ตอนที่ 28 ทำไมจะต้องอธิบายให้คุณฟัง
ตอนที่ 28
ทำไมจะต้องอธิบายให้คุณฟัง
ช่วงบ่ายถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่งโครงการข้อเสนอแนะที่แก้ไขแล้วไปให้ทางมู่กรุ๊ปเป็นการส่วนตัว
ประธานมู่ที่นั่งอยู่ในห้องทำงานกำลังมองดู แผนการธุรกิจ
ขณะที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเขา
ไม่กี่วินาทีต่อมา มู่อวี้เฉิงปิดเอกสารโครงการลงและเงยหน้าขึ้น “ประมาณนี้แหละ ตอนนี้มาเซ็นสัญญากันสักที”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและเริ่มพูดหารือกับเขา
หลังจากการเจรจาต่อรองได้มีการประกาศสัญญาความร่วมมือขั้นพื้นฐาน
มู่อวี้เฉิงพูดเบา ๆ ว่า “เดี๋ยวผมให้คนเอาเอกสารลงนามไปให้คุณที่บริษัทอีกที”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและเตรียมตัวที่จะกลับออกไป
ทว่าโทรศัพท์มือถือของมู่อวี้เฉิงกลับดังขึ้นก่อนและเป็นสายเรียกเข้าจากผู้เฒ่าตระกูลมู่
เขากดรับสาย “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปู่?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะให้แกแวะมากินข้าวเย็นกับฉันที่คฤหาสน์สักหน่อย” เสียงของผู้เฒ่าที่อยู่ปลายสายดังลอดออกมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการงุนงง
เธอเคยเจอท่านผู้เฒ่าตระกูลมู่แค่ครั้งถึงสองครั้งเท่านั้นแต่เขาเป็นคนที่สูงส่งและมีเกียรติมาก
ในขณะเดียวกันเขากลับเป็นคนเขียนสัญญาบีบบังคับให้เธอกับมู่อวี้เฉิงแต่งงานกัน
มู่อวี้เฉิงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
และเขาตอบรับสัญญากับชายชราว่าจะไปกินอาหารเย็นด้วยในตอนค่ำ
จากนั้นจึงวางสายโทรศัพท์
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นเขากดวางสายแล้วจึงถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านผู้เฒ่ายังแข็งแรงดีหรือเปล่าคะ?”
มู่อวี้เฉิงเงยหน้ามองเธอและตอบว่า “ยังแข็งแรงดี”
“อือ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ
ทั้งสองมองหน้ากันและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
จู่ ๆ บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานน้ำเสียงเรียบนิ่งของมู่อวี้เฉิงก็ดังขึ้นทำลายความเงียบสงบ “ตอนที่คุณหนีไป คุณปู่โกรธมากจริง ๆ รวมถึงตัดเยื่อใยที่มีให้ตระกูลถงด้วย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ตระกูลถง...
มันช่างเป็นชื่อที่ห่างไกลจากตัวเธอเหลือเกิน
นอกจากนี้เธอยังเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีสมาชิกในครอบครัวเหลืออยู่
เธอหวนนึกถึงเรื่องราวในปีนั้นตอนที่ซ่งอวี่ซีมาบอกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์กับมู่อวี้เฉิง
เธอกลับบ้านไปบอกพ่อว่าเธอกำลังจะยกเลิกการหมั้น
แต่มันกลับทำให้พ่อโกรธจัดจนพูดข่มขู่เธอว่า “ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ถ้าแกจะหนีงานหมั้นไปแบบนี้ก็อย่าได้กลับมาเหยียบตระกูลถงอีกตลอดชีวิต!”
เสียงตะโกนที่ฟังดูโกรธจัดยังคงดังก้องอยู่ในหู
และเป็นปีเดียวกันที่เธอเดินทางออกจากเมืองเป่ยบินลัดฟ้าไปต่างประเทศ
ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงลำพังในต่างแดน ไร้หนทางที่ไปต้องทุกข์ทรมานนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ครอบครัวกลับไม่เคยโทรหาเธอสักครั้งเดียว
ความรักในครอบครัวจืดชืดลงจนเธอหยุดคิดถึงความเป็นญาติพี่น้อง
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะกลับมาเหยียบประเทศจีนแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะกลับไปดูดำดูดีอีกเลย
เธอรู้สึกว่าในสายตาของพ่อเธอ เธอเป็นเพียงแค่เครื่องมือแสวงหาผลกำไรเท่านั้น!
มู่อวี้เฉิงสังเกตเห็นสีหน้าผิดแปลกของถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงอดถามไม่ได้ว่า “ทำไม?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรนี่?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดึงสติกลับมาและยิ้มปกปิดความรู้สึก “อันที่จริงคุณไม่บอกเรื่องตระกูลถงให้ฉันรู้ก็ได้ค่ะ เพราะตระกูลถงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว ฉันต้องขอโทษท่านผู้เฒ่าด้วยนะคะที่จากไปโดยไม่ลา ถ้าเกิดมีโอกาสฉันจะไปขอโทษท่านด้วยตัวฉันเอง”
เธอลุกขึ้นและพูดต่ออย่างใจเย็น “เริ่มมืดแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว
เขาเงยหน้ามองถงเหมี่ยวเหมี่ยวและถามว่า “ไม่มีอะไรจะบอกผมหน่อยเหรอ?”
ข่าวที่เขาถูกคู่หมั้นทอดทิ้งไปแพร่สะพัดเป็นวงกว้างอยู่นาน
และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจเกี่ยวกับชื่อเสียง
แต่เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชะงัก
เธอเข้าใจความหมายของมู่อวี้เฉิงดีว่าเขาต้องการให้เธออธิบาย
แต่เธอกลับตวาดเสียงและพูดประชดประชัน “มู่อวี้เฉิง คุณจะให้ฉันพูดอธิบายไปเพื่ออะไร ในโลกนี้สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำก็คือการอธิบายให้คุณฟัง!”
เธอพูดและเดินจากไป
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วมองดูเธอเดินหายไป
เขารู้สึกได้ถึงถ้อยคำเย็นชาและแรงเสียดสีที่ไหลออกมาจากกระดูกของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ขณะที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังเยาะเย้ยอยู่ในใจ
มู่อวี้เฉิงไม่มีเธออยู่ในใจด้วยซ้ำ หนำซ้ำยังมีลูกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วทำไมเขาจะต้องเอ่ยขอให้เธอพูดอธิบายด้วย?
อา...
ผู้ชายคนนี้กลับกลอกจริง ๆ!
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถอนหายใจและเดินออกจากมู่กรุ๊ปไปโดยไม่หันกลับมามอง
...
คืนนั้นมู่อวี้เฉิงกลับไปที่บ้านหลังเก่าประจำตระกูลมู่
บ้านหลังเก่าตั้งอยู่บนยอดเขาชวีหลงทางตอนใต้ของเมืองเป่ย
เป็นบ้านเก่าโบราณที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา
ภายในตัวบ้านมีศาลานั่งพักและน้ำตกหิน ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านมาเห็นภาพลวงตาราวกับเดินข้ามผ่านกาลเวลา
แต่เมื่อเดินเข้ามาในห้องนักเล่น เฟอร์นิเจอร์ภายในกลับดูทันสมัย
“นายน้อยกลับมาแล้วเหรอครับ”
พ่อบ้านคนแรกสังเกตเห็นว่ามู่อวี้เฉิงยืนอยู่ตรงบริเวณทางเข้าจึงเดินเข้ามาทักทาย
“ลุงหลิว วันนี้มีแขกมาบ้านหรือเปล่า?”
มู่อวี้เฉิงส่งกระเป๋าเอกสารในมือให้เขา เปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้าไปในบ้าน
“วันนี้คุณหนูซ่งมาพบนายท่านครับ” ลุงหลิวตอบตามความเป็นจริง
ทันทีที่เขาพูดจบ น้ำเสียงสดใสของซ่งอวี่ซีก็ดังขึ้น “อวี้เฉิงกลับมาแล้ว!”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น “คุณหนูซ่ง”
ซ่งอวี่ซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง
มู่อวี้เฉิงเมินเธอและพูดทักทายท่านผู้เฒ่า “คุณปู่”
ผู้เฒ่ามู่นั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา เส้นผมบนขมับทั้งสองข้างมีสีขาวล้วน แต่รูปลักษณ์หน้าตายังคงดูสง่างาม
เขามองเห็นปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนและพยักหน้า เบา ๆ “ไหน ๆ ก็กลับมาแล้วมากินข้าวกันสักที” เขาพูดและพยุงไม้เท้าเพื่อลุกขึ้นยืน
“คุณปู่มู่ เดี๋ยวหนูช่วยนะคะ” ซ่งอวี่ซีขยิบตาและก้าวไปข้างหน้า
ผู้เฒ่ามู่ไม่ได้ปฏิเสธ
ขณะที่กลุ่มคนเดินเข้าไปนั่งในห้องอาหาร
ซ่งอวี่ซีประพฤติตัวดีมีคุณธรรมเป็นพิเศษระหว่างทานอาหารเย็น
“คุณปู่มู่ลองชิมอันนี้ดูสิคะ” เธอใช้ตะเกียบคีบอาหารให้ผู้เฒ่ามู่และเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจภายในบริษัทให้เขาฟัง ทำให้ผู้เฒ่ามู่มีความสุขอย่างมาก
มู่อวี้เฉิงนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่ได้ตอบรับประเด็นหัวข้อที่ ซ่งอวี่ซีคอยหยิบยกขึ้นมา
แต่เมื่อไหร่ที่ผู้เฒ่ามู่ปริปากพูด เขาจะตอบรับครั้งถึงสองครั้ง
หลังจากเวลาอาหารเย็นจบลง ผู้เฒ่ามู่ขอให้ซ่งอวี่ซีไปเดินย่อยอาหารในสวนหลังบ้านก่อน จากนั้นจึงเรียกมู่อวี้เฉิงให้ตามไปที่ห้องสมุด
ซ่งอวี่ซีมองดูทั้งสองคนเดินหายไปด้วยสายตาที่คาดหวัง
เธอรู้ว่าชายชราจะพูดอะไรคราวเมื่อเรียกเขาเข้าไป
เธอคิดถึงเรื่องนี้แล้วจึงไปเดินยิ้มย่อยอาหารอยู่ในสวน
ลุงหลิวเข้ามาเสิร์ฟชาในห้องสมุดและเดินออกไป
ผู้เฒ่ามู่มองดูหลานชาที่นั่งเงียบ ๆ อยู่บนโซฟา จิบน้ำชาตรงหน้าแล้วถามว่า “แกรู้มั้ยว่าที่ปู่เรียกแกขึ้นมาเพราะจะคุยเรื่องอะไร?”
มู่อวี้เฉิงส่ายหน้า “ไม่รู้ครับ”
“ตอนนี้แกก็ไม่เด็กแล้วนะ ถึงเวลาคิดเรื่องสำคัญในชีวิตแล้ว”
ผู้เฒ่ามู่วางถ้วยชาในมือลงและค่อย ๆ พูดว่า “อวี่ซีเป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียว และเธอก็จริงใจกับแกมาก”
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลง
เขาเงยหน้ามองผู้เฒ่ามู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ออกเชิงขำขันว่า “นี่คุณปู่จะบงการชีวิตการแต่งงานของผมอีกแล้วเหรอครับ?”