ตอนที่ 25 คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า
ตอนที่ 25
คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า
มู่อวี้เฉิงกำลังจะถามว่าเขามีภรรยากับลูกตั้งแต่ตอนไหน แต่เสียงของอันจินเจ๋กลับดังขึ้นจากทางด้านหลังเสียก่อน
“พี่เฉิง”
มู่อี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยุดชะงัก
อันจินเจ๋วิ่งไล่ตามมาจนทันและยื่นโทรศัพท์เครื่องสีเงินให้ “พี่เฉิง พี่ลืมโทรศัพท์ไว้น่ะ”
เขาพูดขณะกวาดสายตาอย่างรู้อยากเห็นมาที่สองคน
ตอนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินออกมา พี่เฉิงก็เดินตามออกมาด้วย
หากบอกว่าระหว่างสองคนนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ เขาก็จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดต่อให้จะถูกทุบตีจนตายก็ตาม
มู่อวี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา
จนถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอึดอัด
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองอันจินเจ๋และพูดเตือนสติด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีอะไรมั้ย?”
“เอ่อ... ไม่มี ไม่มีอะไร พี่เฉิงกลับดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวผมกลับเข้าไปในเลาจน์ก่อนนะ”
อันจินเจ๋ที่สัมผัสได้ถึงสายตาอันตรายรีบหันหลังกลับและเดินหลีกหนีสายตาของทั้งสองคนทันที
เมื่อเขาจากไปบรรยากาศระหว่างถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงดูน่าอึดอัดยิ่งขึ้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง เม้มปากไม่พูดอะไรและเดินตรงไปข้างหน้า
ขณะเดียวกันแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์จนเธอเริ่มเวียนหัว
มู่อวี้เฉิงรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าเธอเดินโซซัดโซเซ จึงรีบไล่ตามไปถามว่า “ขับรถมาหรือเปล่า?”
“ขับมาค่ะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลูบขมับทั้งสองข้าง และพูดด้วยน้ำเสียงอดกลั้น “ตอนนี้ฉันคงจะขับรถกลับไม่ไหว ว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ คุณมู่กลับเข้าไปก่อนเถอะค่ะ”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วมองดูใบหน้าที่พยายามอดกลั้นของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว และพูดเบา ๆ ว่า “ผมจะไปส่งคุณ”
“ไม่ต้องค่ะ มันไม่เหมาะ อีกอย่างฉันไม่อยากรบกวนคุณมู่ด้วย” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด
เธอพูดและเตรียมจะออกไป
แต่ข้อมือเธอกลับถูกดึงเอาไว้เป็นผลให้ร่างกายที่ไม่มั่นคงนักเอนตัวไปทางด้านหลัง
ทันทีที่เธอกำลังจะล้มลง อ้อมแขนแกร่งก็เข้ามาพยุงเอวเธอไว้ได้ทันเวลา
เธอถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงกลิ่นหอมอำพันทะเลที่คุ้นเคยเท่านั้นที่พุ่งเข้ามาปะทะกับจมูก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวผงะไปครู่หนึ่งแล้วจึงเริ่มดีดดิ้น
“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉัน!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนึกถึงไม่ว่าอาการตอบสนองของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะรุนแรงขนาดนี้จึงปล่อยมือออก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่กลับมาเป็นอิสระจ้องเขม็งไปที่ มู่อวี้เฉิง และหันหลังเดินจากไป
แต่จู่ ๆ เธอกลับหยุดเดินอีกครั้ง
“มู่อวี้เฉิง คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” เธอร้องตะโกนด้วยความโกรธจัด
ไม่รู้ว่าเมาหรือกำลังโกรธกันแน่ แต่แก้มของเธอกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับแอปเปิลที่กำลังสุกงอมส่งกลิ่นหอมเย้ายวน
มู่อวี้เฉิงงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง
เขามองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เดินโซซัดโซเซไปข้างหน้าจึงรีบเดินตามไปคว้าแขนของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้อีกรอบ
“เมาแล้วอย่าทำตัวเก่ง ไม่ได้ยินเหรอว่าช่วงนี้มีข่าวว่าพวกคนร้ายชอบมาจับตัวผู้หญิงเวลาอยู่คนเดียว?” น้ำเสียงทุ้มฟังดูจริงจัง
เขาพูดเสริมราวกับรู้สึกว่าประโยคก่อนหน้ายังไม่ร้ายแรงเพียงพอ “ถ้าคุณยังดื้อดึง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปโผล่บนข่าวหน้าหนึ่งเอาหรอก ให้มากกว่านี้ก็คงจะโดนตัดหัวตัดตัวทิ้งด้วย”
“นี่คุณกำลังขู่ใคร?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำเป็นไม่เชื่อแต่สีหน้ากับซีดเผือด
มู่อวี้เฉิงมองเธอด้วยสายตาเฉยเมย “คิดว่าผมกำลังโกหกคุณหรือไง?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดและส่ายหน้า
ผู้ชายคนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องพูดโกหกด้วยซ้ำ
แต่...
“คุณไม่ได้โกหกฉันจริง ๆ ใช่มั้ย?”
มู่อวี้เฉิงหรี่ตามองสายตาสงสัยของถงเหมี่ยวเหมี่ยว “ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเชื่อมั้ย”
เขาพูดและเดินผ่านถงเหมี่ยวเหมี่ยวไป
ทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาทันใด
เธอวิ่งไปข้างหน้าและคว้าชายเสื้อของมู่อวี้เฉิง “เดี๋ยวสิ”
มู่อวี้เฉิงหยุดเดิน
เขาเลิกคิ้วและพูดเสียงเย็นชา “มีอะไร?”
“เอ่อ... งั้นรบกวนคุณขับรถไปส่งหน่อยสิ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มขณะเงยหน้าขึ้นมอง
มู่อวี้เฉิงมองดูเธอด้วยสายตาสุขุมแล้วยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว “งั้นไปกันเถอะ”
เมื่อเป็นเช่นนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงเดินจับชายเสื้อ มู่อวี้เฉิงออกมาจากคลับ
บรรยากาศภายในรถเงียบมาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเวียนหัวมากจึงเอนกายพิงเบาะนั่งและหลับตาลง
มู่อวี้เฉิงหันหน้าไปมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว เธอดูน่ารักอ่อนหวานราวกับแมวน้อยที่ถูกถอดกรงเล็บออก
ความรู้สึกแปลก ๆ แวบเข้ามาในใจแต่เขากลับเมินเฉย
เขาขับชะลอรถลงเพื่อให้มั่นคงมากขึ้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่อวี้เฉิงขับรถมาจอดใต้คอนโดมีเนียมของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เขามองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยังคงหลับสบายอยู่ด้านข้างและเอื้อมมือออกไปเขย่าตัวเบา ๆ “ตื่น ถึงแล้ว”
“ถึงแล้วเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง จิตใจยังคงสับสนอยู่
มู่อวี้เฉิงมองดูท่าทางมึนงงของหญิงสาวตรงหน้า เธอดูน่ารักมากตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์เฉลียวฉลาดในเวลาปกติ จนทำให้เขารู้สึกสนใจมากขึ้น
น้ำเสียงทุ่มดังขึ้นเมื่อเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังจะเปิดประตูลง “จะออกไปแบบนี้เหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้สติคืนมาเล็กน้อย
เธอมองดูชายคนข้าง ๆ และถามด้วยความสงสัย “มีอะไรอีกคะ?”
มู่อวี้เฉิงเลิกคิ้วขึ้น “คืนนี้คุณมาหาผมเป็นพิเศษเพราะอะไร คุณลืมไปแล้วเหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกถึงเรื่องโครงการ
“ขอโทษค่ะ ฉันเกือบลืมไปเลย” เธอพูดและหยิบเอกสารโครงการจากในกระเป๋าออกมายื่นให้
มู่อวี้เฉิงเปิดดูทันทีหลังจากได้รับเอกสารมา
เขาเป็นคนอ่านไวมากสามารถอ่านได้ครั้งละสิบบรรทัดในรอบเดียว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูและไม่ยอมลงจากรถ
ไม่นานหลังจากนั้นน้ำเสียงไพเราะชวนน่าหลงใหลก็ดังขึ้น “ถ้าเกิดไม่ถืออะไร ผมอยากจะสอบถามเรื่องโครงการของคุณสักหน่อย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวย่อมไม่ปฏิเสธเมื่อพูดถึงเรื่องงาน
เธอพยักหน้า “ว่ามาเลยค่ะ”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าเอนกายลงบนเบาะนั่งขณะถือกระดาษเอกสาร ลดศีรษะลงเพื่อหันไปมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวและพูดว่า “ยังมีแผนการอีกสองสามข้อที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างดี ผมอยากให้คุณแก้ไขในส่วนนี้หน่อย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชะงักจนแข็งทื่อ
พวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกไม่สบายใจกับกลิ่นหอมของชายหนุ่มที่ลอยเข้ามาแตะจมูกเพราะมันทำให้หัวใจของเธอกระสับกระส่าย
เธอเงยหน้าขึ้นมองดูบุคลิกเย็นชาหล่อเหลาไร้ที่ติที่ชวนให้ดึงดูดสายตา
ใจหนอใจ เต้นแรงเสียกว่าอะไร
เธอกลืนน้ำลายขณะถอยหลังกลับ และเขยิบถอยห่างออกไปเล็กน้อย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถอนหายใจเมื่อรู้สึกว่ากลิ่นของชายหนุ่มเบาบางกว่าในตอนแรก และเตรียมตั้งใจฟังคำติชมของชายหนุ่มต่อ
เพียงแต่เธอไม่รู้ว่ามู่อวี้เฉิงเห็นการกระทำลับ ๆ ล่อ ๆ ทั้งหมดของเธอ
มู่อวี้เฉิงรู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจถอยตัวห่างออกจากเขา
เขาขมวดคิ้วแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่อวี้เฉิงปิดเอกสารลงและส่งมันคืนให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “คุณเอามันกลับไปแก้ไขให้เสร็จ พอเสร็จแล้วให้คนเอาฉบับสมบูรณ์มาส่งผมด้วย”
“ค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบรับและเตรียมจะลงจากรถ
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรบางอย่างออกจึงหยุดและพูดว่า “วันนี้ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
เธอเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในคอนโดโดยไม่หันหลังกลับมามอง
มู่อวี้เฉิงมองดูเธอเดินหายไปด้วยดวงตาที่มืดมน จากนั้นจึงเลี้ยวรถขับออกไป