ตอนที่ 24 เรื่องทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว
ตอนที่ 24
เรื่องทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและรินไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว จากนั้นจึงลุกขึ้นยื่นและพูดต่อว่า “วันนี้ฉันดีใจมากที่ได้มาเจอพวกคุณทุกคน หวังว่าในอนาคตพวกคุณจะให้คำปรึกษาเพิ่มเติมแก่ฉันบ้างนะคะ”
เธอทำท่ายกแก้วไวน์ขึ้น เงยหน้าและดื่มไวน์จนหมดแก้ว “หมดแก้ว เชิญทุกท่านค่ะ”
คนอื่น ๆ ตกตะลึงนึกไม่ถึงว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะเป็นคนตรงไปตรงมา
คนบางส่วนชะงักไปหลายนาทีกว่าจะปรบมือให้เธอ
“จัดไป ผมชอบคนตรง ๆ แบบคุณนะ”
“หมดแก้ว ผมซูจิ่นซวนจะดื่มเป็นเพื่อนคุณเอง”
“หมดแก้ว จะปล่อยให้ผู้หญิงนำพวกเราไม่ได้นะ!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มขณะมองดูคุณชายทั้งหลาย จากนั้นจึงดื่มกับพวกเขาต่ออีกสองสามแก้ว
เธอมีทักษะการสื่อสารค่อนข้างดี ทำให้เข้ากับคุณชายทั้งหลายได้อย่างรวดเร็ว
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นว่าภายในห้องมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม และเพื่อน ๆ ทั้งหลายพากันทำตัวคึกคักเหมือนลิงกระโดด
สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวด้านข้าง มืดมนลงจนหาก้นบึ้งลึกไม่เจอ
ผู้หญิงคนนี้สามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าเธอคงจะเข้าร่วมงานสังสรรค์ต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
มู่อวี้เฉิงรู้สึกไม่พอใจอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขาไม่พอใจตรงไหน
ขณะเดียวกันคุณชายทั้งหลายสังเกตเห็นว่า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีความสามารถที่ค่อนข้างกว้างขวาง
คุณชายที่เคยพูดล้อเล่นก่อนหน้านี้ปรับเปลี่ยนทัศนคติและเริ่มพูดชมถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เมื่อบรรยากาศเป็นใจก็เริ่มจะอดถามไม่ได้ “อีกอย่างเราคุยกันมาตั้งนานแล้ว ว่าแต่ผู้จัดการคนสวยชื่ออะไรครับ?”
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยวค่ะ หรือจะเรียกฉันว่าผู้จัดการถงก็ได้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มรับเบา ๆ
พวกคุณชายมองหน้ากันและพูดว่า “ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ชื่อคุ้นจัง”
“คุ้นมากจริง ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน”
อันจินเจ๋ถือแก้วไวน์ขณะมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยว “ผู้จัดการถง เราน่าจะรู้จักกันมานานแล้วใช่มั้ยครับ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวบิดเบี้ยวทันที
เธอรู้ดีว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อของเธอ
คราวเมื่อเธอหมั้นกับมู่อวี้เฉิงเมื่อห้าปีก่อน ทุกคนในเมืองต่างรู้เรื่องนี้
“ผู้จัดการถง ทำไมถึงเงียบไปล่ะครับ?” อันจินเจ๋มองดู ถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยความประหลาดใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหัวเราะแฮะ ๆ และปฏิเสธ “รองประธานอันคงจะจำผิดแล้วล่ะค่ะ เราเคยเจอกันครั้งนี้ครั้งแรก”
อันจินเจ๋ขมวดคิ้วและพึมพำ “ผมว่าผมจำไม่ผิดนะ ผมเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน”
เขาพูดและก้มหน้าคิด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตื่นตระหนกมองดูมู่อวี้เฉิงด้วยอาการลุกลี้ลุกลน
มู่อวี้เฉิงสังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองและเลิกคิ้วให้เธอ
เดิมทีถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดว่ามู่อวี้เฉิงจะห้ามปรามปัญหาดังกล่าว
แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะปริปากพูดอะไร เธอจึงได้แต่สวดภาวนาอ้อนวอนในใจให้อันจินเจ๋จำเรื่องนี้ไม่ได้
ยิ่งกลัวมากเท่าไหร่มันย่อมเป็นจริงมากเท่านั้น
“ผมจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน... คุณเป็นคู่หมั้นของพี่เฉิงใช่มั้ย?”
อันจินเจ๋ร้องตะโกนและชี้ไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยความประหลาดใจ
บรรยากาศภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดทันทีเมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจมากจนสำลัก
เธอกระแอมสองสามครั้งและพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “... เรื่องทั้งหมดมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้เราเป็นแค่คู่ค้ากันค่ะ”
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ จนทำให้บรรยากาศตึงเครียดลง
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับคู่หมั้นของมู่อวี้เฉิงที่หายตัวไปได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง
คุณชายทรงอำนาจจากตระกูลมู่ถูกผู้หญิงทอดทิ้ง!
เดิมทีไม่คิดใครกล้าคิดถึงเรื่องนี้ แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องจริง
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่ทุกสายตากลับจับจ้องไปที่มู่อวี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสังเกตเห็นดวงตาพวกนี้รวมถึงบรรยากาศที่น่าอึดอัดจนเธอรู้สึกหงุดหงิด
หากเธอรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเธอจะสูญเสียตัวตนไป เธอคงจะไม่อยู่ต่อ
ขณะที่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ เสียงทุ้มลึกของมู่อวี้เฉิงที่อยู่ด้านข้างก็ดังขึ้น “ดื่มพอหรือยัง? ไม่กลับบ้านเหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจ
หลังจากเธอตระหนักได้จึงรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาและพยักหน้า “ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เธอพูดขณะคว้ากระเป๋าที่วางเอาไว้และบอกอำลาทุกคน “ทุกท่าน ฉันขอตัวก่อนนะคะ เชิญดื่มต่อให้ต่อเลยค่ะ ขอให้สนุกนะคะ แล้วเอาไว้เจอกันใหม่”
ทุกคนมองดูสีหน้าเย็นชาของมู่อวี้เฉิงและโบกมือลาตามหลังถงเหมี่ยวเหมี่ยว
“คุณถงกลับบ้านปลอดภัยนะครับ เอาไว้เจอกันใหม่”
“ครั้งต่อไปถ้ามีโอกาสผมจะไปหารือความร่วมมือกับคุณบ้าง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยายามตอบสนองและรีบเดินออกจากห้องราวกับกำลังหลบหนี
เธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับคำพูดถึงความร่วมมือหรือการกลับมาพบกันใหม่
มู่อวี้เฉิงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าบูดบึ้งเมื่อเห็นร่างของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหายออกไปจากประตู
“พี่เฉิง พี่...”
แต่ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ มู่อวี้เฉิงก็ขึ้นเสียงตวาดขัดจังหวะ “ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ระวังลิ้นของพวกแกเอาไว้ให้ดี!”
เขากวาดสายตาเย็นชามองรอบห้อง และจับจ้องไปที่อันจินเจ๋
อันจินเจ๋หวาดกลัวสายตาเย็นชาจนตัวสั่นสะท้าน รีบทำท่ารูดซิปปาก
เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
มู่อวี้เฉินถอนหายใจและเดินออกจากห้องไป
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง และหลังจากนั้นบทสนทนาก็เริ่มขึ้น
“พวกแกว่าพี่เฉิงจะทำอะไร?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ?”
“ไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไร แต่มารอดูการแสดงกันดีกว่า”
มู่อวี้เฉิงไม่รู้ว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรกันอยู่
เขาเพียงเดินตามถงเหมี่ยวเหมี่ยวออกมาจากเลาจน์
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้วและเมื่อแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์มันทำให้เธอมึนเมาจนเดินไปได้ไม่ไวนัก
เธอได้กลิ่นคุ้นเคยใกล้เข้ามาจึงหันหลังกลับและเห็นว่ามู่อวี้เฉิงเดินเข้ามาอยู่ข้าง ๆ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “คุณออกมาทำไมคะ?”
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเธอ
แก้มนวลของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงก่ำเมื่ออยู่ภายใต้แสงขาว ดวงตาทั้งสองข้างหยาดเยิ้ม
กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ผสมปนเปกับกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยออกมาจากตัวหญิงสาวจนส่งกลิ่นหอม
“หืม? คุณมองอะไร?”
มู่อวี้เฉิงมองดูเธอโดยไม่พูดไม่จาอยู่สักพักหนึ่งจน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก้มลงไปมองเสื้อผ้าตัวเอง
“ไม่มีอะไร”
มู่อวี้เฉิงมองดูการเคลื่อนไหวของเธอและหันไปมองทางด้านหลังอย่างไม่สบายใจนัก “ที่บริษัทยังมีเรื่องต้องจัดการอยู่ ผมต้องกลับไปสะสางก่อน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ทันได้เห็นความแปลกประหลาดของมู่อวี้เฉิง “คุณยุ่งจังค่ะ ขนาดตอนกลางคืนยังไม่ได้พักเลยเหรอ”
“ผมก็เป็นแบบนี้มาตลอด” น้ำเสียงฟังดูสงบ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเม้มปากและพึมพำ “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
“ว่าไงนะ?” มู่อวี้เฉิงได้ยินไม่ชัดจึงเอ่ยถาม
ทว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไม่ได้พูดตามความจริง เธอเม้มปากและพูดต่อ “ฉันถามว่าคุณจะไม่กลับไปใช้เวลากับภรรยากับลูกเหรอ? ไม่ว่าคุณจะยุ่งมากแค่ไหนแต่ก็ควรใช้เวลาพักผ่อนกับพวกเขาบ้างหรือเปล่า?”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดแบบนี้
ลูกอะไร ภรรยาอะไร?
เขามีภรรยามีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่?