ตอนที่ 27 พลาดโอกาสดี ๆ
ตอนที่ 27
พลาดโอกาสดี ๆ
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ผู้จัดการล้อเล่นเหรอคะ?”
“ใช่ ผู้จัดการยังเด็กอยู่เลยค่ะ”
ทุกคนไม่เชื่อเพราะถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังดูอายุไม่เยอะมากนัก เพียงแค่ยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี
“ฉันจะโกหกพวกคุณไปทำไม? ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถาม กู้ชิงดู เธอเคยเจอลูกชายฉันแล้ว” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเชิดหน้าไปทางกู้ชิง
คนอื่นต่างรอคอยคำยืนยันจากกู้ชิง
“ลูกชายผู้จัดการอายุได้ห้าขวบแล้วค่ะ” กู้ชิงเพียงพูดถึงเรื่องลูกของเธอเท่านั้น ไม่ได้ถึงพูดถึงเรื่องการแต่งงานของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ทว่าคนอื่นกลับประหลาดใจและเข้าใจผิดว่า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแต่งงานแล้ว
จากนั้นพวกเขาจึงพูดคุยกันเรื่องอื่นต่อจนทำให้บรรยากาศกลมเกลียวกันมากขึ้น
หลังจากกินอาหารกันเสร็จแล้ว ทุกคนต่างมีจิตใจเบิกบานและเสนอแนะให้ไปดื่มกันต่อที่บาร์
“ผู้จัดการนาน ๆ ทีจะได้มารวมตัวกัน ไปด้วยกันนะคะ”
พวกเขาสามถึงห้าคนรายล้อมถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้และเชื้อเชิญถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้ไปด้วยกัน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่อยู่ในฐานะผู้บริหารสูงสุดไม่สามารถพูดปฏิเสธได้จึงตอบตกลง
...
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ห้องผู้จัดการใหญ่ประจำซ่งกรุ๊ป
หลังจากที่ซ่งอวี้ซีนั่งลงได้ไม่นาน ผู้ช่วยก็เดินเข้ามาเคาะประตู
“ผู้จัดการคะ มู่กรุ๊ปส่งเอกสารโครงการมาคืนค่ะ”
“ตีคืนเหรอ?”
ซ่งอวี่ซีประหลาดใจและรู้สึกเหลือเชื่อ “ทำไมถึงถูกตีกลับได้?”
เธอขมวดคิ้วและคิดพิจารณาอยู่นาน แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หรือว่าตัวโครงการจะมีอะไรผิดพลาดไป?
“แล้วทางมู่กรุ๊ปว่ายังไงบ้าง?”
ผู้ช่วยพูดตอบตามความเป็นจริง “ทางมู่กรุ๊ปบอกว่าเจอบริษัทคู่ค้าที่เหมาะสมแล้วค่ะ”
“ใคร?” ใบหน้าของซ่งอวี่ซีมืดลง
เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาชนะการร่วมมือนี้มาโดยตลอด เพราะซ่งกรุ๊ปกับมู่กรุ๊ปจับมือร่วมกันมายาวนาน
ประกอบกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างทั้งสอง แต่เธอกลับนึกไม่ถึงว่ามู่อวี้เฉิงจะปฏิเสธบริษัทของเธอ!
ผู้ช่วยเห็นว่าสีหน้าเธอดูไม่มีความสุขจึงบอกข้อมูลที่รับรู้มา “ได้ยินมาว่าเป็นสตีเฟน ท่านประธานมู่เป็นคนตัดสินใจเลือกโครงการของพวกเขาเองด้วยค่ะ”
“เธอว่าไงนะ?” ซ่งอวี่ซีหันไปมองผู้ช่วยและตวาดขึ้นเสียง
ผู้ช่วยสะดุ้งโหยงกับสีหน้าดุร้ายของเธอจึงรีบพูดตอบขณะที่เหงื่อไหลลงมา “เป็นสาขาของทางบริษัทสตีเฟนค่ะ”
ใบหน้าของซ่งอวี่ซีมืดมนลงทันที
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยว!” เธอกัดฟันและกรีดร้องออกมา
ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเธอเป็นคนฉีกโครงการสตีเฟนทิ้งเองกับมือ!
คงจะเป็นนังแพศยานั่นที่เข้าไปอ่อยมู่อวี้เฉิงน่ะสิ!
เธอคิดถึงเรื่องนี้และเริ่มตื่นตระหนก
ทุกคนรู้ดีว่ามู่อวี้เฉิงแบ่งแยกบริษัทของภาครัฐกับเอกชนมาโดยตลอด
แต่นังแพศยาถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับทำให้เขาเปลี่ยนความคิด!
เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาทั้งสองจะแอบไปมาหาสู่กันโดยที่เธอไม่รู้ตัว?
ไม่!
เธอจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้เกิดขึ้น!
เธอลุกขึ้นยืนกะทันหันจนทำให้ผู้ช่วยที่รอรับคำสั่งการอยู่สะดุ้งโหยง
“ผู้จัดการคะ?” ผู้ช่วยเหลือบมองซ่งอวี่ซีขณะที่ร่างกายสั่นเทา
“เธอออกไปทำงานเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย!” เธอพูดทิ้งทวนและหันหลังเดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่หันกลับมามอง
เธอขับรถตรงไปที่มู่กรุ๊ป
หลังจากแจ้งลู่หมิงแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องทำงานของมู่อวี้เฉิง
“อวี้เฉิงตีแผนการซ่งกรุ๊ปกลับมาทำไม มีปัญหาอะไรก็มาบอกฉันสิ ฉันจะบอกให้คนไปแก้ไข”
เธอเดินตรงไปที่โต๊ะของมู่อวี้เฉิง วางมือลงและพูดตรงประเด็น
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่แยแส “ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว โครงการของซ่งกรุ๊ปไม่ตรงตามข้อกำหนดของทางบริษัทเรา”
ซ่งอวี่ซีโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอรู้ว่ามู่อวี้เฉิงกำลังพูดแก้ต่าง
เธอตะคอก “แผนนโยบายไม่ตรงตามข้อกำหนดไหน ก็เห็นกันอยู่ว่าเงื่อนไขในแผนการสอดคล้องกับข้อกำหนดบริษัทนายชัดเจน!”
เธอตาบอดเพราะความหึงหวงจึงกัดฟันพูดถามว่า “อวี้เฉิงบอกความจริงกับฉันมานะที่นายเลือกสตีเฟนเพราะ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำงานอยู่บริษัทนี้ใช่มั้ย มันเป็นเพราะ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวใช่มั้ย!”
มู่อวี้เฉิงก้มหน้าลงและโต้กลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณซ่ง ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องอธิบายเรื่องเกณฑ์การตัดสินใจให้เธอฟังนะ และเธอกำลังทำตัวจุ้นจ้านเกินไปหรือเปล่า”
เขาพูดและเงยหน้ามองซ่งอวี่ซีอย่างไม่แยแส
ซ่งอวี่ซีมองดูสายตาเย็นชาและเฉียบคมของมู่อวี้เฉิงแล้วรู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายของเธอกำลังถูกอ่างน้ำเย็นขนาดใหญ่ราดลงมาจากศีรษะไหลลงมาตามลำตัวจนกระทั่งถึงขา
ตอนนี้เธอสงบลงแล้ว แต่ดวงตาของเธอยังคงดูหงุดหงิดอยู่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเสียการควบคุมตัว
เธอทำพลาดไปได้อย่างไร?
“อวี้เฉิง ฉันขอโทษ เมื่อกี้ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นน่ะ ฉันแค่.. ฉันแค่รีบร้อนไปหน่อย” ซ่งอวี่ซีพูดอธิบายด้วยเสียงตะกุกตะกัก
แต่มู่อวี้เฉิงกลับทนไม่ไหวอีกต่อไป “คุณซ่งไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น”
เขาพูดและเอื้อมมือออกไปต่อสายภายในเรียกลู่หมิงให้เข้ามาและออกคำสั่งโดยไม่ลังเล “ส่งคุณซ่งออกไป!”
ซ่งอวี่ซีเป็นว่ามู่อวี้เฉิงกำลังโกรธจัดจึงไม่กล้าอยู่รบกวนเขาต่อและเดินออกไปพร้อมกับลู่หมิง
หลังจากออกมาจากมู่กรุ๊ปแล้ว เธอหันไปมองตึกสูงตระหง่านทางด้านหลังและรู้สึกเสียใจเบา ๆ
เธอรู้ดีว่าหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มู่อวี้เฉิงจะเริ่มเกลียดขี้หน้าเธอ!
ไม่!
เธอจะปล่อยให้เรื่องราวต่าง ๆ ไปไกลเกินกว่าที่เธอจะควบคุมไม่ได้ เธอจะต้องรีบจัดการเรื่องงานแต่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด!
เธอคิดและขับรถออกไปหาพ่อเพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องนี้
ณ วิลล่าตระกูลซ่งที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตวิลล่าหลู่ซีบนถนนวงแหวนสายที่สามของเมืองเป่ย
ตัวอาคารมีการตกแต่งสไตล์ยุโรป
เจียงไต้เอ๋อนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นอันสว่างจ้าและหรูหรา
ซ่งอวี่ซีเดินเข้ามาและพบว่าพ่อเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยจึงถามว่า “คุณแม่คะ คุณพ่อล่ะ?”
“อวี่ซี ทำไมวันนี้กลับมาเร็วนักล่ะลูก?”เจียงไต้เอ๋อมองดูซ่งอวี่ซีด้วยความประหลาดใจ
ซ่งอวี่ซีครุ่นคิดเรื่องบางอย่างในใจและพูดเร่งเร้า “เอาไว้หนูจะเล่าให้ฟังทีหลัง คุณแม่บอกมาสิคะว่าคุณพ่ออยู่ไหน?”
“คุณพ่ออ่านหนังสืออยู่ชั้นบนจ๊ะ”
ซ่งอวี่ซีรีบวิ่งตรงขึ้นไปยังห้องสมุดทันที
“คุณพ่อ!”
เธอผลักประตูเข้าไปโดยไม่รอให้ซ่งเผิงฟู่ขานรับและพูดเข้าตรงประเด็น “มีวิธีไหนที่จะพอช่วยให้หนูกับมู่อวี้เฉิงได้แต่งงานกันเร็ว ๆ มั้ยคะ?”
ซ่งเผิงฟู่ตกตะลึงและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ก็กังวลขึ้นมาอีก?”
ซ่งอวี่ซีไม่ได้ปิดบังอะไร เธอเล่าเรื่องที่โครงการความร่วมมือของซ่งกรุ๊ปถูกตีกลับและเล่าเรื่องของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
“คุณพ่อรีบหาทางช่วยหนูหน่อยนะคะ ไหนงั้นนังชั่วถงได้ปล้นมู่อวี้เฉิงไปแน่!”
สีหน้าของซ่งเผิงฟู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย
มู่อวี้เฉิงเป็นว่าที่ลูกเขยคนโปรดของเขา และเขาเองก็มีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวจึงไม่ต้องการพลาดโอกาสดี ๆ ไป
เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและพูดตามความคิด “ลูกก็ลองไปหาท่านผู้เฒ่าตระกูลมู่ดูสิ มู่อวี้เฉิงยังฟังคำพูดของท่านผู้เฒ่าอยู่”
“แบบนั้นจะได้เหรอคะ?” ซ่งอวี่ซีลังเล
ตามความรู้สึกของเธอพบว่ามู่อวี้เฉิงไม่ใช่คนที่จะหลับหูหลับตาเชื่อฟังคำสั่งของพวกผู้ใหญ่
ซ่งเผิงฟู่พุดเตือนว่า “อย่าลืมว่าการหมั้นครั้งล่าสุดของมู่อวี้เฉิงเกิดขึ้นเพราะท่านผู้เฒ่ามู่”
ซ่งอวี่ซีฟังและหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เธอเริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้งและวางแผนจะเข้าไปพ่อท่านผู้เฒ่ามู่ในคืนนี้
อย่างน้อยท่านผู้เฒ่ามู่ก็ยังชื่นชอบเธออยู่