป
อันที่จริงเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีสถานที่ไหนให้ไปอีก ดังนั้นเมืองปลายฝนคือทางเลือกเดียวของเธอในตอนนี้
ลุคยังคงไม่ได้สติ เพราะเขาถูกทำร้ายอย่างสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะมีพลังที่แข็งแกร่งในระดับ A เขาคงตายไปแล้ว ระหว่างทางเจนใช้พลังของตัวเองประคับประคองและรักษาบาดแผลให้กับลุคอยู่หลายครั้ง น่าเสียดายที่พลังของเธอถูกร่างกายของลุคต่อต้าน ทำให้การฟื้นตัวเชื่องช้ามาก
แต่ยังดีที่บาดแผลมีการฟื้นตัว มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้อาการของลุคทรงตัว
เรื่องการต่อต้านพลังของเจนในบาดแผลของลุค ผลส่วนหนึ่งมาจากพลังที่เป็นเอกลักษณ์ของเอเชอร์ด้วย
...
การเดินทางในครั้งนี้เจนต้องหลีกเลี่ยงเมืองใหญ่หรือเส้นทางที่ใช้สัญจรเป็นหลักและเปลี่ยนไปใช้ทางอ้อมแทน เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของศัตรู เนื่องจากเธอได้รู้ว่าสถานการณ์ของโลกมนุษย์ตอนนี้อันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ
พอเมืองหลวงสหพันธรัฐถูกทำลายล้างและพวกระดับสูงก็หายกันไปหมด ซึ่งคนที่ตายส่วนมากได้รับการยืนยันว่าตายไปพร้อมกันในเมือง ตั้งแต่เหตุระเบิดแล้ว
เพราะช่วงที่เกิดการระเบิดทางเมืองหลวงของสหพันธรัฐยังสามารถติดต่อกับกองกำลังของตัวเองที่ประจำอยู่เมืองอื่น ๆ ได้ และต่อมาด้วยความที่ทั้งเมืองหลวงถูกระเบิดพลังงานต่างมิติลบหายไปทั้งเมืองก็ถูกเห็นในระยะหลายร้อยกิโลเมตร
มีผู้เห็นเหตุการณ์นี้หลายคน ทุกคนจึงคิดว่าระดับสูงของสหพันธรัฐถ้ารอดจากระเบิดพลีชีพในตอนแรกก็ตายจากการระเบิดในครั้งที่สองอยู่ดี
การตายและหายไปของเมืองหลวงสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทุกเมือง ทำให้กองกำลังทั้งหมดเสียขวัญ และต่อมายังมีข่าวยืนยันอีกด้วยว่าเมืองหลวงสหพันธรัฐโดนทำลาย เพราะกองทัพเทพอนันต์
เนื่องจากว่ากองทัพเทพอนันต์บุกไปที่เทือกเขาเฮลล์และเทือกเขาเฮลล์ก็แตกก่อนที่เมืองหลวงจะโดนทำลาย
สิ่งนี้เป็นเหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ที่ทำลายความหวังของทหารจากสหพันธรัฐที่ประจำอยู่ที่เมืองต่าง ๆ
สหพันธรัฐพ่ายแพ้แล้ว ผู้นำก็ตาย แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันต่อ ทุกคนต่างสับสนและรู้สึกถึงความไม่มั่นคง ความรู้สึกนี้ต่างออกไปจากอีกฝั่งหนึ่ง
เมื่ออีกวันกองทัพเทพอนันต์ก็ประกาศถึงชัยชนะของตัวเองและออกมายอมรับว่าเป็นผู้ลงมือทำลายล้างเมืองหลวงสหพันธรัฐเอง
การที่กองทัพเทพอนันต์ยอมรับก็เพื่อแสดงถึงความสามารถของตัวเองต่อทหารเมืองอื่น ๆ ที่ยังไม่ยอมแพ้ต่อกองทัพเทพอนันต์ ว่าแม้แต่เมืองหลวงสหพันธรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขายังลบให้หายไปได้ แล้วเมืองรองอื่น ๆ ถ้าต้องการทำไมจะลบให้หายไปไม่ได้
แน่นอนว่าแม้จะตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ทหารที่ยึดมั่นใจอุดมการณ์ก็ย่อมยืนหยัดได้โดยไม่ยอมสยบต่อศัตรู พวกเขาประณามการกระทำของกองทัพเทพอนันต์ว่าฆ่าคนบริสุทธิ์ภายในเมืองหลวงสหพันธรัฐ และทหารที่เหลือรอดจะไม่ยอมแพ้ พวกเขาจะเป็นผู้ทำลายล้างกองทัพเทพอนันต์เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณให้กับผู้ที่เสียชีวิตในเมืองหลวงสหพันธรัฐ
แต่หลังจากการประกาศไม่นานก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น มีเหนือมนุษย์กลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปทำลายล้างกองทหารของกองทัพสหพันธรัฐมากกว่า 10 แห่งที่ออกมาประกาศจะทำลายกองทัพเทพอนันต์ในเวลาก่อนหน้านั้นจนสิ้น
การทำลายกองทัพด้วยกองทัพคงไม่สร้างความตื่นตระหนกได้เท่ากับการอาศัยแค่เหนือมนุษย์ 6 คนก็ทำลายกองทัพที่มีอาวุธครบมือของเมืองหนึ่งได้ ที่สำคัญเหนือมนุษย์เหล่านั้นมีพลังถึงระดับ A
ระดับ A 6 คนแม้แต่สหพันธรัฐในเวลาปกติก็ยังไม่สามารถรวบรวมได้มากขนาดนี้ สิ่งนี้คือความน่ากลัวที่แท้จริงภายในวันเดียวกันกองกำลังที่เหลืออยู่ก็ยอมแพ้ต่อกองทัพเทพอนันต์ในทันที
ทำให้กองทัพเทพอนันต์คือกองกำลังฝ่ายมนุษย์ที่เข้ามาแทนที่สหพันธรัฐ
ข่าวเรื่องของเหนือมนุษย์ระดับ A จำนวน 6 คนนั้นทำให้เจนรู้ว่าเอเชอร์กำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมาสองสามวันนี้อีกฝ่ายคงเริ่มการรวบรวมตัวตนของตัวเองอยู่
สำหรับเอเชอร์การได้ตัวตนกลับคืนมาก็คือการได้ความแข็งแกร่งกลับคืนมา
แม้ตอนที่สู้กันที่ใต้พิภพของสหพันธรัฐ เอเชอร์จะแสดงพลังที่เหนือกว่าระดับ Aแต่นั่นยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงและการต่อสู้กับอีกตัวตนที่ทรยศอย่างตาสาม ถึงตาสามจะไม่สามารถจัดการเอเชอร์ได้ แต่ก็คงสังหารตัวตนของเอเชอร์ไปไม่น้อย
ไม่อย่างนั้นพอจบเรื่องเอเชอร์คงส่งตัวตนที่เหลือเพื่อตามหาร่องรอยของเธอตั้งแต่แรกแล้ว
“พลังของเราในตอนนี้กำลังฟื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ถ้าสู้กันในตอนนั้นด้วยพลังตอนนี้เอเชอร์ไม่มีทางทำร้ายเราได้แน่นอน แต่ตอนนี้พลังอีกฝ่ายน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับแล้ว เจ้านั้นคงรู้เรื่องผ่านการเชื่อมต่อกับแซมสันก่อนที่ตัวตนแซมสันจะตาย” เจนคาดเดาในใจ
ดังนั้นตอนนี้เอเชอร์น่าจะยังไม่ตามมา แต่คงอีกไม่นาน
“พี่ลุคคือส่วนหนึ่งของเอเชอร์ เขาต้องตามมาจัดการพี่แน่นอน ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อตาสามนั้นคงคิดจะให้พี่เข้าไปหลบยังโลกมิติสมบูรณ์ที่สามสินะ” เจนมองไปที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่สาม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองปลายฝนมากนัก
แต่แล้วเจนก็ค้นพบว่าเหมือนที่นี่จะพึ่งผ่านสงครามมา เพราะสภาพด้านหน้าของประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่สามมีร่องรอยของการต่อสู้ สภาพเมืองถูกทำลายจนย่อยยับ
เจนหรี่ตาลงและระมัดระวังมากขึ้น เธอกวาดสัมผัสของตัวเองออกไปก่อนจะค้นพบว่ากิลด์เทพศาสตราวุธยังคงมีอยู่ เพียงแต่ที่กิลด์กลับพบกับกองกำลังมากมายที่ประจำการอยู่
กิลด์ที่มีกองทัพเป็นของตัวเอง เจนรู้สึกสนใจขึ้นในทันที
เธอค้นหาอยู่สักพักในที่สุดก็พบว่าที่ตึกสูงที่สุดมีกลุ่มคนที่เหมือนกับกำลังประชุมกันอยู่ ตามปกติแล้วคนที่จะประชุมกันได้ในสถานการณ์การแบบนี้ก็น่าจะเป็นพวกระดับสูงของกิลด์
เจนไม่รอช้าอุ้มลุคไว้ก่อนที่จะหายตัวไปในทันที
...
นิโคล บอสตัน ไอกะและสมาชิกระดับสูงของกิลด์อีกหลายสิบคนกำลังนั่งประชุมถึงแผนการที่พวกเขาต้องเดินหน้าต่อกันหลังจากการยึดครองประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่สาม
ในตอนแรกที่ทุกคนได้ยินว่าจะโจมตีทหารของกองทัพสหพันธรัฐเพื่อยึดครองประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่สามทุกคนคิดว่านิโคลบ้าไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกและต่อสู้อย่างสุดกำลังจนสามารถทำลายกองทัพสหพันธรัฐได้จริง ๆ
แถมใครจะไปคิดว่ากิลด์ยังมีไพ่ตายเก็บซ่อนไว้จำนวนมาก จนถล่มกองทัพสหพันธรัฐที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูและหลังประตูไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ถึงบางส่วนของทหารเหล่านั้นจะหนีไปยังส่วนลึกของโลกดึกดำบรรพ์ แต่ก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถกลับออกมาได้ แถมความเสียหายจากการต่อสู้ทำให้ทหารเหล่านั้นนับว่าเป็นแค่พวกเหลือรอดที่หนีอย่างกระเสือกกระสนเท่านั้น ดีไม่ดีคงโดนมอนสเตอร์ไม่ก็เผ่ามนุษย์วานรฆ่าตายแล้ว
ทางเข้าออกถูกพวกเขากิลด์เทพศาสตราวุธยึดครองไว้หมดแล้ว และเมืองด้านหลังประตู หรือภายในโลกดึกดำบรรพ์กิลด์เทพศาสตราวุธจัดการให้อยู่ในความสงบและรักษาสถานการณ์ไว้ชั่วคราว ยังไม่ได้เข้าไปจัดการอย่างจริงจัง
เพราะว่าพวกเขาต้องเริ่มจากการควบคุมเมืองปลายฝนก่อน
เมืองปลายฝนมีสำนักงานเมืองและสำนักงานเหนือมนุษย์ ทั้งสองมีกองกำลังของตัวเอง
ในช่วงที่ต่อสู้กันทหารที่ป้อมปราการของประตูมิติได้ขอกำลังเสริมมาที่สำนักงานเมืองและสำนักงานเหนือมนุษย์ ก่อนหน้านั้นสำนักงานเมืองได้ออกภารกิจจำนวนมากกับเหนือมนุษย์ของกิลด์ต่าง ๆ และเกณฑ์เหนือมนุษย์ไว้จำนวน
ทำให้พอสำนักงานเมืองตอบรับคำขอก็ส่งเหนือมนุษย์จำนวนมากไปช่วย จนกลายเป็นการปะทะกันจนเมืองหน้าป้อมปราการถูกทำลายเป็นวงกว้าง แต่อย่างไรซะด้วยการวางแผนของตาสามกับไพ่ลับหลายใบที่อีกฝ่ายเตรียมไว้แม้แต่สำนักงานเมืองก็ยังต้องพ่ายแพ้
อันที่จริงถ้าไม่นับกำลังทหารของสำนักงานเมืองที่คอยปกป้องเมืองปลายฝน พวกเหนือมนุษย์ที่ถูกเกณฑ์ไปก็ไม่ได้เต็มใจจะไปสู้ตายอยู่แล้ว สุดท้ายพวกนั้นก็สู้อย่างหลอก ๆ และยอมแพ้หลังจากที่เห็นว่ากิลด์เทพศาสตราวุธชนะทหารที่ป้อมปราการแล้ว
นิโคลเป็นคนที่เด็ดขาดมาก เธอสังหารผู้ปกเมืองปลายฝนคนใหม่ในทันทีและก็ควบคุมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเมืองไว้
การสังหารผู้ปกเมืองปลายฝนคนใหม่นั้นไม่ใช่เพราะเธอบ้าคลั่ง แต่เพื่อป้องกันการต่อต้านและทำลายความหวังของพวกเจ้าหน้าที่ ส่วนที่เธอไม่สังหารเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเพราะว่ายังต้องการใช้งานพวกเขาอยู่
ตอนแรกคิดว่าการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจะยุ่งวุ่นวาย แต่หลังจากข่าวการพ่ายแพ้ของสหพันธรัฐต่อกองทัพเทพอนันต์ก็ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ของสหพันธรัฐที่เหลือรู้ว่าทุกอย่างมาถึงจุดจบแล้ว
และมีขุมอำนาจขึ้นมาใหม่แล้ว ทุกคนคิดว่ากิลด์เทพศาสตราวุธคงร่วมมือกับกองทัพเทพอนันต์เหมือนกับกิลด์ต่าง ๆ ที่ก่อกบฏยึดเมืองตัวเอง
แต่คนระดับสูงกลับรู้ดีว่าไม่ใช่ นิโคลไม่เคยพูดว่าตัวเองเข้าร่วมกับกองทัพเทพอนันต์ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องการช่วงชิงผลประโยชน์และสร้างกองกำลังของตนเองขึ้นมา
ที่จริงมีหลายกองกำลังที่ฉวยโอกาสนี้เหมือนกัน ต่างกันก็แค่พวกนั้นไม่มีประตูมิติโลกสมบูรณ์อยู่ในการครอบครอง
ทุกคนรู้ว่าถ้าทำสำเร็จสิ่งที่พวกเขาจะได้รับก็มากมายมหาศาล แต่จะเป็นไปได้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ในเมื่อกองทัพเทพอนันต์คือคนที่กวาดล้างสหพันธรัฐแล้วพวกเขาจะปล่อยให้คนอื่นมาปาดหน้าเค้กส่วนหนึ่งไปจากพวกเขาง่าย ๆ ได้อย่างไร
โดยเฉพาะกองกำลังที่ไม่มีแม้แต่ระดับ A อย่าว่าแต่ระดับ A แม้แต่ผู้นำกิลด์พวกเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อได้เลย
“เราจะเอายังไงกับสำนักงานเหนือมนุษย์ ถึงพวกเขาไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่ว่ายังไงก็เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐ การที่เราเข้าไปควบคุมสำนักงานเมืองพวกเขาจะเห็นด้วยอย่างนั้นเหรอ” หนึ่งในคนที่ประชุมอยู่ถามขึ้นมา
“เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจ ตอนนี้สำนักงานเหนือมนุษย์ประจำเมืองปลายฝนได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับกิลด์ของพวกเราแล้ว”
“เข้าร่วม!?”
ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา แต่ก็พอทำความเข้าใจได้ ตอนนี้ไม่มีสหพันธรัฐแล้ว ไม่มีแม้แต่เมืองหลวง การที่สำนักงานเหนือมนุษย์ประจำเมืองปลายฝนจะเข้าร่วมกับกิลด์เทพศาสตราวุธที่เป็นขุมกำลังใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แถมมีข่าวว่าผู้อำนวยการอีคอนก็มีความสัมผัสกับผู้นำกิลด์ของพวกเขาอีกด้วย ทุกคนจึงพยักหน้ายอมรับได้
“หลังจากนี้เตรียมตัวให้พร้อม หลังจากที่เราควบคุมเมืองนี้ได้อย่างสมบูรณ์เราจะโอนถ่ายทรัพยากรเท่าที่ทำได้ไปยังโลกดึกดำบรรพ์” นิโคลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
แต่พอทุกคนได้ยินก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจกันในทันที มีแค่บอสตันและไอกะเท่านั้นที่ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เพราะทั้งสองรู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว
คำพูดของนิโคลชัดเจนว่าพวกเขาจะใช้โลกดึกดำบรรพ์เป็นฐานที่มั่นแห่งใหม่
“รองผู้นำกิลด์นิโคล ถึงพวกเราจะย้ายไปที่โลกมิติสมบูรณ์แห่งที่ 3 แต่ว่าประตูก็ยังผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ กองทัพเทพอนันต์จะไม่ปล่อยพวกเราไปแน่นอนหรือว่าคุณมีแผนการอื่นอีก”
“แผนการอื่น...”
นิโคลกำลังจะกล่าวต่อ แต่แล้วในตอนนั้นเองอยู่ ๆ ด้านหลังของเธอก็มีคนปรากฏตัวขึ้นมา เป็นเจนที่แบกลุคที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บมาที่นี่
นิโคลอาจจะจำหน้าเจนไม่ได้ในทันที แต่เธอสามารถจดจำลุคได้อย่างแน่นอน ถึงใบหน้าจะมีแผลฉกรรจ์ก็ตาม
“รีบพาเขาไปที่ห้องรักษาเร็ว”